22 พ.ย. เวลา 07:05 • ข่าว

นักวิทยาศาสตร์เยอรมันชี้ 4 บุคลิกภาพเฉพาะของฆาตกรต่อเนื่องที่คุณต้องระวัง

คิดว่าหลายคนน่าจะชอบหนังสืบสวนสอบสวน ที่เกี่ยวพันกับคดีฆาตกรรมต่อเนื่อง เพื่อตามหาคนร้ายผู้มักมีปมในวัยเด็ก หรือบุคลิกภาพบกพร่องที่เป็นแรงผลักดันให้มนุษย์คนหนึ่งเสพติดการฆ่าคนอย่างต่อเนื่องประหนึ่งความบันเทิง
แต่เมื่อไม่นานมานี้ ทีมนักวิทยาศาตร์จากเยอรมันได้ค้นพบว่ามี 4 บุคลิกลักษณะ ที่ฆาตรต่อเนื่องมักมีร่วมกัน ที่อาจใช้เป็นจุดจับสังเกตคนร้ายในการคลี่คลายคดีสืบสวนได้
โดยทีมนักจิตวิทยาจากมหาวิทยาลัยแบมเบิร์กได้ทำการศึกษากลุ่มตัวอย่างฆาตกรต่อเนื่องชายจำนวน 45 คน ที่มีแรงจูงใจทางเพศในการฆ่าเหยื่อ จากฐานข้อมูลคดีฆาตกรรมต่อเนื่องของ Radford/FGCU จำนวนกว่า 1,040 คดี
โดยกลุ่มตัวอย่างก่อคดีฆาตกรรมเพียงคนเดียว ในระหว่างปี 1960 - 2021 สังหารเหยื่อต่อคนตั้งแต่ 2 - 22 ราย (จำนวนเหยื่อเฉลี่ย 8.04 รายต่อคน) ก็พบข้อสรุปที่น่าสนใจมากว่า กลุ่มฆาตกรต่อเนื่องมักมีบุคลิกร่วมที่เหมือนกันใน 4 ลักษณะนี้
1. Grandiose Rivalry - ลุ่มหลงในการแข่งขันเพื่อให้ตัวเองรู้สึกเป็นผู้ชนะอยู่เสมอ เป็นภาวะหลงตัวเองรูปแบบหนึ่ง ที่มีแรงผลักดันในการแข่งขันอย่างรุนแรง และเพื่อรักษาความรู้สึกเหนือกว่า และ ลดคุณค่าของคนอื่น
2. Grandiose Admiration - ลุ่มหลงคำเยินยอสรรเสริญ ต้องการให้คนอื่นปฏิบัติต่อตนราวคนสำคัญตลอดเวลา
3. Vulnerable Isolation - บุคลิกโดดเดี่ยวอันเปราะบาง คนกลุ่มนี้มักมีภาวะความนับถือตนเองต่ำ และแยกตัวเองออกจากสังคม แต่ยิ่งแยกตัว ก็ยิ่งส่งผลให้มีความเสี่ยงสูงที่จะมีสุขภาพจิตที่ไม่ดีมากขึ้น
4. Vulnerable Enmity - ความเป็นปฏิปักษ์กับผู้คนรอบข้างที่เกิดจากความเปราะบางของตัวเอง อันจะนำไปสู่ภาวะความหวาดระแวง ความก้าวร้าว และความรู้สึกว่าตัวเองได้รับการปฏิบัติอย่างไม่เป็นธรรม
เอวานเจเลีย อิออนนิดี นักจิตวิทยาและนักอาชญาวิทยา หนึ่งในผู้ร่วมศึกษางานวิจัยกล่าวว่า ฆาตกรต่อเนื่อง มักมีบุคลิกภายใน 2 ขั้วที่ตรงกันข้ามกันอย่างสิ้นเชิง คือ มีทั้งความเปราะบางฝังลึก ในขณะเดียวกัน ก็มีความลุ่มหลงในความสำคัญของตน และกระหายสถานะที่เหนือกว่าผู้อื่น
อิออนิดี กล่าวว่า จิตใจของฆาตกรต่อเนื่องเหล่านี้มีความซับซ้อนกว่าคนทั่วไปมาก พวกเขาไม่ได้ถูกขับเคลื่อนเพียงแค่อัตตา หรือความกระหายอำนาจเพียงอย่างเดียว แต่ยังมีแรงผลักดันจากความอ่อนแอในใจตน ความเจ็บแค้นใจที่ฝังอยู่ข้างใน มีความอ่อนไหวกับสิ่งที่มากระทบ รู้สึกว่าตนเป็นเหยื่อที่ถูกกระทำอย่างอยุติธรรม
1
เมื่อผนวกจิตขับเคลื่อนจาก 2 ขั้วเข้าด้วยกัน จึงผลักดันให้พวกเขาใช้ความรุนแรง ด้วยความรู้สึกว่ามันเป็นเรื่องส่วนตัวและต้องการเป็นผู้ควบคุม
