Blockdit Logo
Blockdit Logo (Mobile)
สำรวจ
ลงทุน
คำถาม
เข้าสู่ระบบ
มีบัญชีอยู่แล้ว?
เข้าสู่ระบบ
หรือ
ลงทะเบียน
เรื่องเล่าเมาเมาแมน
•
ติดตาม
16 พ.ย. เวลา 11:17 • ศิลปะ & ออกแบบ
ยุค AI ยังได้เรทนี้ก็บุญแล้ว ….
ไถเฟสไปมา เจอเพจนี้เขาแชร์ประเด็นนี้มา ผมว่าน่าสนใจ
อยากเอามาเล่าต่อ….
( เครดิตที่มา ในภาพ ขออนุญาตด้วยนะครับ )
ถามว่า ในงานออกแบบบ้านปัจจุบัน
ค่าออกแบบเรทเป็นเปอร์เซ็นต์ต่อราคางาน มันยังแฟร์ไหม
อันนี้ผมว่าก็แล้วแต่คนมองนะ
แต่ส่วนตัวคิดว่ามันก็แฟร์อยู่แหละ
เพราะเอาเข้าจริงๆ มูลค่าการก่อสร้าง มันก็สูงขึ้น
ตามอัตราเงินเฟ้อนั่นแหละ
ง่ายๆ ตอนผมจบมาใหม่ๆ ปี 40 ตอนนั้น
บ้านธรรมดาๆเลย มันหลังละประมาณ 1-2 ล้านบาท
ในขณะที่ปัจจุบัน บ้านขนาดเดียวกัน ราคาพุ่งไป
ราวๆ 3-5 ล้านบาทเรียบร้อยแล้ว ตามราคาค่าแรง
และวัสดุ
ก็หมายความว่า ถ้าคิดเรทเป็นเปอร์เซ็นต์ ตามสมาคมฯ
แนะนำ ก็คือ 7% สำหรับบ้านขนาดนี้ เราก็ได้มากขึ้นจริงๆ
ผมถึงว่ามันแฟร์
แต่บางคนเขาไม่คิดแบบนั้น เพราะเขามองว่า
วิชาชีพปัจจุบัน มีค่าใช้จ่ายในงานมากขึ้น
เช่น ค่าอุปกรณ์คอมพิวเตอร์ และลิขสิทธิ์ซอฟท์แวร์
ซึ่งเขาก็มีสิทธิ์ที่จะคิดแบบนั้น
แต่ผมว่ามันไม่ถูกต้องนัก
เพราะพวกเขามองข้ามสิ่งสำคัญที่สุดไป
ไม่ได้นำมารวมเป็นค่าใช้จ่าย
มันคือรายจ่ายที่มองไม่เห็น นั่นคือ เวลา….
รุ่นผมจบใหม่ๆ ส่วนมากเลยก็ยังเขียนกันด้วยมือ
ปากกา และโต๊ะเขียนแบบ
เพราะคนยังมีทักษะคอมพิวเตอร์น้อยกันอยู่
โดยเฉพาะสถาปนิกรุ่นก่อนหน้าผม ถ้าไม่ใช่บริษัทใหญ่
ทำงานอิสระ ตอนนั้นมือทั้งนั้นแหละครับ
เพราะนอกจากถนัดกว่าแล้ว คอมพิวเตอร์ที่ทำงานได้ดี
ในสมัยนั้น ก็ราคาแพงกว่าปัจจุบันมาก มันเลยกลายเป็น
ต้นทุนที่สูงเกินไป สำหรับหลายคน ที่เพิ่งเริ่มทำงาน
โปรแกรมทำภาพนำเสนอ ก็ใช้งานยาก และยังไม่ดี
เหมือนปัจจุบัน
การเขียนมือนั้น ใช้เวลามากกว่าปัจจุบันเป็นสิบเท่าครับ
อันนี้ คือผมรวมเวลาที่แก้ไขให้ได้ตามเจ้าของงานด้วยนะ
มันน้อยมากจริงๆ ที่จะไม่ต้องแก้เลย
ยังจะบางทีพวกวิศวกรขอแก้อีก มันก็เลยยิ่งใช้เวลา
การแก้ ในยุคเขียนมือ คือคุณต้องเขียนใหม่หมดครับ
แม้ส่วนมากระหว่างการเคลียร์แบบ จะเป็นเพียงเส้นดินสอ
และลายมือสดๆ ก็ตาม
สมัยเขียนมือ ปีนึง ถ้าคุณรับได้สี่งานนี่คือสุดยอดแล้วครับ
มากกว่านี้อาจได้ แต่คนทำงานรู้ดี ว่าคุณภาพมันเป็นยังไง
สมัยนั้น แบบบ้านหลังนึง กว่าจะเคาะลงตัวกับเจ้าของ
จนถึงยื่นขออนุญาตได้ บางทีมากกว่าสามเดือน
หรืองาน interior อย่างเดียว ก็เดือนนึงขึ้นไปทั้งนั้น
แล้วแต่ความยากง่าย และรายละเอียด
แต่สมัยนี้เหรอ บ้านหลังนึง ผมสามารถจบได้ไม่เกินสองสัปดาห์ อันนี้คือบ้านทั่วไป และเงื่อนไขการทำงานผมเอง
ที่มีทีมครบ ไม่ต้องวิ่งหานะ
เคยทำเร็วที่สุด สัปดาห์เดียวก็มีมาแล้ว
(เจ้าของไม่แก้ ก็จบเร็วครับ)
ส่วนงานอินทิเรียนี่ บางครั้งกลายเป็นช้ากว่า
เพราะรายละเอียดมาก เป็นงานหน่วยมิลลิเมตร
การนำเสนอต้องเป็นภาพเสมือนจริง เลยใช้เวลา
ไล่เลี่ยกับงานอาคาร แม้จะดูว่าเนื้องานน้อยกว่าก็ตาม
แต่โดยรวม ถ้าแบบไม่สลับซับซ้อน เจ้าของบ้านไม่จุกจิก
หรือไอเดียฟุ้งเกินไป เดือนเดียวยังไงก็จบครับ
หรือเอาจริงๆ สมัยนี้ ว่ากันที่สองสัปดาห์ นับจากการ
คุยคอนเซ็ปท์เบื้องต้น
ด้วยความช่วยเหลือของคอมพิวเตอร์ และเทคโนโลยี
เราจะเห็นว่า งานมันเร็วขึ้น ง่ายขึ้นเป็นสิบเท่าเลยจริงๆ
ดังนั้น การที่เรทเท่าเดิม แต่เรารับงานได้มากขึ้น
มันจึงค่อนข้างแฟร์แล้วกับทุกฝ่าย
…โดยส่วนตัว ผมมองว่า คนที่ว่าไม่แฟร์ คืองานเขาเข้าไม่ต่อเนื่อง ก็เลยอยากได้ต่องานแบบสูงๆมากกว่า…
ซึ่งการจะได้สูงกว่าเรทแนะนำ มันก็ทำได้แหละ
อยู่ที่ว่า คุณมีฝีมือ ชื่อเสียงการผ่านงานแค่ไหน
ที่จะไปเรียกกับเจ้าของบ้านสูงๆได้
…ซึ่งนั่นคือสิ่งที่คุณต้องสร้างขึ้นมาเอง ไม่ใช่พึ่งเรทแนะนำ….
มันคงเทียบกับเรทในต่างประเทศไม่ได้
เพราะสังคมมันคนละบริบทกัน
จริงๆแล้ว ผมมองว่ากฎหมายไทย ค่อนข้างเอื้อให้วิชาชีพนะ
คือ เป็นสังคมบ้ากระดาษอยู่แล้ว นั่นทำให้งานมันถูกจำกัด
อยู่ในวงคนเรียนมาเท่านั้น นั่นก็เหมือนกับการการันตี
การมีงาน จากคู่แข่งที่น้อย คนทำไม่พอ
ถ้าแบบฝรั่งอเมริกัน คนที่ทำงานได้ เขากำหนดขั้นต่ำไว้
ค่อนข้างกว้าง มีใบหลายแบบ ที่จะทำงานได้
และหลายกรณี จากค่าแรงที่แพง ฝรั่งจึงมักทำบ้านกันเอง
แบบไม่พึ่งพาสถาปนิกเลย ก็ไปหาแบบที่ชอบมา
ทำกันในครอบครัว ทำไปเรื่อยๆ แบบในหนังแหละ
บ้านอเมริกันส่วนมากเลย เป็นบ้านโครงสร้างไม้
หรือโครงสร้างเบาชั้นเดียวอยู่แล้ว เขาทำกันเองได้
และกฎหมายก็ไม่ได้ห้าม เพียงแต่อาจมีปัญหากับ
การประกันภัยเท่านั้น ฝรั่งจึงทำบ้านเองกันเยอะ
งานก็ตกมาที่สถาปนิกน้อย เป็นธรรมดา
