Blockdit Logo
Blockdit Logo (Mobile)
สำรวจ
ลงทุน
คำถาม
เข้าสู่ระบบ
มีบัญชีอยู่แล้ว?
เข้าสู่ระบบ
หรือ
ลงทะเบียน
BSbP
•
ติดตาม
16 พ.ย. เวลา 10:05 • ประวัติศาสตร์
สงครามโลกครั้งที่หนึ่ง:EP.2 การเดิมพันที่ผิดพลาด: ความเร็วและทางตัน
(The Failed Gamble: Speed and Stalemate)
อนิจจังของเดือนสิงหาคม
ในเดือนสิงหาคม ปีคริสตศักราช 1914... มันคือเดือนที่ความบ้าคลั่งเข้าครอบงำโลก...
ลองย้อนกลับไปดูความคิดของผู้คนในตอนนั้นนะครับ... ไม่ว่าคุณจะเป็นทหารฝรั่งเศส ที่แต่งกายด้วยชุดสีฟ้าสดใสพร้อมกางเกงแดงชาด หรือเป็นทหารเยอรมัน ที่ใส่หมวกเหล็กปลายแหลมอันน่าเกรงขาม... ความคิดเดียวที่วิ่งอยู่ในหัวของพวกเขาคือ: "การผจญภัยที่ยอดเยี่ยม"
นักเรียนทิ้งหนังสือ, คนงานทิ้งโรงงาน, ชาวนาทิ้งไร่นา... พวกเขารีบเร่งไปสมัครเป็นทหารด้วยรอยยิ้ม และการโบกมือลาของหญิงสาว... พวกเขากล่าวขวัญกันว่า "มันจะจบลงก่อนใบไม้ร่วง!"
มันเป็นความมั่นใจที่มาพร้อมกับความโง่เขลา... เพราะพวกเขาไม่เข้าใจว่า วิทยาศาสตร์ และ อุตสาหกรรม ที่พวกเขาภูมิใจนักหนา... ได้สร้างสงครามที่ไม่มีใครเข้าใจขึ้นมาแล้ว
สงครามโลกครั้งที่หนึ่ง ไม่ได้เริ่มต้นด้วยความมืดมิด... แต่มันเริ่มต้นด้วย ความรุ่งโรจน์ที่จอมปลอม และ ความเข้าใจผิดอย่างมหันต์
ซึ่งหัวใจของความเข้าใจผิด4ประการ... ได้แสดงออกมาอย่างชัดเจน ในแผนการรบของเยอรมนี... ที่รู้จักกันในนาม แผนชลีฟเฟน (The Schlieffen Plan)
ประการที่ 1: การพนันของไคเซอร์ – แผนการชลีฟเฟน
เยอรมนี... ชาติที่ต้องเผชิญหน้ากับ สงครามสองแนวรบ คือ ฝรั่งเศส ทางตะวันตก และ รัสเซีย ทางตะวันออก... ตั้งแต่แรกเริ่ม... พวกเขารู้ว่าถ้าพวกเขาถูกบีบให้สู้พร้อมกันทั้งสองด้าน พวกเขาจะต้องแพ้
ดังนั้น... อัลเฟรด ฟอน ชลีฟเฟน อดีตเสนาธิการใหญ่ของกองทัพเยอรมัน... จึงได้ออกแบบ ทางออก อันชาญฉลาด... หรือเราควรจะเรียกว่า การพนันที่อันตราย
แผนคือ: โจมตีให้เร็วที่สุด!
รัสเซีย ซึ่งเป็นยักษ์ใหญ่ที่เชื่องช้า... จะต้องใช้เวลาในการระดมพลและลำเลียงกำลังพลเข้าสู่แนวรบตะวันออก... นั่นคือ ช่องว่างแห่งโอกาส ที่เยอรมนีต้องการ
แผนชลีฟเฟนกำหนดให้กองทัพเยอรมันกว่า 75% ต้องเคลื่อนทัพไปทางตะวันตกทันที... ไม่เข้าโจมตีฝรั่งเศสตรงๆ ที่ชายแดนที่มีป้อมปราการหนาแน่น... แต่ให้ โอบวงล้อมผ่านประเทศที่เป็นกลาง อย่าง เบลเยียม และ ลักเซมเบิร์ก... จากนั้นโฉบลงใต้ เหมือนเคียวเหล็กขนาดยักษ์... โอบล้อมกรุงของปารีสจากทางเหนือ...
