🌆 EP4 — เมือง (F4): ทำไม Grey Infrastructure ของเมืองไทยล้าแล้ว?

ทุกครั้งที่ฝนตกหนักในกรุงเทพ เชียงใหม่ นครศรีธรรมราช หรือพัทยา
ภาพที่เราเห็นซ้ำ ๆ คือ
ท่วมภายใน 30 นาที
รถติดแบบไม่ขยับ
ปั๊มน้ำต้องเดิน 100%
ประตูน้ำต้องเร่งเปิด–ปิด
และเราพูดคำเดิมทุกปีว่า “ท่อไม่พอ คลองไม่พอ ต้องขุดอีก”
แต่เราลืมมองไปว่า เมืองไทยกำลังพยายาม “แก้ปัญหาฝนใหม่ ด้วยท่อแบบเก่า”
ฝนที่ตกในวันนี้เป็น ฝนสั้น–แรง–ปริมาณมาก (Intense Short Burst)
รูปแบบที่ Grey Infrastructure แบบเดิมออกแบบมาไม่รองรับ
ความล้าของระบบเมืองไทย… ไม่ใช่เพราะท่อเล็ก
แต่เพราะเราใช้ท่อไปทำงานของธรรมชาติแทนทั้งหมด
🌧 ทำไมระบบท่อ–สถานีสูบของเมืองถึงรับไม่ไหวอีกต่อไป?
**1) เพราะ 30 นาทีแรกคือ “นรกของน้ำผิวดิน”
Runoff ในเมืองสูงถึง 80–95%**
พื้นปูน–พื้นถนน–หลังคา ไม่ซึมน้ำเลย
น้ำทั้งหมดวิ่งเข้าสู่ท่อทันที
ท่อถูกออกแบบให้รับ “เฉลี่ยรายปี” ไม่ใช่ “ฝนก้อน 30 นาที”
2) เมืองสร้างลุ่มต่ำตามธรรมชาติทับลงไปหมด
โค้งคลอง–แอ่งตื้น–บึงรับน้ำ ถูกถมกลายเป็นถนน หมู่บ้าน ห้าง
หน้าที่ที่ควรเป็นของธรรมชาติ
ถูกส่งต่อให้ท่อรับแทนทั้งหมด
3) สถานีสูบต้องทำงานที่เกินกำลัง
เพราะไม่มีที่พักน้ำ ไม่มีพื้นที่รอ ไม่มี Slow Lane ของน้ำ
น้ำลงคลองปุ๊บ ต้องรีบสูบออกทันที
ถ้าทะเลหนุน ก็ “ตันทั้งระบบ”
🌿 ทางออกของเมืองไม่ใช่ท่อใหญ่ขึ้น… แต่ต้องคืนงานให้ธรรมชาติกลับมาทำ
นี่คือหัวใจของ F4 ในภาษา FBC–SEA
เมืองต้องมี Natural + Hybrid Structure เพื่อรับงาน 30–60 นาทีแรก
🌱 Natural Structure ของเมือง
แม้ในเมืองก็ยังมีธรรมชาติที่ช่วยได้มหาศาล:
พื้นที่ลุ่มต่ำในสวน
คลองเก่า
แอ่งน้ำตื้น
แนวหญ้าริมทาง
ร่องสวนเก่า
พื้นดินซึมน้ำในพื้นที่สีเขียว
หน้าที่ของธรรมชาติในเมืองคือ
“รับน้ำชั่วคราวช่วงพายุ” เพื่อผ่อนภาระให้ท่อ–สถานีสูบ
🔧 Hybrid Structure ของเมือง
โครงสร้างกึ่งธรรมชาติที่เบา แต่สำคัญมาก:
Bio-swale ริมถนน
Rain Garden
Permeable Pavement พื้นทางซึมน้ำ
Urban Retention Pocket แอ่งรับน้ำเล็ก ๆ ในสวน
Urban Wetland
Green–Blue Network เชื่อมทุ่ง–คลอง–สวน
ทั้งหมดนี้ทำให้เมือง
รับน้ำแทนท่อ
ลดปริมาณน้ำต้องสูบ 20–40%
ฟื้นระบบนิเวศ
ลดอุณหภูมิเมือง
เพิ่มคุณภาพพื้นที่สาธารณะ
และที่สำคัญที่สุด—
ไม่ต้องใช้งบเท่าการขยายท่อทั้งเมือง
🔍 FBC–SEA มอง F4 อย่างไร?
FBC
เมือง (F4) = พื้นที่ที่ต้อง “แตะน้ำให้น้อยที่สุด”
เพราะพื้นที่เมืองมีมูลค่าทรัพย์สินสูง
และมีกิจกรรมมนุษย์หนาแน่น
การแก้ปัญหาคือ
ให้เมืองซึมน้ำให้มากที่สุดในช่วง 60 นาทีแรก
แล้วค่อยปล่อยเข้าสู่ F3 และ F5
SEA
เมื่อเมืองใช้ Natural/Hybrid ร่วมกับ Grey
ผลกระทบจะลดลงทันที:
น้ำท่วมลด
ค่าใช้จ่ายระบบระบายน้ำลด
ลดความขัดแย้งชุมชน–รัฐ
เพิ่มสุขภาวะเมือง
เพิ่มพื้นที่สีเขียว
เมืองร้อนน้อยลง
นี่คือ co-benefits ที่เกิดขึ้นพร้อมกันแบบ Win–Win
🌆 บทสรุป EP4
เมืองไทยไม่ได้แพ้น้ำ
แต่เมืองไทยแพ้ “การจัดการน้ำที่ฝากความหวังไว้กับท่อเพียงอย่างเดียว”
เมื่อคืนหน้าที่ให้ธรรมชาติกลับมาทำงาน
เมืองจะหายใจโล่งขึ้นทันที
ภาพเมืองที่เราเห็นวันนี้—
สวนลุ่มต่ำ คลองธรรมชาติ และ urban wetland เล็ก ๆ —
คืออนาคตของเมืองไทยที่ไม่ต้องสู้กับน้ำทุกปีค่ะ

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา