พูดความจริง ก็ไม่ได้ งั้นเหรอ?
หลายคนบอกเธอปากไว หาเรื่อง
แต่ก็หลายคนเช่นกัน ที่เข้าใจเกมส์”ปั่น” ของจีน
ที่ดูจะโอเวอร์แอคติ้ง คล้ายๆนายกบางชาติแถวนี้
…แต่ไม่ว่าอย่างไร เราก็ควรเข้าใจข้อเท็จจริงกันบ้าง….
หากคุณเป็นนายกซานาเอะ
คุณก็ต้องตอบแบบเดียวกันนั่นแหละ
มาดามซานาเอะนั้น ตอบถูกต้องแล้ว ในฐานะ
ผู้นำของชาติใดก็ตาม ที่ถูกถามถึงผลต่อความมั่นคง
กับไต้หวัน ญี่ปุ่นไม่ได้มีความสัมพันธ์แบบเป็นทางการ
ญี่ปุ่นยังคงยึดถือนโยบายจีนเดียวเสมอมา
และซานาเอะ ก็ไม่ได้บอกว่านางจะใช้กำลัง
หรือช่วยไต้หวันแต่อย่างใด
สำหรับสื่อไทย ซึ่งค่อนข้างเอียงไปทางจีนอยู่แล้ว
การพูดถึงเรื่องนี้นั้น มันไม่ได้สะท้อนอย่างครอบคลุมนัก
เรื่องของเรื่องจริงๆ มันไม่มีอะไรนัก
ในการตอบคำถามต่อสภานิติบัญญัติ ครั้งแรก
นางถูกคนถามว่า
…หากจีนใช้กำลังต่อ”เกาะ”ไต้หวัน จะมีผลต่อความอยู่รอด
ของญี่ปุ่นหรือไม่ ?….
ซานาเอะตอบว่า
…ดิฉันคิดว่า มีผลต่อความอยู่รอดของญี่ปุ่น …
เรื่องทั้งหมดมันก็แค่นั้นแหละ
ซานาเอะไม่ได้บอกว่านางจะช่วยไต้หวัน หรือยอมรับไต้หวัน
ในฐานะของประเทศแต่อย่างใด
แต่เป็นการปั่นของจีนเอง โดยอาศัยคำว่า “ความอยู่รอด”
ของญี่ปุ่น ซึ่งเป็นหนึ่งในเงื่อนไข ที่ญี่ปุ่นจะสามารถใช้กำลัง
ปฏิบัติการทางทหารนอกประเทศ เข้าแทรกแซงได้
…ซึ่งที่จริง ก็ไม่ใช่เรื่องใหม่อะไร เพราะประเด็นทางประวัติศาสตร์ การล้างแค้นญี่ปุ่น เรื่องเหล่านี้ จีนใช้เป็นเครื่องมือทางการเมืองมาตลอดอยู่แล้ว….
ปัญหามันอยู่ที่ว่า ซานาเอะ ไม่มีสิทธิที่จะพูดความจริง
ที่กระทบกับประเทศตัวเองงั้นเหรอ ?