ดังนั้น ค่าตัวสถาปนิกจริงๆ จึงค่อนข้างสูงมาก
เนื่องจากคนจะใช้บริการได้ ต้องรวยจริงๆเท่านั้น
นั่นก็คือเหตุผลด้วยว่า ทำไมงานของสถาปนิกฝรั่งส่วนมาก
ถึงได้ดูเทพนัก ก็เพราะคนรวยจ้าง มันไม่ค่อยมีข้อจำกัด
ทางงบประมาณมากนัก ของดีมีเท่าไหร่ ประเคนเข้าไปเหอะ
ไม่สวยก็แปลกแหละ
ในขณะที่ไทย บ้านเกิน 150 ตารางเมตร หรืออาคารเพื่อการพาณิชย์ที่มาถึงมือสถาปนิก มันค่อนข้างเล็ก จึงถูกจำกัดด้วย
งบประมาณ งานมันก็ออกมาตามงบนั่นแหละครับ
บางทีก็อย่าไปโทษคนออกแบบเลย
เขาก็ทำตามงบท่านนั่นแหละ….
และดีไซเนอร์ไทย ก็ไม่ควรเทียค่าแรงกับฝรั่งเช่นกัน
อย่างที่บอก อยากได้เรทสูง ก็ต้องมีพอร์ตผ่านงานเทพๆครับ
…ทุกวันนี้ผมรับงาน คือ 10% อัพของมูลค่าก่อสร้าง
ได้เรทนี้ก็เพราะพอร์ตงานเก่าๆนี่แหละ สะสมมานาน
มีงานลงหนังสือมาหลายตัว งานสาธารณะเยอะ มันถึงเรียกได้
…แต่นั่น คืออายุงานผม มัน 29 ปีเข้าไปแล้วล่ะ….
วันนี้ยังได้ ก็รีบหากันดีกว่า
เพราะวันหน้า ในเร็วนี้ เราอาจได้มูลค่าที่น้อยลงมาก
หรืออาจได้งานน้อยลงมาก
เพราะการเข้ามาของ AI
ซึ่งมันก็เริ่มแล้วแหละ มูลค่างานปัจจุบันมันลดลงมากจริงๆ
เดี๋ยวนี้เจ้าของบ้าน พวก 30 ต้นๆ ถึง 40 กว่าๆ
พวกนี้มีแบบมาในมือหมดแล้ว
พวกเขาศึกษา AI จน generated ภาพออกมาได้
ตามที่เขาต้องการ จึงไม่ค่อยอยากพึ่งสถาปนิกนัก
งานเล็กหน่อย หรืองานภายใน ก็ถือไอ้แบบเจน AI
มานั่นแหละ ไปหาช่างหรือผู้รับเหมาโดยตรงเลย
เพราะงานพวกนี้ ไม่ต้องมีคนเซ็นรับรองอยู่แล้ว
งานใหญ่หน่อย เอามาให้สถาปนิกก็จริง
แต่เหมือนแค่ให้ปรับ ถอดแบบออกมาเป็นวัสดุ
ที่มีขายในบ้านเรา และเซ็นรับรอง ก็แค่นั้น
…AI ปัจจุบันหลายตัว สามารถทำแปลน shop drawing
ได้แล้ว และดีด้วย แต่ข้อมูลวัสดุส่วนมาก ก็มักอิงกับ
ต่างประเทศ เช่น สหรัฐ หรือ AI จีนก็จะอิงวัสดุจีน
( ในไทย ผมแนะนำ AI จีน เพราะสั่งวัสดุได้ง่าย
แทบทุกอย่าง ส่งอาลีบาบาได้
AI จีนนี่เด็ดครับ ไว้จะมาสอนใช้ดีไหม 555)
ซึ่งเจ้าของบ้านสามารถฝึกใช้ AI พวกนี้ได้ไม่ยากนัก
มีสอนเต็มยูทูปไปหมด
แล้วก็นั่นแหละครับ
เมื่องานของสถาปนิกจริงๆ เหลือเพียงการถอดแบบ
ไม่ใช่ดีไซน์ ค่าตัวมันก็ย่อมลดลงเป็นธรรมดา
และสภาพเศรษฐกิจแบบนี้ งานง่ายๆแบบนี้
สถาปนิกจบใหม่ก็ทำได้ หรือพวกร้อนเงินก็ไม่น้อย
พวกนี้จึงเรียกค่าตัวต่ำกว่าปกติมาก
นั่นทำให้มูลค่างาน มันเหลือน้อยมากจริงๆ ….
ซึ่งผมก็ไม่รู้เหมือนกัน ว่าอนาคต AI พัฒนามากกว่านี้
ทุกอย่างมันจะไปต่อกันอย่างไร
…เพราะเอาจริงๆ นี่มันแค่จุดเริ่มต้น ของยุค AI เท่านั้นเองนะ…
เล็กๆงี้ AI รับกินหมดครับ
ผมถึงบอกว่าได้เรทแนะนำ ในยุคนี้ก็บุญแล้วครับ
เพราะเอาเข้าจริงๆ ทุกวันนี้หลายคนก็ทำงาน
ค่าตัวต่ำกว่าเรทแนะนำอยู่แล้ว
5-7% น่ะ เอาให้ได้เหอะ อย่าว่าสมาคมฯ เขาคิดมาต่ำเลย
เพราะในสายตาเจ้าของบ้าน งานของเรามันง่ายลง
แล้วมันก็เป็นความจริงซะด้วย
ไม่รู้นะ ผมว่าอาชีพดีไซเนอร์ต่างๆเนี่ย
ดูมันไม่ค่อยมีอนาคตมากนักในยุค AI
…ดีว่าผมมาถึงช่วงปลายอาชีพ ใกล้เลิกแล้ว…
…สงสารก็แต่พวกเด็กจบใหม่นี่แหละ ต่อไปจะยังไง
รายได้หลักคือการคุมหน้างาน มากกว่าดีไซน์ ใช่หรือไม่
ก็สุดที่จะเดาไปได้ล่ะครับ….ก็ต้องรอดูกันไป
…ส่วนผม อีกสามปี จะวางมือจากบริษัทเสียที
…รับทำแบบนะ แต่เลิกรับเหมา แต่จะเลือกงานมากๆเลย
ไม่ชอบก็ไม่ทำ เอางั้นเลยแหละ พอมีเก็บแล้ว ไม่ดิ้นรน
ปีละงานสองงาน ก็พอ…
จะไปเปิดร้านก๋วยเตี๋ยวเนื้อหม้อไฟ ขายเบียร์มีดนตรี
แบบที่คิดไว้นานแล้วสักที ….
…ปล่อยให้เด็กรุ่นใหม่มันสู้กับ AI ไปก็แล้วกัน…
…คนแก่ไม่ไหวจะรบกับมันแล้วจ้า 🤣🤣🤣….
เขียนโพสต์นี้ เผื่อใครมีลูกหลาน กำลังตัดสินใจมาสายนี้
ก็ลองให้เขาอ่าน และศึกษาข้อมูลดูนะครับ
เพราะผมว่า เรื่อง AI กับมูลค่างาน มันจะหนักกว่านี้อีกมาก
ในอีกแค่ไม่กี่ปีนี้ บางทีอาจแค่ปีหน้าด้วยซ้ำ
เพราะการแข่งกันด้านนี้ของสหรัฐและจีน
มันทำให้ทุกอย่าง เร็วกว่าที่คาดกันไว้ตอนแรกมากครับ
…บางที อีกสิบปีข้างหน้า อาจไม่ต้องมีสถาปนิกอีกต่อไป…
…แต่เมื่อสถาปนิก ยังเป็นอาชีพในฝันของใครหลายคน…
…จึงเขียนมาเพื่อเป็นข้อมูล เผื่อถึงมือเด็กๆบ้าง….
…มันไม่ได้สวยงาม เหมือนในละครหรอกนะเด็กๆ😅….
3
ธุรกิจ
เรื่องเล่า
ความคิดเห็น
บันทึก
14
5
1
14
5
1
โฆษณา
ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
© 2025 Blockdit
เกี่ยวกับ
ช่วยเหลือ
คำถามที่พบบ่อย
นโยบายการโฆษณาและบูสต์โพสต์
นโยบายความเป็นส่วนตัว
แนวทางการใช้แบรนด์ Blockdit
Blockdit เพื่อธุรกิจ
ไทย