และบดขยี้กองทัพฝรั่งเศสให้ราบคาบภายใน หกสัปดาห์ ก่อนที่ทัพรัสเซียจะพร้อมรบอย่างสมบูรณ์
ถ้าแผนนี้สำเร็จ... ฝรั่งเศสก็จะต้องยอมแพ้... และเยอรมนีก็จะสามารถนำกองทัพทั้งหมดกลับไปจัดการกับรัสเซียได้อย่างสบายๆ
นี่คือแผนการที่เป็นดั่งกลไกของนาฬิกาจักรกลที่สมบูรณ์แบบ... ซึ่งมันก็มีเพียงข้อบกพร่องเดียว... ที่มัน ไม่เคยคำนึงถึงความเป็นจริงเลย
ประการที่ 2: ความผิดพลาดครั้งใหญ่ – เบลเยียมและอังกฤษ
ความผิดพลาดครั้งแรกเกิดขึ้นทันทีที่เยอรมนีเริ่มปฏิบัติการ...
การบุกรุก เบลเยียม... ประเทศที่ประกาศตัวเป็นกลางและได้รับการรับรองจากมหาอำนาจยุโรปมานาน... คือการกระทำที่ ผิดกฎหมายสากล และ ผิดศีลธรรม อย่างโจ่งแจ้ง
เยอรมนีคาดว่าเบลเยียมจะยอมจำนนอย่างง่ายดาย... แต่เบลเยียม ดันต่อสู้กลับ... การต่อต้านของเบลเยียม แม้จะไม่สามารถหยุดยั้งกองทัพเยอรมันได้... แต่ก็ถ่วงเวลาได้นานกว่าที่คาดไว้มาก... ทำให้ฝรั่งเศสมีเวลาจัดระเบียบแนวป้องกัน และที่สำคัญที่สุด... มันคือ ชนวน ที่ดึง อังกฤษ เข้าสู่สงคราม
อังกฤษ ไม่ได้มีพันธะสัญญาที่จะต้องช่วยฝรั่งเศสหรือรัสเซียอย่างชัดเจน... แต่การละเมิดความเป็นกลางของเบลเยียมนั้น... เป็นสิ่งที่อังกฤษยอมรับไม่ได้ เพราะมันเป็นการคุกคามโดยตรงต่อความมั่นคงของช่องแคบอังกฤษ...
อังกฤษ จึงประกาศสงครามกับเยอรมนีในวันที่ 4 สิงหาคม ปีคริสตศักราช 1914... และส่ง กองกำลังรบนอกประเทศของอังกฤษ (BEF) ที่มีขนาดเล็กแต่เป็นมืออาชีพที่สุดในยุโรป เข้าสู่แนวรบ...
การบุกเบลเยียม ไม่ได้เป็นเพียงแค่ความผิดพลาดทางยุทธศาสตร์... แต่มันคือความผิดพลาดทางการทูตครั้งใหญ่ที่สุด ในประวัติศาสตร์สมัยใหม่... มันเปลี่ยนสงครามสั้นๆ บนแผ่นดินใหญ่ ให้กลายเป็น สงครามโลก อย่างแท้จริง
ประการที่ 3: สู่ความปราชัยที่มาร์น – การสิ้นสุดของความเร็ว
ตลอดเดือนสิงหาคม... กองทัพเยอรมันทะลักเข้าสู่ฝรั่งเศส... แผนชลีฟเฟนดูเหมือนจะกำลังประสบความสำเร็จ... ทหารเยอรมันที่เหนื่อยล้า แต่เต็มไปด้วยชัยชนะ เดินทัพไปจนถึง แม่น้ำมาร์น... ห่างจากปารีสไม่กี่สิบกิโลเมตร... ประชาชนชาวปารีสเริ่มอพยพหนีตาย... รัฐบาลฝรั่งเศสเตรียมพร้อมที่จะย้ายหนีไปบอร์โดซ์
แต่ในจุดนี้... ความตึงเครียดของแผนการ ก็เริ่มแสดงตัว
ปัจจัยที่หนึ่ง: นายพล เฮลมูท ฟอน มอลท์เคอ ผู้บังคับบัญชากองทัพเยอรมัน... ได้ตัดสินใจ "ดึงกำลัง" ออกจากปีกขวาที่กำลังรุกคืบ... เพื่อเสริมทัพในแนวรบด้านตะวันออกและด้านใต้... ซึ่งเป็นความผิดพลาดมหันต์... การดึงกำลังทัพออกไป... ทำให้ "เคียวเหล็ก" ของชลีฟเฟน ทื่อลง และ เปิดช่องว่าง ในแนวรบ
ปัจจัยที่สอง: ความกล้าหาญและความเด็ดขาดของฝรั่งเศส... นายพล โจแซฟ ชอฟร์ ได้ระดมทัพสำรองครั้งสุดท้าย... แม้กระทั่งใช้ รถแท็กซี่ หลายพันคันในกรุงปารีส
ขนส่งทหารไปยังแนวหน้าอย่างเร่งด่วนที่สุด... เหตุการณ์นี้ถูกเรียกขานว่า "แท็กซี่แห่งมาร์น" (Taxis of the Marne)
ใน ยุทธการแม่น้ำมาร์นครั้งที่หนึ่ง ระหว่างวันที่ 6-12 กันยายนปีคริสตศักราช 1914... กองทัพฝรั่งเศสและอังกฤษที่ได้รับกำลังเสริม... ได้โต้กลับอย่างรุนแรงในช่องว่างที่ทัพเยอรมันทิ้งไว้... การรุกของเยอรมนีถูก หยุดยั้ง... และกองทัพเยอรมันถูกบีบให้ ล่าถอย กลับไปตั้งรับ...
ความพ่ายแพ้ที่มาร์นไม่ใช่การพ่ายแพ้ในการรบ... แต่เป็นการพ่ายแพ้ของ แผนการ แผนชลีฟเฟนล้มเหลว... สงครามไม่ได้จบในหกสัปดาห์... และสิ่งนี้ทำให้ จักรพรรดิวิลเฮล์มที่ 2 ถึงกับกล่าวกับนายพลมอลท์เคอว่า: "ท่านได้ทำลายสงครามของข้าไปแล้ว!"
ประการที่ 4: ทางตันอันโหดร้าย – การกำเนิดขึ้นของสนามเพลาะ
เมื่อการเคลื่อนไหวและการโอบล้อมล้มเหลว... กองทัพทั้งสองฝ่ายต่างก็เริ่ม… ขุด!
ทัพเยอรมันขุดลงไปก่อน... ตามมาด้วยทัพฝรั่งเศสและอังกฤษ... และการขุดนี้... กลายเป็นการตัดสินชะตาของสงครามไปอีกสี่ปีข้างหน้า
มันไม่ใช่แค่การขุดหลุมหลบภัยเล็กๆ... แต่เป็น ระบบเครือข่ายสนามเพลาะ ที่ซับซ้อนและยาวเหยียด... ตั้งแต่ ช่องแคบอังกฤษ ไปจนถึง พรมแดนสวิตเซอร์แลนด์... รวมระยะทางกว่า 700 กิโลเมตร... มันคือบาดแผลที่ฉีกกระชากผ่านแผ่นดินยุโรป
ในสนามเพลาะนี้เอง... ที่ เทคโนโลยีการสังหารหมู่ ได้เปล่งประกายอย่างเต็มที่
ปืนกล (Machine Gun): อาวุธที่สามารถพ่นกระสุนได้หลายร้อยนัดต่อนาที...