เพราะไม่ว่าอย่างไร ความขัดแย้งของจีนและไต้หวัน
หากเกิดขึ้น ก็จะต้องกระทบกับญี่ปุ่นอย่างแน่นอน
และไม่น้อยด้วย
เนื่องจากน่านน้ำญี่ปุ่นและเขตน่านน้ำที่จะมีปัญหา
หากมีการบุกไต้หวัน มันติดกัน
และแผ่นดินเกาะทางใต้สุดของญี่ปุ่นเอง
ก็ห่างจากไต้หวัน ไม่ถึง 200 กิโลเมตร
ซึ่งหากมีการรบกันขึ้นมา จีนจะเลี่ยงไม่ได้
ที่จะต้องรุกล้ำน่านน้ำญี่ปุ่น เพื่อการปิดล้อมไต้หวัน
และการปิดล้อม ย่อมส่งผลต่อการเดินเรือในช่องแคบไต้หวัน
ซึ่งเป็นทางที่ญี่ปุ่น จะรับพลังงาน น้ำมัน จากตะวันออกกลาง
และทางส่งออก นำเข้าของญี่ปุ่นต่อโลกส่วนมาก
ด้วยคำถามนั้นต่อซานาเอะ เธอจึงไม่มีทางตอบเป็นอื่นได้เลย
มันก็เหมือน ถ้ามีคนถามนายกไทยว่า
ถ้าอินโดนีเซียกับมาเลเซีย ซัดกันเพราะพื้นที่พิพาท
แถวช่องแคบมะละกา จะกระทบไทยไหมนั่นแหละ
หรือเอาไกลหน่อยก็เหมือนไปถามแถวตะวันออกกลาง
ว่าถ้าสหรัฐรบอิหร่าน แล้วมีปัญหาช่องแคบฮอร์มูส
พวกเขาจะกระทบไหม นี่ก็ลักษณะเดียวกัน
คือ ถ้าตอบตามความจริง ก็คือต้องบอกว่ากระทบแน่นอน
ถ้าบอกไม่กระทบต่อความอยู่รอด นั่นคือโกหก
ไม่ใช่ข้อเท็จจริง
การตอบของซานาเอะ ก็เป็นลักษณะเดียวกันนั่นเอง
นางไม่ได้บอกว่า การใช้กำลังต่อไต้หวัน คือการรุกรานรัฐอื่น
หรือสื่อความหมายถึงการมองไต้หวันเป็นประเทศ
ในความหมายหนึ่ง คือการบอกว่า การที่จีนจะจัดการ
เรื่องภายในของตัวเอง หรืออะไรก็ตาม มันมีผลกระทบต่อญี่ปุ่น
มันก็เท่านั้น และเป็นข้อเท็จจริง ที่จีนเองก็ปฏิเสธไม่ได้
นี่ยังไม่นับว่า การยึดครองไต้หวัน ยังหมายถึงส่วนหนึ่ง
ของการทำให้เขตแดนที่จีนประกาศ โดยอาศัยแผนที่ทางประวัติศาสตร์ที่ไม่อ้างอิงกฎหมายสากลอีกต่างหากนะ …
…ซึ่งการทำแบบนั้น ญี่ปุ่นจะต้องเสียพื้นที่ทางทะเลแน่นอน…
…แล้วจะให้มาดามซานาเอะตอบยังไงล่ะ ?….
…ในฐานะผู้นำประเทศ จะให้นางบอก เอาไปเลยจ้า ….
…งั้นเหรอ?….
…นั่นญี่ปุ่นนะ ไม่ใช่ไทยที่ต้องยอมเขมร….
ในความเป็นจริงแล้ว มันไม่มีทางที่ซานาเอะ
จะตอบคำถามนี้เป็นอื่นไปได้ เนื่องจากข้อเท็จจริงมันบังคับ
นางพูด ในฐานะผู้นำหนึ่งในประเทศที่ชาตินิยมที่สุดในโลก
ที่ต้องการรับทราบความเป็นจริง มากกว่าต้องเอาใจใคร
เพื่อนบ้านแบบไหนกัน ที่ไม่เข้าใจ และพยายามบิดประเด็น
ว่านางกำลังคุกคามตัวเอง ที่มีขนาดกองทัพใหญ่กว่ามาก
คำตอบคือ การเล่นประเด็นชาตินิยมของจีนนั้น
ในนาทีนี้ มันคือสิ่งเดียวที่สี่จิ้นผิงจะทำได้น่ะสิ
เศรษฐกิจที่ไม่ดีเหมือนเดิม เติบโตต่ำ ไม่ทันใจคนจีน
ขนาดเศรษฐกิจก็ถูกถ่างจากสหรัฐที่หนีออกไปมากขึ้น
คนจีนที่พอจะมีเงิน ก็ขนเงินออกนอกบ้าน หาโอกาสที่ดีกว่า
เอาจริงๆ คือ จีนไม่ได้อยู่ในสถานะที่ดีเหมือนอดีตนัก
การที่เศรษฐกิจชะลอตัว มันส่งผลให้รัฐบาลสี่ซึ่งเป็นสาเหตุ
จำเป็นต้องสร้างประเด็นอื่น เช่น ชาตินิยมมากลบ
เพื่อรักษาคะแนนนิยมในบ้านตัวเอง
ไม่ได้ต่างกับที่ฮุนเซน และอนุทินทำหรอก
พอญี่ปุ่นพูดแบบนี้ เปิดช่องให้เล่น ก็เลยตามน้ำ จัดเต็ม
สื่อโปรรัฐบาลจีน ในเว่ยป๋อ ก็ขุดเรื่องนานกิงมาเล่นจนเต็ม
โซเชี่ยลจีนเต็มไปหมด
แต่มันก็แค่นั้นแหละ เพราะเอาเข้าจริงๆ
จีนเองก็ไม่ใช่ว่าอยากรบกับญี่ปุ่น
และญี่ปุ่นเอง ก็คงไม่บ้าไปเปิดก่อน เพราะตนเป็นรองมาก
…มันก็แค่สงครามน้ำลาย สร้างความตึงเครียดไปงั้นแหละ…
…และในหลายทาง ทั้งสองประเทศก็ดูจะวินๆ กับเรื่องนี้..
