เมื่อวาน เวลา 01:30 • ความคิดเห็น
เรื่อวที่ศึกษา เมื่อเรามีสติสัมปชัญญะขึ้นมา สติปัญญายังไม่เกิด เราก็เรียนรู้ ศึกษา เรื่องราวในกายนี้ ที่จิตอาศัยอยู่ ทำเป็นเรื่อง ที่คำว่า วัตรปฏิบัติ ..ที่ช่วยให้จิต..จิตนั้นมีศีลสมาธิปัญญา ที่จะรู้จัก เรื่องราวต่างๆ ที่มาอาศัยกายนี้ ที่มันตั้งขึ้นมา หลุดจากท้องแม่ ก็มาเรียนรู้กันใหม่ เรียนรู้จดจำ ไปทำมาหากิน วุ่นวายหาภาระให้แก่กายนี้ ด้วยอารมณ์อยากมี ..ไม่สมอยาก ไม่ได้ดังใจหวัง .กายนี้พอหลุดจากท้องแม่ ก็มีการกินให้กายมันโต ..โตไปไหน .ไปแก่เจ็บตาย
ระหว่างทางที่กายนี้ยังไม่โต .เดียงสา น่ารักน่าเอ็นดู ก็ต้องเรียนรู้จัก หัดใช้กาย วิญญาณทั้งหก เห็นสิ่งนั้นสิ่ง เค้าเรียกว่าอะไร ก็เรียนรู้จักไปเรื่อย กว่าจะบรรลุนิติภาวะ เรียนรู้เรื่องไม่เหมือนกัน จึงมีคนสอบได้คะแนนไม่เหมือนกัน คราวนี้ ก็มีคะแนนค่าความเป็นมนุษย์ที่รู้จักดีชั่ว ..เอ้า รู้จักดีชั่ว รู้จักมั้ย อารมณ์นึกคิดที่ให้ดีชั่ว ..ที่ว่า เป็นนิสัยกรรม ..รู้จักได้มั้ย อารมณ์ดีอารมณ์ขั่วในตัวตน ..คัดเอ้าท์อารมณ์ที่เป็นไฟ ไปได้แค่ไหน ..หรือว่า ปล่อยปะละเลย ..ไม่ดูแล ปล่อยให้เป็นไฟสุมขอนอย่างนั้น
..เรื่องราวคะแนนค่าความเป็นมนุษย์ มันถูกหักคะแนน เหมือนคะแนนพฤติกรรม .เค้าให้มาเรียนรู้ในโลก กลับไม่เรียนรู้จัก .ใข้อารมณ์นึกคิดที่ชั่ว เอารัดเอาเปรียบ ทำลายคนนั้นคนนี้ เค้่หักคะแนนไปเรื่อย จนค่าค่าความเป็นมนุษย์หมดสิ้นไป ค่าของความเป็นมนุษย์หมดสิ้นไป เค้าก็ให้หมดบมหายใจบ้าง เป็นกรรมตัดรอนอายุขัย
..สมัยนี้ เค้าว่า อะไรๆก็สมอง ..สมองนั้น ได้สัญญาณจดจำ รูปรสกลินเสียงสัมผัสเป็นสัญญาจดจำ ที่ว่า ตาบันทึกภาพ หูบันทึกเสียง เอ่ไปเก็บไว้ที่ไหน สืบค้นหา สอบสวน ดูว่า เก็บบันทึกอยู่ที่ไหน ..สมองมันฝ่อได้ สมองมันก็ไม่เที่ยงเหมือนกับร่างกายที่แปรสภาพไม่คงที่ . หรือ ว่าไปหาตำตำรับตำรา จิตวิทยาต่างๆมากมาย แล้วจิตตัวเอง สอบสวนหาความจริงในกายนี้ได้มั้ย ที่ว่าจิตมาอาศัยกายนี้ เรียนรู้ได้มั้ย ที่เค้า จิตที่พัฒนาขึ้นมา .ที่เค้าก็มีคำว่า เสขะ ไปจนถึงคำว่า อเสขะ . เรื่องราวของคำวะ สังขตะ ที่ยึดถือ .สิ่งต่างๆ
บ้างก็ไม่ตัดรอน ..แต่ส่งเสริม ให้สร้างเวรกรรม ให้เพิ่มพูนมากขึ้น ร่ำรวย ๆ เอาไว้ใช้ จ้างคนมารักษา เฉือนตรงนั้นตรงนี้ เฉือนตบแต่ง ไปเรื่อยร่างกาย ก็ไม่ครบอาการสามสิบสอง ก็ยังละขั่วไม่ได้ .บ้างก็ต้องไปติดคุกตะราง ก็เพราะความโลภทะเลาะไม่รู้จักพอ แล้วสิ่งที่จะได้ไปเมื่อไม่มี .จิตไม่มีกาย .ก็ต้องไปสถานที่ลึกลับ ไปแล้วไปลับ ไม่ได้กายพ่อแม่เป็นมนุษย์อีกยาวนาน