ทำให้การบุกโจมตีด้วยทหารเดินเท้าแบบเดิมๆ กลายเป็น การฆ่าตัวตายหมู่... ทหารที่พยายามวิ่งข้าม "พื้นที่ไร้ผู้คน" (No Man's Land) จะถูกสกัดกั้นเหมือนการเกี่ยวข้าว...
ปืนใหญ่ (Artillery): เป็นเครื่องมือหลักในการสังหาร... การยิงกระสุนทำลายล้างหลายล้านลูก ทำให้สนามเพลาะกลายเป็น บ่อโคลน และ ซากศพ... สร้างความหวาดผวา และความพิการทางจิตใจที่เรียกว่า "Shell Shock"...
สงครามที่เคยคาดหวังว่าจะเป็น ความเร็ว... กลับกลายเป็น ความหยุดนิ่ง... เป็น ทางตัน ที่ขยับไปได้ทีละไม่กี่ร้อยเมตร... แลกกับชีวิตทหารหลายหมื่นคน
ชีวิตในสนามเพลาะคือฝันร้ายที่ไม่จบสิ้น: ความชื้น, โคลน, หนู, เหา, ซากศพที่เน่าเปื่อย, และการรอคอยความตาย ที่มาในรูปของกระสุนปืนใหญ่ที่คาดเดาไม่ได้
บทสรุป: ความตายที่รออยู่
เดือนสิงหาคม ที่เต็มไปด้วยความสุข และความบ้าคลั่งของการระดมพล... ได้จบลงด้วยการเป็นเดือนกันยายนที่เยือกเย็น... ซึ่งความจริงที่ว่า สงครามนี้จะยาวนานและโหดร้าย ก็ได้เริ่มปรากฏขึ้นแก่สายตาของทุกคน
โลกได้เข้าสู่ จุดเปลี่ยน... ที่ซึ่งกลยุทธ์ของแม่ทัพนายกองที่ร่ำเรียนมาจากสงครามแบบเก่า... ได้ปะทะเข้ากับ อาวุธยุทโธปกรณ์สมัยใหม่... และมนุษย์ธรรมดาได้กลายเป็นเพียง เนื้อชิ้นเล็กๆ ในโรงฆ่าสัตว์แห่งอุตสาหกรรมสงคราม
จากแผนรุกที่ต้องการความรวดเร็วดุจสายฟ้า... กลายเป็นการจมดิ่งลงสู่โคลนและซากศพ... สู่ สงครามแห่งการทำลายล้าง ที่ไม่มีใครรู้วิธีที่จะชนะ... หรือแม้กระทั่ง... วิธีที่จะหยุดมัน
เอาล่ะครับ และนี่ก็คือบทสรุปของ Ep ที่ 2 หวังว่าทุกท่านจะได้เรียนรู้และเพลิดเพลินนะครับ ซึ่งในตอนหน้า... เราจะมาเจาะลึกเข้าไปในความสยดสยองของชีวิตในสนามเพลาะ... เราจะมาพูดถึง ยุทธการที่แวร์เดิง และ ยุทธการที่ซอมม์... ที่ซึ่งตัวเลขผู้เสียชีวิตกลายเป็นสิ่งที่ไร้ความหมาย... และมนุษย์ ได้สูญเสียความเป็นมนุษย์ไปในสนามรบที่โหดเหี้ยมที่สุดในประวัติศาสตร์
เรื่องเล่า
ประวัติศาสตร์
content
บันทึก
3
3
โฆษณา
ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
© 2025 Blockdit
เกี่ยวกับ
ช่วยเหลือ
คำถามที่พบบ่อย
นโยบายการโฆษณาและบูสต์โพสต์
นโยบายความเป็นส่วนตัว
แนวทางการใช้แบรนด์ Blockdit
Blockdit เพื่อธุรกิจ
ไทย