ถ้าเรามองที่จีน เป้าหมายสำคัญสูงสุด คือการไล่กวดสหรัฐ
ให้ทัน หรือฝันไกลกว่านั้นถึงขั้นแซง
นั่นย่อมทำให้การพัฒนาด้านต่างๆของพวกเขา
จะชะงักงันไม่ได้เลย แม้แต่วันเดียว เนื่องจากตามอยู่เยอะ
การเปิดสงคราม จึงไม่ใช่คำตอบ
ญี่ปุ่นอาจไม่มีทางชนะจีนในสงคราม
แต่หากจีนจะชนะได้เด็ดขาด ราคาที่ต้องจ่าย
มันจะมากมายแบบที่จีนเองก็คงคิดหนักมาก
หากสงครามเกิดขึ้นจริงๆ เราควรทราบ
ว่ามันอาจเป็นยุทธนาวีครั้งใหญ่ที่สุด ในสงครามสมัยใหม่
ที่เต็มไปด้วยอาวุธร้ายแรง
จีนมีขีดความสามารถเหลือเฟือ ในการโจมตีญี่ปุ่นหรือไต้หวัน
แต่ถ้าบอกว่ารบเพื่อครอบครอง หรือรุกราน กลับไม่ใช่
เรื่องที่ง่าย และหลีกเลี่ยงไม่ได้ที่จะเกิดความสูญเสียอย่างมาก
ต่อกองทัพของจีนเอง แม้จะไม่มีสหรัฐสอดมาก็ตาม
กองเรือญี่ปุ่นไม่ใช่หมูให้เชือด รบกัน จีนก็เจ็บหนักนั่นแหละ
ทะเลแถบหน้าบ้านจีน ก็ไม่ได้เป็นมิตรกับพวกเขาเองนัก
มันเป็นฝ่ายซุ่มตั้งรับ ที่จะได้เปรียบด้านชัยภูมิมากกว่า
ซึ่งญี่ปุ่นเองก็รู้อยู่แล้ว ว่าต้องทำยังไง
และถ้าพูดถึงไต้หวัน หากจีนต้องการครอบครอง
ก็ต้องมีการยกพลขึ้นบก ซึ่งยากมาก ถ้าเราดูจากกำลังพล
ที่ต้องใช้ การขนไปทางเรือ รอบนึงได้ไม่เกิน 1,000 นายต่อลำ
แต่คาดว่าถ้าจะยึดไต้หวัน จีนต้องใช้กำลังพลหลายแสน
เพื่อควบคุมพื้นที่ทั้งหมด ก็ลองคิดดูว่ามันต้องใช้เรือกี่รอบ
ในการขนกำลังพลขนาดนั้น และเป็นไปได้หรือไม่ ในสงคราม
ยุคปัจจุบัน ที่อาวุธมันร้ายแรงมากๆแบบนี้
จีนไม่ได้คิดแบบรัสเซียที่ต้องการยึดยูเครนแบบไม่เกี่ยงสภาพ
การได้ไต้หวันที่เป็นซากมันไม่ใช่สิ่งที่จีนตัองการ
พวกเขาต้องการไต้หวันที่สมบูรณ์
และยังมีประสิทธิภาพต่างๆ หลงเหลือให้มากที่สุด
ดังนั้น ยากมาก ที่จีนจะบุกใครในตอนนี้
เพราะนั่นจะทำให้คนที่ได้ประโยชน์ที่สุด คือสหรัฐนั่นเอง
ถ้ากองเรือจีนเสียหายมาก ก็ต้องใช้เวลาฟื้นฟู ไล่ตามสหรัฐ
เพิ่มขึ้นอีกมาก มันเป็นโอกาสดีของสหรัฐ ที่จะหนีไป
หรือ หากจีนโจมตีญี่ปุ่นหรือไต้หวัน สิ่งที่ต้องเกิดแน่ๆ
คือมาตรการแซงชั่นต่างๆ ซึ่งก็เข้าทางสหรัฐเช่นกัน
และนั่น จะเท่ากับเป็นการซ้ำเติมเศรษฐกิจจีน
