9 ธ.ค. เวลา 13:01 • ไลฟ์สไตล์

แวว ไปต่อ หรือ..

✍️ จุดเริ่มต้นเรื่อง..มาจากแม่ค้าปลา
จับ “ปลาหน้าเขียง” ตัวที่ต่างจากที่ผู้เขียนคิดจะซื้อไปปล่อย..🐠
ราวกับรู้ “แวว” ปลาตัวนั้น เป็นอย่างดีว่า..จะไปต่อได้หรือไม่
เรื่องของ “แวว” จึงผุดตามขึ้นมาอีกหลายมุม..🤏
🚶เวลาที่เราเดินตลาดสด หรือตลาดนัดย่านชุมชน หาซื้อปลาหน้าเขียง
ที่แม่ค้านำมาขาย เพื่อไปปล่อยลง คู คลอง หนอง บึง หรือสระน้ำ ต่ออายุให้ปลาที่จะมีผู้ซื้อไปทำ แกง ต้ม ผัด ปิ้ง
ในไม่ช้า 🫕
เราจะสังเกตเห็น แผงปลาหน้าร้าน
มีปลาอยู่ 3 จำพวกด้วยกัน
  • ​พวกแรก เป็นปลาที่ขอดเกล็ด หั่นเป็นชิ้นเรียบร้อยแล้ว
  • ​พวกที่สอง เป็นปลาที่นอนดิ้น สงบนิ่ง อยู่ในถาด หรือตะกร้า ซึ่งมีทั้งตายแล้วหมาด ๆ และใกล้จะหมดลมหายใจในระยะเวลาอันใกล้ รวมถึงที่นอนรอความตายภายในอีก 1-2 ชั่วโมง
  • ​ส่วนพวกที่สาม ได้แก่ ปลาที่ขังอยู่ในลัง หรือกะละมังพลาสติก มีน้ำพอให้ปลาได้เคลื่อนไหว ขยับตัว พร้อมทั้งมีเครื่องทำออกซิเจนให้ปลาใช้หายใจ
โดยทุกครั้งที่ผมไปซื้อ แม่ค้าก็มักจะตั้งคำถามว่า “จะเอาตัวไหนบ้างคะ”
ซึ่งผมจะพิจารณาเลือกจาก "ปลาพวกที่สอง" ที่อยู่ในตะกร้าก่อน ซึ่งรอความหวัง และอยู่ในจุดที่ใกล้เขียงมากที่สุด พร้อมจะถูกเชือดตลอดเวลา
แล้วจึงไปเลือกจาก "ปลาพวกที่สาม" ที่ ขังอยู่ในลังพลาสติก โดยคำนึงถึงงบประมาณที่ตั้งไว้ควบคู่ไปด้วย
โดยที่จะพิจารณาเพิ่มวงเงินเกินไปจากงบประมาณที่ตั้งไว้ในบางคราว ยืดหยุ่นไปตามสถานการณ์ 💰
แผงขายปลาในตลาด
💚 ทั้งนี้ ครั้งล่าสุด เมื่อราว ๆ ต้นเดือน ธันวาคม 2568 ที่ผ่านมา ผมก็ใช้วิธีการดังกล่าวในการตัดสินใจเลือกซื้อปลาจากงบที่ตั้งไว้ 500 บาท
เริ่มจาก..ผมพุ่งเป้าชี้ไปที่ปลาทับทิม
ซึ่งนอนนิ่งอยู่ในตะกร้า 3 ตัว ก่อนแม่ค้าจะตั้งคำถามเชิงรุกอย่างที่เคยถามเป็นประจำว่า “คุณพี่จะเอาตัวไหนดีคะ”
ด้วยความมั่นใจเต็มเปี่ยมว่า ทั้ง 3 ตัว นี้ ดูดีมี "แวว" จะว่ายต่อไปได้ เมื่อพิจารณาจากลักษณะภายนอกที่แลเห็น
ปลา 3 ตัว ที่เล็งไว้ โดยใช้แววจากตัวเรา
ส่วนปลาดุก อีก 1 ตัว ที่นอนแน่นิ่งอยู่ในตะกร้าอีกใบนั้น ไม่อยู่ในสายตาตั้งแต่แรกเห็น..เพราะคิดว่า น่าจะตายแล้ว
จากนั้น..ผมตั้งใจจะเลือกปลาที่อยู่ในลังตามมา..แต่แม่ค้ากลับตอบปฏิเสธความหวังของผมอย่างนิ่มนวล ด้วยความชำนาญที่คลุกคลีอยู่กับวงการปลามานานว่า
“ปลาทั้ง 3 ตัว ไปต่อไม่ไหว ค่ะ อย่าซื้อไปเลยค่ะ”
“ทั้ง 3 ตัว เลย หรือ ครับ” ผมต่อรอง
“ใช่ค่ะ” แม่ค้าตอบกลับทันที แล้วหันไปตักปลานิลตัวใหญ่ จำนวน 5 ตัว ที่อยู่ในลังแทน เท่ากับงบที่ตั้งไว้พอดี 500 บาท
ในจังหวะ นั้น..ผมหันไปเห็น “ปลาดุก” อีกหลายตัวกำลังดิ้นอยู่ในกะละมังพลาสติก ที่มีตาข่ายครอบกันปลา
กระโดดออกมา 🐬
จึงตัดสินใจเพิ่มงบอีกจำนวนหนึ่งแปรไปตามสถานการณ์ ให้เท่ากับจำนวนปลาดุกที่อยู่ในกะละมัง โดยให้แม่ค้านำออกมาปล่อยด้วย
แม่ค้าจับปลาดุกทีละตัวจากกะละมังใส่ถุงพลาสติกอย่างชำนาญ รวม 3 ตัว..
