49 นาทีที่แล้ว • ธุรกิจ

ร้านที่กินประจำเลิกขาย เลยออกมาเปิด ‘น้ำเต้าหู้ปูปลา’ มองไกลอีก 5 ปี ขอแตะ ‘พันล้าน’

มีชานม ชาไทย มัทฉะ กาแฟ แต่ยังไม่มีน้ำเต้าหู้ คุยกับ “ตูน-ศิริวัฒน์ ศิริบุญฤทธิ์” เจ้าของและผู้ก่อตั้ง “น้ำเต้าหู้ปูปลา” ตัดสินใจเรียนทำน้ำเต้าหู้เพราะร้านประจำปิดตัว ฝึกอยู่ 1 ปี กว่าจะได้ฤกษ์เปิดร้าน โตก้าวกระโดดสู่ 40 ล้านภายใน 1 ปี วางเป้าหมายระยะไกลเปิด 50 สาขาทั่วประเทศ อีก 5 ปี ขอแตะ “พันล้าน”
ท่ามกลางตลาดเครื่องดื่มที่แข่งขันกันดุเดือด จากปีแห่ง “ชานม” มาสู่ยุคอะไรๆ ก็ “ชาไทย” และตลอดทั้งปี 2568 ก็เต็มไปด้วย “มัทฉะ” ในขณะที่หลายคนกำลังตะลุมบอนเครื่องดื่มในกระแส “ตูน-ศิริวัฒน์ ศิริบุญฤทธิ์” กลับเห็นช่องว่างที่ยังไม่มีใครยกเครื่องดื่มตามรถเข็นข้างทางอย่าง “น้ำเต้าหู้” ขึ้นมาอยู่บนห้าง และไม่ใช่การตั้งร้านคีออส (Kiosk) เล็กๆ เท่านั้น แต่เป็นไอเดียคาเฟ่น้ำเต้าหู้ที่ต้องมีทุกอย่างครบจบไปจนถึงของหวาน
ก่อนจะปิ๊งไอเดียคาเฟ่น้ำเต้าหู้ พื้นเพเดิมของ “ตูน” ไม่เคยคร่ำหวอดในธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับอาหารและเครื่องดื่มมาก่อน เขาเรียนจบ BBA จากเซี่ยงไฮ้ กลับมารับช่วงต่อทำธุรกิจขายเครื่องจักรก่อสร้างของครอบครัว จากนั้นก็หา “Second Job” ทำเสริมบ้าง กระทั่งมาเจอจุดเปลี่ยนที่ทำให้งานรองกลายเป็นงานหลัก เมื่อร้านน้ำเต้าหู้เจ้าประจำที่คุณพ่อกินทุกวันปิดตัวลง ความคิดลองทำน้ำเต้าหู้ขายเองจึงเกิดขึ้น
เขาบอกว่า คุณพ่อกินน้ำเต้าหู้ทุกวัน พอร้านนี้ปิดก็หารสชาติแบบนี้ไม่ได้อีกแล้ว จึงเริ่มคิดว่า หรือจะลงมือทำเองเลยดี ประกอบเทรนด์รักสุขภาพกำลังมาแรงในช่วง 2-3 ปีมานี้ ตัดสินใจศึกษาดูอย่างจริงจัง ไปลงเรียนคอร์สทำน้ำเต้าหู้หลายที่ กลับมาฝึกทำ ฝึกต้ม เพื่อให้ได้รสชาติที่ใช่อีก 1 ปีเต็มๆ ทำสัปดาห์ละสองครั้งโดยมีคุณพ่อคอยชิมให้ได้ตามรสชาติที่ใช่
ระหว่างนั้น “ตูน” ไปเดินห้าง ก็พบว่า ร้านขายเครื่องดื่มส่วนใหญ่เต็มไปด้วยกาแฟ ชานมไข่มุก มัทฉะ แต่ยังไม่เคยเห็นร้านน้ำเต้าหู้ในลักษณะเดียวกัน จึงกลับมาวางโมเดลใหม่ คิดตั้งแต่วันแรกๆ ว่า ถ้าตั้งใจปั้นธุรกิจนี้จริงจังต้องนำร้านเข้าไปอยู่ในห้างให้ได้ แต่ร้านใหม่ที่แบรนดิ้งยังไม่ชัดเจนคงยากที่จะได้พื้นที่ห้างใจกลางเมือง เริ่มจากการหาโลเคชันแถวๆ บ้านก่อน สุดท้ายได้พื้นที่บ้านสองชั้นย่านประตูผี ใกล้กับแหล่งสตรีทฟู้ดชื่อดัง อาทิ เจ๊ไฝ ทิพย์สมัย ผัดไทยประตูผี เป็นต้น
