21 พ.ย. เวลา 04:07 • ดนตรี เพลง

CULTURE (Ctrl+Alt+C) Dylan Goes Electric

การหักหลังที่งดงามที่สุดในประวัติศาสตร์
วันที่ 25 กรกฎาคม 1965 ณ เทศกาล Newport Folk Festival คือวันที่ระบบปฏิบัติการของโลกดนตรีถูก "Hard Reset" อย่างรุนแรงที่สุด
Bob Dylan ในวัย 24 ปี คือ "ศาสดา" ของวงการเพลงโฟล์ก คือเสียงสวรรค์ของคนหนุ่มสาวที่ต้องการเปลี่ยนแปลงสังคมด้วยกีตาร์โปร่งและฮาร์โมนิก้า แฟนเพลงคาดหวังให้เขาออกมานั่งดีดกีตาร์ร้องเพลงประท้วง (Protest Songs) อย่างที่เคยเป็น
แต่สิ่งที่เกิดขึ้นคือ Dylan เดินออกมาพร้อมเสื้อแจ็กเก็ตหนัง รองเท้าบู๊ต และ... Fender Stratocaster
วินาทีที่เขาและวง The Paul Butterfield Blues Band กระแทกคอร์ดแรกของเพลง "Maggie's Farm" ด้วยเสียงที่ดังสนั่น หยาบกร้าน มันไม่ใช่แค่การแสดงดนตรี แต่มันคือการประกาศสงคราม
1. การทรยศครั้งยิ่งใหญ่
สำหรับชาวโฟล์กสายอนุรักษ์นิยม (Purists) การกระทำนี้เท่ากับเป็นคนทรยศ ในยุคนั้น ดนตรีโฟล์ถูกมองว่าเป็น "ความจริง" ส่วนร็อกแอนด์โรลที่ใช้เครื่องดนตรีไฟฟ้าถูกมองว่าเป็น "ขยะทุนนิยม" ที่มอมเมาเยาวชน การที่ "Dylan Goes Electric" คือการ "ขายวิญญาณ" เสียงโห่ร้องดังกึกก้องในงานวันนั้นไม่ได้มาจากการเล่นผิดคีย์ แต่มาจากความโกรธแค้น
2. The Birth of "Intellectual Rock"
แต่ในมุมมองของการ Reboot วิธีคิด... Dylan ทำสิ่งที่อัจฉริยะมาก เขาทำลายกำแพงกั้นระหว่าง "ดนตรีปัญญาชน" (Folk) กับ "ดนตรีเต้นรำบ้าพลัง" (Rock) เขาพิสูจน์ว่าเพลงร็อกไม่จำเป็นต้องร้องแค่เรื่องจีบสาวหรือขับรถซิ่ง แต่มันสามารถบรรจุเนื้อหาที่เป็นกวี ปรัชญา และความซับซ้อนทางอารมณ์ได้
3. ความกล้าที่จะถูกเกลียด
นี่คือบทเรียนเรื่อง "Artistic Integrity" ที่ดีที่สุด Dylan ยอมแลกฐานแฟนคลับมหาศาลกับ "อิสรภาพ" ในการสร้างสรรค์ เขาไม่ยอมเล่นเพลงเดิมๆ เพื่อเอาใจใคร ความกล้าหาญ (Grit) ในวันนั้น สอนศิลปินรุ่นหลังว่า: "หน้าที่ของศิลปินไม่ใช่การให้ในสิ่งที่คนต้องการ แต่คือการให้ในสิ่งที่คน "ไม่รู้ตัวว่าต้องการต่างหาก"
เหมือนที่เขาตะโกนบอกวงว่า "Play it fking loud!"*** (หมายเหตุ: ประโยคนี้เกิดขึ้นจริงในปี 1966 ที่ Manchester แต่มันสรุป Attitude ของยุคสมัยนั้นได้ดีที่สุด)
#CTRLALTBEAT #CULTURE #BobDylan #DylanGoesElectric #NewportFolkFestival #RockHistory #ArtisticIntegrity #RebootYourMusicThinking
โฆษณา