และในนาทีที่ผมเกือบไม่ทันจะได้เห็น..แม่ค้าก็ใช้มือขวาคว้าหมับ..เข้าไปตรงใกล้ ๆ ซอกคอปลาดุก อีก 1 ตัว จากตะกร้าหน้าร้าน
ซึ่งเป็นตัวเดียวกับที่ผม “มองข้าม” ไปตั้งแต่แรก ใส่ไปในถุงด้วย
ปลาดุกนอกสายตาที่มองข้ามไปแต่แรก
ด้วยความมั่นใจว่า “ยังไงตัวนี้ก็รอด” พลางรัดถุงพลาสติกไว้พอหลวม ๆ พอให้ปลามีอากาศหายใจ รวมแล้วมีปลาดุกพากันไปว่ายต่อ จำนวน 4 ตัว
ผมจ่ายสตางค์ค่าปลาดุกที่เกินงบไปอีก 300 บาท รวมเป็นเงินทั้งสิ้น 800 บาท โดยได้รับการสนับสนุนจากญาติพี่น้องของภรรยา และเพื่อน ชื่อ ชงค์ ที่เคยเรียนชั้นปริญญาตรีด้วยกันส่งเงินมาให้เป็นระยะ
สมทบกิจกรรมปล่อยปลาหน้าเขียง ช่วยให้สัตว์ได้พ้นทุกข์ สร้างกุศล ผลบุญเป็นทานบารมีไปในตัว
💞 ช่วงเวลาที่ปล่อยปลาลงสระ(เลือกแล้วเหมาะกับปลาที่จะปล่อย) ผมใช้โอกาสนี้ อุทิศผลบุญให้กับผู้ที่ล่วงลับไปแล้ว เช่น พี่ชายคนรอง และพี่สะใภ้คนโต ที่จากไปก่อนกาล
รวมทั้ง อธิษฐานบุญนี้ให้ผู้สูงอายุรุ่นราวคราวเดียวกัน ในวัย 90 ปีเศษ 3 ท่าน ได้แก่ แม่ยายผมเอง แม่ของเพื่อน และน้าสะใภ้ เป็นต้น
ทั้งหมด คือ เรื่องราวการปล่อยปลาที่ได้รับ “อานิสงส์” ผลบุญกลับมายังตัวเรา และผู้ที่ยังมีชีวิตอยู่ รวมไปถึงผู้ล่วงลับไปแล้ว
สระปล่อยปลา ที่ควรเลือกให้เหมาะสม
แต่ที่ได้ “อานิสงส์แถมกลับมา” อีกเรื่องคือ “แวว” ที่แม่ค้าขายปลาใช้สายตา และเทคนิคการพิจารณา “ปลาตัวไหน” จะไปต่อได้อย่างเชี่ยวชาญ ถ่ายทอดให้ผม โดยที่แม่ค้าเองก็ไม่รู้ว่า กำลังบอกแนะวิชานี้
พร้อมปฏิบัติให้เห็นเรื่อง ระบบ “ลูกค้าสัมพันธ์” ด้วยท่าทีที่ยิ้มแย้มอย่างเป็นธรรมชาติ พร้อมโปรยคำหวานทุกครั้งที่ผมไปแวะซื้อปลา เช่นว่า..