ร้านน้ำเต้าหู้ปูปลาสาขาแรกยังไม่มีแผนทำการตลาด แต่หลังจากผ่านไป 2-3 เดือนก็เริ่มมีลูกค้าเข้ามาต่อคิวรอกิน จุดเปลี่ยนเกิดขึ้นเมื่อมีอินฟลูเอนเซอร์เข้ามารีวิว บวกกับเมนูน้ำลำไยที่กำลังเป็นกระแสในตอนนั้นทำให้ร้านเริ่มเป็นไวรัลบนโซเชียลมีเดีย “ตูน” บอกว่า ตอนนั้นเริ่มเห็นลูกค้ามาต่อแถวก่อนร้านเปิดราวๆ 30-40 คน มากที่สุดทะลุ 100 คนก็มี เป็นจุดที่เริ่มมองเห็นศักยภาพของร้านแล้วว่า หลังจากนี้ความฝันที่จะนำ “น้ำเต้าหู้ปูปลา” เข้าไปอยู่ในห้างน่าจะเป็นจริงได้
ใช้เวลากับการปั้นสาขาประตูผี 1 ปีเต็ม จึงได้ฤกษ์เปิดสาขาที่สองบนห้างที่มีทราฟิกหนาแน่นที่สุดอันดับต้นๆ ของประเทศไทย “น้ำเต้าหู้ปูปลา” ได้สัญญาร้าน Pop-up ที่เซ็นทรัลลาดพร้าว ถัดจากนั้นอีก 1 ปีกว่าๆ จึงได้รับพื้นที่ถาวร
และเริ่มขยายไปยังห้างชั้นอย่าง “เมกะบางนา” รวมถึง “สยามพารากอน” ด้วยสัญญาร้าน Pop-up ตูนมองว่า การเข้าไปอยู่ในสยามพารากอนเป็นโอกาสสำคัญ แม้ได้พื้นที่ไม่ใหญ่มากราวๆ 30 ตารางเมตร แต่งัดอาวุธออกมาทุกอย่างให้เหมือนกับออกงานมอเตอร์โชว์ ทำให้ชื่อของ “น้ำเต้าหู้ปูปลา” ถูกยกระดับไปอีกขั้น เริ่มเป็นที่รู้จักในกลุ่มชาวต่างชาติมากขึ้น
หลังจากเปิดทำการมา 2 ปีกว่าๆ พร้อมกับรายได้ที่เติบโตต่อเนื่อง ปีแรกทำเงินได้ 4 ล้านบาท ปีที่สองทะยานสู่ 40 ล้านบาท และในปีนี้ตั้งเป้าเติบโตสู่ “100 ล้านบาท” ปัจจุบัน “น้ำเต้าหู้ปูปลา” ขยายไปแล้ว 14 สาขา คาดว่า ปีนี้จะจบที่ 18 สาขา โดยแผนในปีหน้า “ตูน” บอกว่า จะเป็นปีแห่งการขยาย เริ่มไปต่างจังหวัดตามจังหวัดหัวเมืองใหญ่ อาทิ ชลบุรี เชียงใหม่ ขอนแก่น
เป้าใหญ่ตามไปป์ไลน์ของน้ำเต้าหู้ปูปลาไม่ได้มีแค่แผนไปต่างจังหวัดเท่านั้น ตูนบอกว่า อีก 3 ปีข้างหน้าจะเริ่มขยับขยายไปต่างประเทศ รวมถึงการเพิ่มแบรนด์ใหม่ๆ เข้ามาเติมพอร์ตโฟลิโอที่ตั้งใจจะเปิดในห้างเช่นกัน ทั้งหมดนี้นำไปสู่เป้ารายได้อีก 5 ปีข้างหน้า ของเครือ “น้ำเต้าหู้ปูปลา กรุ๊ป” ที่ “1,000 ล้านบาท”
โฆษณา