จากการวิเคราะห์ข้อมูลจากพฤติกรรม คำพูด การสัมภาษณ์ นักวิจัยพบร่องว่าภาวะหลงตัวเองแบบเปราะบางนั้นพบได้บ่อยกว่าลักษณะหลงตัวเองแบบโอ้อวด
ในกลุ่มการหลงตัวเองแบบเปราะบาง พบว่ามีบุคลิกประเภท Vulnerable Enmity หรือความรู้สึกปฏิปักษ์อันเปราะบางบ่อยที่สุด ถึง 84% รองลงมาจึงเป็น Vulnerable Isolation ความโดดเดี่ยวแบบเปราะบาง
ส่วนการหลงตัวเองแบบโอ้อวดนั้น พบภาวะความลุ่มหลงการสรรเสริญมากที่สุด รองลงมาจึงเป็นความลุ่มหลงการแข่งขัน ที่ผลต่อแรงผลักดันพฤติกรรมรุนแรง
การค้นพบนี้สร้างความประหลาดใจให้กับทีมนักวิจัย ที่เคยตั้งสมมติฐานว่าการหลงตัวเองแบบโอ้อวดจะมีแนวโน้มครอบงำการกระทำของกลุ่มฆาตกรต่อเนื่องมากที่สุด แต่ผลการศึกษากลับพบว่า บุคลิกภาพอันเปราะบางต่างหากที่เป็นเหตุจูงใจในการก่อเหตุมากกว่า ยิ่งยึดติดกับการถูกสังคมปฏิเสธ หรือ ไม่เคารพ พลังมืดที่แฝงในจิตใจที่เปราะบางก็ยิ่งรุนแรงมากยิ่งขึ้นเท่านั้น
และบุคคลเหล่านี้ไม่ได้มีบุคลิกภาพเพียงมิติเดียว แต่มีความเหลื่อมล้ำ ไม่สมดุลย์กันระหว่างบุคลิก 2 ขั้ว อาทิ ความเชื่อมโยงกันระหว่างความลุ่มหลงในการแข่งขัน กับ ความรู้สึกปฏิปักษ์อันเปราะบาง เมื่อยิ่งรู้สึกว่าอีกฝ่ายเป็นศัตรูมากเท่าไหร่ ก็ยิ่งผลักดันให้แข่งขัน ให้เติมเต็มความรู้สึกเหนือกว่ารุนแรงยิ่งขึ้น
การค้นพบนี้ อาจมีประโยชน์ต่อการจัดทำโปรไฟล์อาชญากรในการสืบสวน ด้วยบุคลิกเฉพาะตัวที่คล้ายกันในกลุ่มฆาตกรต่อเนื่อง ที่สามารถอธิบายถึงแรงจูงใจในการก่อเหตุได้ แต่ทั้งนี้ นักวิจัยเตือนว่า บุคลิกลักษณะที่บกพร่องเหล่านี้ไม่ได้บ่งชี้ว่า บุคคลนั้นต้องเป็นอาชญากร และมีผู้คนจำนวนไม่น้อยที่มีภาวะหลงตัวเอง แต่ไม่แสดงพฤติกรรมรุนแรง
และยังมีข้อจำกัดบางประการในงานวิจัยชิ้นนี้คือ จำนวนกลุ่มตัวอย่างที่มีเพียง 45 คน ที่เป็นผู้ต้องหาเพศชาย จากฐานข้อมูลของสหรัฐอเมริกาเท่านั้น ดังนั้น ผลการวิจัยนี้ อาจไม่สามารถใช้กับกลุ่มฆาตกรต่อเนื่องเพศหญิง หรือ กลุ่มอาชญากรที่มีพื้นเพเชื้อชาติอื่นๆได้ทั้งหมด นอกจากจะมีการขยายกลุ่มตัวอย่างให้ครอบคลุมมากขึ้นในอนาคต
ก็หวังว่าทีมนักวิจัยจะ ไขความกระจ่างในบุคลิกด้านมืดของจิตใจฆาตกรได้กว้างขึ้นในอนาคตอันใกล้ เพราะไม่มีใครอยากเป็นเหยื่อฆาตกรรมในเหตุการณ์จริง ดูเอาสนุกในหนัง ในซีรีส์พอ
งานวิจัยชิ้นนี้ ได้รับการตีพิมพ์ในวารสารวิชาการ the Journal of Police and Criminal Psychology
****************
ติดตามบทความของ "หรรสาระ" เพิ่มเติมได้ที่
Facebook - หรรสาระ By Jeans Aroonrat
Twitter - @HunsaraByJeans
Blockdit - หรรสาระ By Jeans Aroonrat
แพลทฟอร์มคุณภาพ ไม่ปิดกั้นการมองเห็นเนื้อหา
****************
แหล่งข้อมูล
โฆษณา