Blockdit Logo
Blockdit Logo (Mobile)
สำรวจ
ลงทุน
คำถาม
เข้าสู่ระบบ
มีบัญชีอยู่แล้ว?
เข้าสู่ระบบ
หรือ
ลงทะเบียน
ร้อยเรื่องหลากมุมกับ ภก.ปราโมทย์
•
ติดตาม
20 พ.ย. เวลา 22:58 • ข่าว
สรุป ไวรัสตับอักเสบ B ง่ายๆในโพสต์เดียว
จากกรณีดาราสาวที่ป่วยด้วยโรคติดเชื้อไวรัสตับอักเสบ บี ทำให้หลายคนรู้สึกกังวลและอยากทราบข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับโรคติดเชื้อไวรัสตับอักเสบ บี
ถึงแม้ชื่อ "ไวรัส" จะอยู่กับเรามานานและเราก็รู้จักดีจากการระบาดของโควิด 19 แต่เชื้อไวรัสตับอักเสบ บี ที่อยู่กับเรามานานกว่า กลับไม่เป็นที่รู้จักในวงกว้างมากนัก
ไวรัสตับอักเสบบีจัดเป็นไวรัสขนาดเล็ก มีเส้นผ่านศูนย์กลางประมาณ 42 นาโนเมตร
โครงสร้างของไวรัสประกอบด้วยส่วนสำคัญสองส่วนคือ เปลือกหุ้ม (Envelope) และนิวคลีโอแคปซิดภายใน (Nucleocapsid Core)
กลไกการเกิดการอักเสบไม่ได้เกิดจากตัวไวรัสโดยตรง แต่เกิดจากปฏิกิริยาของระบบภูมิคุ้มกันของร่างกาย (Immune response) ที่พยายามต่อสู้และกำจัดไวรัสที่อยู่ในเซลล์ตับ การต่อสู้นี้ทำให้เกิดการอักเสบของตับ หากการอักเสบดำเนินไปอย่างเรื้อรังเป็นระยะเวลานาน จะนำไปสู่การสะสมของพังผืด (Fibrosis) และการเกิดภาวะตับแข็ง (Cirrhosis)
เชื้อไวรัสตับอักเสบบีมีความสามารถในการแพร่เชื้อสูงและพบได้ในของเหลวที่ออกมาจากร่างกาย โดยเฉพาะในเลือดซึ่งมีปริมาณเชื้อสูงมาก นอกจากนี้ยังพบได้ในสิ่งคัดหลั่งต่าง ๆ ของร่างกาย เช่น น้ำเหลือง, น้ำอสุจิ, เยื่อเมือกจากช่องคลอด, น้ำคร่ำ, น้ำตา, น้ำมูก, และเลือดประจำเดือน
ไวรัสตับอักเสบบีสามารถแบ่งการดำเนินโรคออกเป็น 2 ระยะหลัก คือ การติดเชื้อเฉียบพลัน และการติดเชื้อเรื้อรัง โดยในระยะแรก อาการของภาวะตับอักเสบเฉียบพลันจะแสดงออกมาหลังจากติดเชื้อไปแล้วประมาณ 1-3 เดือน ซึ่งในผู้ป่วยส่วนน้อยที่มีอาการ อาจมีอาการไข้, คลื่นไส้, อาเจียน, อ่อนเพลีย มีอาการซึม สับสน
ร่วมกับระดับการทำงานของตับที่เพิ่มสูงขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ
และหากไม่ได้รับการรักษาอย่างเหมาะสม จะทำให้ตับเสียหายรุนแรง เกิดภาวะตับวายและเป็นอันตรายถึงชีวิตได้
ไวรัสตับอักเสบบีเป็นสาเหตุหลักของการเกิดมะเร็งตับ (Hepatocellular Carcinoma - HCC) ทั่วโลก การมีเชื้อไวรัสอยู่ในร่างกาย แม้จะอยู่ในภาวะโรคสงบ ก็เพิ่มความเสี่ยงของการเกิดตับแข็งและมะเร็งตับ ด้วยเหตุนี้ ผู้ป่วยเรื้อรังทุกคนจึงควรได้รับการตรวจติดตามและคัดกรองมะเร็งตับอย่างสม่ำเสมอ
การป้องกันการติดเชื้อทำได้โดยการคัดกรองโรคที่ถูกต้องตั้งแต่ครรภ์มารดา รับวัคซีนป้องกันตามเวลาที่เหมาะสม ไม่รับประทานร่วมช้อนกับผู้อื่น หลีกเลี่ยงการใช้ของใช้ร่วมกับผู้ติดเชื้อ รับประทานอาหารปรุงสุก
การรักษาทำได้โดยการให้ยาปฏิชีวนะเช่น Entecavir หรือ Tenofovir เป็นยาทางเลือกแรก ร่วมกับการรักษาตามปัจจัยของคนไข้แต่ละราย ที่สำคัญคือระยะเวลาการเข้ารับการรักษา ที่ควรรักษาอย่างเหมาะสมทันทีที่ได้รับการวินิจฉัย เพื่อไม่ให้ตัวโรคลุกลามรุนแรง จนเป็นอันตรายต่อไป
อ้างอิง
International Agency for Research on Cancer; 1994. (IARC Monographs on the Evaluation of Carcinogenic Risks to Humans, No. 59.) HEPATITIS B VIRUS. Available from:
https://www.ncbi.nlm.nih.gov/books/NBK513492/
สุขภาพ
ข่าว
ความรู้รอบตัว
1 บันทึก
3
1
1
3
1
โฆษณา
ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
© 2025 Blockdit
เกี่ยวกับ
ช่วยเหลือ
คำถามที่พบบ่อย
นโยบายการโฆษณาและบูสต์โพสต์
นโยบายความเป็นส่วนตัว
แนวทางการใช้แบรนด์ Blockdit
Blockdit เพื่อธุรกิจ
ไทย