เรื่องราวของตาหูจมูกลิ้นกายใจ มันก็ต้องเรียนรู้จัก ในสัมผัส ที่เกิดขึ้นมาเป็นอารมณ์ พอใจ ไม่พอใจ ตัณหาราคะต่างมากมายก่ายกอง ที่มันก็ต้องเรียนจัก ..สิ่งเหล่านี้ บ่งบอกอะไร ..นำพาจิตพายกายทำอะไร ..บ้างเป็นคุณหรือเป็นโทษ ได้กเวรกรรมคล้องกรรมหริอ จิตนั้น รู้จักในสิ่งที่สัมผัสนั้นได้ เกิดเป็นอารมณ์นึกคิด แล้วก็รีบสลัดทิ้งมันไป ทำได้ กายก็เบา จิตก็เบา แล้วยังมีเรื่องราว ที่เค้าว่า เอาน้ำดี มาไล่น้ำเสีย เรารู้จักน้ำดี หามันมาใส่กาย ไล่น้ำเสีนได้มั้ย
กายนี้ที่มีอารมณ์นึกคิด สลับหมุนเป็นวงกลม เหมือนปั่นจิ้งหรีด อารมณ์นี่นั้น มันเกิดขึ้น ดับไป แต่ไม่ได้ไปไหน อารมณ์สงบอยู่ข้างในกายนี้ ข้างๆจิตนั้นแหละ เดี๋ยวมันก็ลุกขึ้นมาใหม่ จิตที่อาศัยอยู่ในกาย ก็ทำตามอารมณ์ สั่งกายให้เคลื่อนไหว มีกิริยาท่าทางต่างๆเดิน ยืน นั่ง นอน .มีกิริยาท่าทาง มุ่งหวัง ใช้กายันั้นทำอะไร เช่น เดินไปหาปลา ตกเป็ด ทุบหัวปลา ..กิริยาท่าทาง .ที่ปรุงแต่ง นั้นมันมาจากไหน ใครสั่งให้ทำ ..จิตที่อยู่ในกายนี้ ..รู้จักคนที่สั่งจิตมั้ย
. สรุป ก็ศึกษาเรียนรู้ เรื่องกาย อารมณ์ จิต..กายที่มันแก่เจ็บตายได้ กายที่มีขันธ์ห้าเปลี่ยนแปลงไปเรื่อย ก็คงเรียนรู้ไปเรื่อย ในเรื่องกาย ที่มาอาศัยชั่วขณะหนึ่ง เรามาใช้กายนี้ ที่มันแก่เจ็บตายได้ นี้ เอามาทำอะไร ให้เป็นคุณ ลดละความยึดถือต่างๆ อะไรไปไดบ้าง ปลดเปลื้องอารมณ์กรรมได้มั้ย เพราะหากทำไม่ได้ มันก็ต้องไปหาที่เกิดแก่เจ็บตายใหม่..ไม่รู้ว่า ชาติหน้า จะมีพ่อแม่เป็นอะไร .เราก็เรียนรู้ว่า จิติที่จะเดินทางออกจากสังขารที่อาศัยนี้ เราจะได้สังขารเป็นอะไร.มันต้องเรียรนรู้ไปจนลมหายสุดท้าย..นั่นดับลง
แม้ยามที่กายนี้เจ็บป่วย ..เราก็นำกายนี้มาเรียนรู้จัก เค้าเจ้ากรรมนายเวรตามทัน ทวงหนี้สิน เราก็นำมากายนี้ มาปฏิบัติธรรมขึ้นมา ทำกายนิ่ง จิตนิ่งๆ (หากไม่เคยฝึกทำไม่ได้หรอก ยิ่งเจ็บป่วย มันกลัวตาย) ..เราก็นำมปฏิบัติธรรมขึ้น เพื่อที่จะเรียนรู้ ในสิ่งที่ว่า กรรมนั้นสะสมมากับจิต กรรมนำมาเกิดแก่เจ็บตาย .สิ่งที่เคยทำไว้ ไม้ได้สูญหาย เราก็นำมาเรียนรู้ ..เพื่อที่จะทำ..รู้จักว่า การอโหสิกรรมนั้น ทำได้จริงมั้ย เมื่อทำได้ ..เจ็บป่วย มันเกิดได้ มันก็ดับได้ .หายป่วยเป็นปกติ
ยามที่กายเจ็บ พอฝืนสังขารกรรมได้ ก็เป็นโอกาสทอง จิตจะได้เรียนรู้ .มีเหตุเข้ามา มันไหลเข้ามาที่กาย เราอาศัยในกายนี้ ..เราก็นำกายที่เจ็บป่วยนี้มาเรียนให้มันประจักษ์ ใครน่ะมาทำให้บ้านที่จิตนี้อาศัย ..มันเจ็บมันปวด ..จะได้รู้จักกัน .ให้จิตต่อจิตรู้จักกัน .เค้าเป็นใคร มาทำให้บ้านที่เราอาศัยอยู่นี้ไม่มีความสุข .
แล้วอีกเรื่องหนึ่ง ที่เค้าเรียกว่า เมตตาสงสารจิตของตัวเอง ..เราเรียนรู้ขึ้นมา ว่า ไม่ไม่มีกายจิตเรา จะไปอาศัยรูปที่ไหน ..รูปสัตว์นรก เปรตอสุรกาย มนุษย์ เทพยดา อินทร์พรหม .เราก็เรียนรู้ขึ้นมา . เพื่อทำให้จิตเรา ไปอาศัยในรูปบุญกุศล หรือ รูปที่มีแต่กรรม เราก็เรียนรู้ แล้วก็สร้างรูป วันข้างหน้า ให้จิตเราไปอาศัย ..เรื่องที่จะยุติการเกิด เราก็เรืยนรู้ขึ้นมา ว่ายัง ..ท่านถึงไปแล้ว ไม่กลับมาเกิดแก่เจ็บตายอีก
โฆษณา