“หนูรอคุณพี่อยู่พอดีค่ะ”
“หนูนึกแล้วคุณพี่ต้องมาอุดหนุนหนู แล้วก็มาจริง ๆ” และ
“หนูอธิษฐานไว้ในใจแล้วว่า วันนี้ คุณพี่ต้องมา”
ราวกับว่า ผมเป็นลูกค้าวีไอพี คนสำคัญ ระดับแพลตตินั่ม ที่จะต้องให้ความสำคัญเรื่องการสื่อสาร การสร้างความสัมพันธ์ เพื่อรักษาลูกค้าไว้ นั่นเอง
🤙สรุปแล้ว 2 วิชาที่ได้แถมจากแม่ค้าขายปลา พร้อมชีวิตปลาอีก 9 ตัว ในราคา 800 บาท คุ้มค่า ครับ🥳
🤎ย้อนกลับไปที่เรื่องของ “แวว” ซึ่งได้เรียนรู้จากแม่ค้าขายปลา นั้น เป็นเช่นใด
“แวว” หมายถึง ประสบการณ์ที่แม่ค้าขายปลา ใช้ทักษะและความชำนาญที่สะสมติดตัวมาเป็นเวลานาน พิจารณาลักษณะอาการปลาตัวใดที่วางขายอยู่ในตะกร้า
จะสามารถไปต่อ หรือมีชีวิตรอด เมื่อมีผู้ซื้อไปปล่อยลง คู คลอง หนอง บึง และสระน้ำ จากสายตาของแม่ค้า ซึ่งต่างไปจากที่เรามองเห็น ด้วยพื้นฐาน วิชาชีพ และประสบการณ์ คร่ำหวอดที่แตกต่างกัน
ทำให้ผมคิดเชื่อมโยงไปถึง “แวว” ที่เกิดขึ้นในวงการต่าง ๆ อาทิ วงการกีฬา ซึ่งมีนักกีฬาชื่อเสียงบางคนก้าวขึ้นมาสู่ชั้นแนวหน้าได้ในระดับประเทศ และระดับสากล
ล้วนผ่านขั้นตอนเริ่มต้นจากที่มีผู้เห็น “แวว” บางอย่างในตัวนักกีฬาผู้นั้น
ทั้งจากบุคคลใกล้ชิด พ่อ แม่ ครู ผู้ฝึกสอน และโค้ช รวมไปถึงแมวมองที่มีทักษะในการพิจารณาเฉพาะด้าน
💕 ดังเช่นจุดเริ่มต้นของ..
"เจ" ชนาธิป สรงกระสินธ์ นักเตะร่างเล็ก ฝีเท้าดี ซึ่งมีที่มาจากคุณพ่อของเจ เห็น “แวว” บางอย่างของลูกชายจากการโยนลูกฟุตบอลให้บุตรชาย 2 คน เล่นตั้งแต่อายุยังน้อย ๆ ⚽
แล้วเจมีอาการตอบสนองต่อลูกบอล เตะเล่นอย่างสนุกสนาน แตกต่างไปจากพี่ชายที่เดินหนี หันไปหาของเล่นอย่างอื่นแทน🔫
เพียงแค่นี้ คุณพ่อก็มั่นใจว่า ลูกชายจะเป็นนักฟุตบอลที่เก่งได้ บวกกับความมุมานะที่จะเรียน และฝึกซ้อมอย่างจริงจังตามที่คุณพ่อได้วางทิศทางไว้
“แวว” บวก ความจริงจัง พร้อมแรงสนับสนุน
จึงทำให้ “เจ” เดินทางมาถึงวันนี้..