ที่ชะลอตัวอยู่แล้ว ให้รุนแรงขึ้น สมใจทรัมป์
และไม่ดีเลย กับความนิยมของรัฐบาลจีน
ลามไปถึงพรรคคอมมิวนิสต์
ด้วยเหตุผลทั้งหมด จีนคงชั่งน้ำหนักแล้วว่าไม่คุ้ม
ตราบใดที่ไต้หวันไม่ประกาศเอกราช และญี่ปุ่นไม่โจมตี
พวกเขาก่อน มันก็จะเป็นแบบนี้ไปตลอดนั่นแหละ
เล่นสงครามน้ำลาย เอาชาตินิยมมาเป็นเครื่องมือการเมือง
ให้เป็นประโยชน์ด้วยกันได้ทั้งสองฝ่าย
…จีนเอง เพราะความขัดแย้งแบบนี้ เท่ากับพวกเขาสกัด
เงินไหลออกไป เพราะคนจีนหอบไปเที่ยวญี่ปุ่นได้มากมาย
…ญึ่ปุ่นเอง ก็ได้แก้ปัญหานักท่องเที่ยวล้น สกัดทุนจีนที่ไป
เที่ยวได้กว้านซื้อสิ่งต่างๆในญี่ปุ่นได้
ที่จริง ความขัดแย้งลักษณะนี้ มันก็มีประโยชน์กับทั้งสองฝ่าย
และคงยาก ที่จะลุกลามบานปลายเป็นสงคราม….
…เนื่องจากมันไม่มีความคุ้มค่าใดๆกับใครเลยนั่นเอง….
สุดท้าย ในฐานะคนไทย เราก็ควรทราบกันสักหน่อย
ก่อนจะทำตัวเป็นอีช่างยุ ให้เขารบกัน
เศรษฐกิจไทยนั้นพึ่งพาญี่ปุ่นเยอะมาก ทั้งในแง่การเป็น
ผู้ลงทุนรายใหญ่ที่สุด และตลาดใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่ง
หากญี่ปุ่นโดนจีนปิดล้อม ไทยจะเป็นหนึ่งในประเทศ
ที่ได้รับผลกระทบหนักมากที่สุด ในภูมิภาคนี้
ปัญหาการขนส่ง supply ในระบบการผลิตต่างๆ
ของญี่ปุ่นต่อไทย รวมถึงไต้หวัน จะติดขัดและส่งผลต่อไทยมาก
อุตสาหกรรมยานยนต์ จะได้รับผลกระทบอย่างรุนแรง
อุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์ จะขาดแคลนอุปกรณ์สำคัญ
จนกระทบกับการผลิต(ประกอบ) ของไทยอย่างหนัก
และสองตัวนี้ คือสิ่งสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทย
หากการส่งออกสองอุตสาหกรรมนี้มีปัญหา
เศรษฐกิจไทยก็ย่อมต้องมีปัญหาตามไปทั้งระบบ
ไม่ใช่เรื่องสนุกสำหรับไทย ถ้าญี่ปุ่นมีปัญหา
ในความเป็นจริง เราสามารถบอกได้เลยว่าหากญี่ปุ่นมีปัญหา
…ไทยเองก็ไม่รอด….
…ก็เสนอไว้เป็นข้อมูลนะครับ…
…สงคราม มันไม่สนุกหรอก ไปเที่ยวได้ยุเขาแบบไร้สติ
มันไม่ได้เข้าท่าเลย….
…ก็เรื่องของตัวเองกับข้างบ้าน ยังเอาไม่รอดอ่ะนะ….
- 2
โฆษณา
- ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
- © 2025 Blockdit
