18 พ.ย. เวลา 14:37 • ปรัชญา
เรื่องของกาย ที่เค้าเรียกว่า สังขารกรรม มันก็มีวิบากกรรม มีอารมณ์ปรุงแต่ง ไปสร้างกรรม อยู่นานไป หากว่า เราได้เคย อยู่ใกล้ชิด ได้เห็นพระที่ท่าน ประพฤติปฏิบัติธรรม ความแก่มันก็มี ความเจ็บ .ในเรื่องราวที่ว่า ธาตุทั้งสี่ .แสดงอาการ ความเจ็บปวด ความทุกข์ทรมาน เกิดขึ้นที่กายท่าน
.ท่านก็มีความปกติ สัมปชัญญะของจิตให้ดู แม้กาย จะต้องผ่านตัด วางยาสลบ จิตของท่านก็ไม่สลบ ไปตามกาย ..ยังรับรู้เรื่องราวต่างๆที่หมอคุยกันได้ พอปลายอายุขัย ท่านก็บอกว่า เค้าจะให้ฉันกลับ เราก็อาราธนาท่านไปสองครั้ง พอครั้งที่สาม ท่านก็บอกว่า ไม่ได่ขึ้นอยู่กับตัวท่าน แล้วท่านก็จากเราไป ท่านบอกว่า ฉันไม่กลัวหรอกเรื่องตาย ฉันรู้ว่า ฉันจะไปที่ไหน ท่านก็ได้เรื่องของกสินไฟ เราถามท่าน ท่านบอกว่า อย่าไปเรืยนมันเลย เอาเรื่ิองสร้างบุญกุศลบารมีหนีกรรมดีกว่า .
ครั้งแรกที่เราขออาราธนา ตอนหลัง ท่านก็มาเล่าให้ฟังว่า ฉันนอนบนเตียง มีคนเอาราชรถมา มากันเป็นขบวนแห่ยาวเชียว แล้วก็มีแคร่หาม มาวางข้างเตียง มีคนมาเชิญท่าน ท่านก็เล่าว่า เค้ามาเชิญ ฉันก็นอนนิ่งเฉย ไม่ขยับเขยื้อนอะไร อยู่นิ่งๆ ท่านบอกว่า แค่นึกยินดีที่เค้ามา เชิญชวน จิตก็ไปกับเค้าแล้ว เค้าเห็นฉันอยู่นิ่งๆ ไม่ลุก ไปนั่งแคร่ที่เค้ามาเชิญ เค้าก็พากันกลับไป
เรื่องราวของจิตที่ท่านเกิดมา สร้างบุญกุศลบารมี นั่น ..ท่านก็ต้องชดใช้กรรมที่เกิดจากกาย ท่านก็อยู่ประคองสังขารชดใช้ไปจนครบอายุขัย แม้เจ็บป่วย ท่านก็ฝืนสังขาร ลุกมาสวดมนต์ ปฏิบัติธรรมขิงท่านเป็นปกติ ไม่สะสมวัตถุสิ่งของ มีคนเอาแอร์มาติดให้ เครื่องทำน้ำอุ่น ท่านฉลองศรัทธาให้ครั้งเดียว แล้วก็ไม่เปิดใช้เลย
ท่านสอนให้รู้จักอารมณ์ ..ท่านทำให้ดู มีโยมผู้หญิง มาที่กุฏิ นั่งหน้าคว่ำ .ท่านก็บอกว่า เดี๋ยวโันจะเรียกตัวอารมณ์ มันออกมา..พอท่านเรียกชื่อตัวอารมณ์ปั่น กิริยาท่าทางของโยมผู้หญิงก็ยิ้มแย้มแจ่มใสทันที .ท่านบอกว่า อารมณ์นั้นมันมีทุกตัวแหละ ท่านก็สาธิคทำให้ดูเป็นตัวอย่าง
เรื่องตัววิจารณ์ มีน้องคนหนึ่ง ขับรถมา อน่นหน้าอก ตองจอดรถ เป็นระยะ มาถึงกุฏิก็ลุกไม่ได้ แน่นหน้าอก ..คนนั้นคนนี้ก็ว่าเป็นโรคนั้นโรคนี่ พอคนเค้าที่มาดูน้อยลง . ท่านก็เดืนมาพูดว่า ฉันบอกให้ก็ได้ เรียกมันว่าตัววิจารณ์ พอท่านบอก ..น้องคนนี้ก็กลับมาเป็นปกติ ลุกเดินได้เลย นั้นก็เรื่องราวพิษของอารมณ์ ที่เกิดขึ้น เมื่อก่อนเราก็ชอบวิจารณ์ พอรู้จักอารมณ์วิจารณ์ เราก็เลิก อารมณ์ไม่พอใจ .ไม่ขอบใจ ..พอมันเกิดขึ้น โอ้ย..มันปวดหัว ตึงขมับเลย ก็ต้ิงฝึกหัดล่ะอารมณไม่พอใจ เรื่องปวดหัวเวียนหัวก็ไม่ค่อยมี
คราวนี้ ..เรื่องพระธาตุ ..เราก็เคยถามท่านว่า เรื่อบอัฐิ ที่กายเป็นพระธาตุนั้น บ่งบอกว่าสำเร็จพระอรหันต์ จริรงหรือ ท่านก็บอกว่าไม่จริง เราเก็บอัฐิของท่านไส้ ก็กลายเป็นเหมือนสำลีขาวบริสุทธิ์ .
เรื่องราวของจิตที่เกิดมา มันก็มี๕วามแตกต่างกัน ในคำว่ากุศลบารมี บางดวงจิต ไม่ได้สร้างบุญกุศลบารมี มาเลย สะสมแต่กรรมมาทั้งขีวิต บางคนกว่าจิตจะออกจากกายได้ ก็รับทุกข์ทรมาน ก่อนตาย ไม่ได้ว่าจะออกจากกายได้ง่าย เหมือนคนติดเตียง ที่ช่วยเหลือตัวเอวไม่ได้ ก็ทุกข์ทรมานอยู่ในสังขารกรรม กว่าจะออกจากกาย นี่ขนาดยังไม่ตาย ตายแล้วจะไปทุกข์ทรมานขนาดไหน..
นี่ท่านก็แนะนำให้ฝึกหัดดูว่า จิตออกจากกายจะไปที่ทางไหน ..ก็ยังไม่ค่อยได้ฝึกหัดตามที่ท่านบอกวิธีให้ .
เรื่องของกาย .ท่านเล่าว่า แม้พระอรหันต์ ท่านบรรลุธรรมแล้ว ท่านก็ต้องอยู่ ประคับประครองกาย ให้ครบสัญญาที่กำหนด ต้องชำระสะสางกายเป็นแก้ว บริสุทธิ์ ให้ครบกำหนด ใช้เวลาเป็นพันปี บางองค์ก็ห้าพันปี ทำไปจนครบอายุพระศาสนา .หากทำไปครบสัญญา ก็ต้องกลับไปเกิด เริ่มต้นใหม่ เราก็ฟัวๆมาจากพระผู้ใหญ่ ที่ท่านเมตตา เล่าให้ฟัง .
เรื่องที่ว่า พระอรหันต์ ท่านทิ้งทรัพย์สมบัติ บิดามารดา ..ไปอยู่ป่า ท่านทิ้งที่รูปกายพ่อแม่ แต่ท่านได้นำธาตุทั้งสองของพ่อแม่ จิตอาศัยในเรือนกายที่พ่อแม่ให้มา ไปขัดสีธาตุพ่อแม่ ธาตุทั้สี่เป็นแก้วเจียรไน ลูกบรรลุธรรม ธาตุทั้งสองของพ่อแม่ ก็บรรลุตามไปด้วย พ่อแม่ก็ได้อานิสงส์ที่ลูกใช้กายนี้ กายพ่อแม่ ส่งคืนบุญกุศลบารมีให้พ่อแ่ม่ เป็นการติยแทนพระคุณพ่อแม่ที่ยิ่งใหญ่ ..ที่ให้กายนี้ มาสร้างบุญกุศลบารมี
โฆษณา