วันที่เป็นนักเตะอาชีพ และรับใช้ทีมชาติ สร้างทั้งรายได้ และชื่อเสียงให้กับตัวเอง รวมทั้งครอบครัว🏆
กองเชียร์พร้อมใจมาเชียร์โดยมิได้ นัดหมาย เพราะเห็นแววนักสู้ และความมุ่งมั่นของนักบอล ร.ร.หมอนทองวิทยา
💖 และกรณีของ
คริสเตียโน่ โรนัลโด้ ที่อยู่ในสายตาของ เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กุสัน อดีตโค้ชและกุนซือ ทีมแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด
ตั้งแต่แรกพบที่มองเห็น “แวว” ของ
โรนัลโด้🤸
ในเรื่องทักษะ และความสามารถการเลี้ยงบอลที่ยอดเยี่ยม การใช้เท้าทั้งสองได้คล่องแคล่ว และการยิงประตูที่เฉียบคม🏃
ในนัดที่แมนยู เดินสาย เตะกระชับมิตร กับ สโมสร สปอร์ติ้ง ลิสบอน ประเทศโปรตุเกส เมื่อปี 2003
จึงทำให้ ท่านเซอร์ ไม่ปล่อยให้โอกาสทองผ่านไป ตัดสินใจซื้อตัวโรนัลโด้
ในวัยเพียง 18 ปี มาร่วมทีม แมนยู ทันที หลังการแข่งขันจบลง🧳
แล้วบรรจงปั้น ขัดเกลา บวกกับความมุ่งมั่น และความกระหายที่จะฝึกซ้อม พัฒนาฝีมือของตัวโรนัลโด้เองด้วย🏊
จนกลายเป็นนักเตะดังในทีมแมนยู
แบบเดียวกับนักเตะในตำนานอย่าง เดวิด เบคแฮม ทั้งยังสวมเสื้อหมายเลข 7 เบอร์เดียวกัน ดังระเบิดระดับโลก
ไปในที่สุดเช่นเดียวกัน 🌏
💝 หรือ นึกเทียบเคียงเรื่อง "แวว"ไปยังวงการทำงานบ้าง ที่ทุกหน่วยงาน หรือองค์กรต่าง ๆ จะต้องให้ความสำคัญ
ในการมองหา “แวว” ของผู้ปฏิบัติงานภายในที่เป็น "ลูกหม้อ" ทุกระดับ หรือที่นิยมเรียกทับศัพท์กันว่า ซัคเซสเซอร์ (Successor) ก่อนที่จะคิดพึ่งพา "เสือข้ามห้วย" จากภายนอก
เพื่อวางตัวให้เป็น "ทายาท" สืบต่อจากผู้ดำรงตำแหน่งในปัจจุบัน นำพาองค์กรแต่ละระดับไปได้อย่างต่อเนื่อง ไม่สะดุด และติดขัดในระหว่างทาง
โดยใช้เกณฑ์พิจารณาจากทักษะ ความรู้ ความเข้าใจในงาน ความตั้งใจทุ่มเท และผลการปฏิบัติงานที่จับต้องได้
รวมทั้ง ทัศนคติที่ดีต่องาน และผู้ร่วมงาน จนถึงตัวองค์กร ตลอดจนภาวะการเป็นผู้นำ เป็นต้น 🏇
ซึมซับ สร้างทักษะเรื่องเครื่องเสียง ในร้านตั้งแต่เล็ก ๆ
🩵 มาถึงบทส่งท้าย
จะว่าไป..หากวันนั้น แม่ค้าปลา มองไม่เห็น “แวว” ที่พอมีอยู่ในตัวปลาดุกที่นอนนิ่งเดียวดายในตะกร้า โดยใช้สายตาในมาตรวัดแบบเดียวกับที่ผมใช้มองตอนแรก..
ปลาดุกตัวนั้น ก็คงหมดโอกาสที่จะไปต่อ..แต่เพราะแม่ค้า มีทักษะ และความชำนาญเฉพาะตัวที่ต่างไปจากผม
จึงมองเห็นหนทางข้างหน้าที่เต็มไปด้วยโอกาสให้ “ปลาดุกได้ไปต่อ” แทนการ “จบชีวิตลงที่หน้าเขียง” หยุดการพัฒนาไปโดยสิ้นเชิง
ดังนั้น ในเมื่อเรื่องของ "แวว" มีคุณค่ามากเช่นนี้
🧱 เราทุกคน จึงควรช่วยกันมองหา “แวว” ของเด็ก เยาวชน คนทำงานที่มีความรู้ ความสามารถ กระจายอยู่ตามวงการต่าง ๆ 💓
ให้มีโอกาสได้พัฒนา ความรู้ ความสามารถ ภายใต้คุณธรรม ในเส้นทางวิชาชีพของตัวเองในจำนวนที่เพิ่มมากขึ้น
เห็น "แวว" ที่จะรับผิดชอบส่วนรวม
🩷ส่วนตัวผมนั้น ต้องขอลาไปก่อนแล้วครับ..เพราะมีคนคุ้นเคยที่เห็น “แวว” ของผมมาช้านาน กำลังเดินใกล้เข้ามา..
พร้อมเปล่งวาจา..“ช่วยถูบ้านให้ด้วยนะ กวาดเสร็จแล้ว รอถู อย่างเดียว”
ต่อด้วย “ถูทั้งชั้นบน และชั้นล่างนะ”
ผมรีบวางมือ วางเม้าท์ จากโน้ตบุ๊ค ทันที เพราะเห็นแววตา และน้ำเสียงของเธอแล้ว..
ก็พอจะรู้ถึง “แวว” ที่แท้จริงของตนเอง ว่า จะไปต่อ หรือ...🤗
🙏ขอบคุณมากครับ
มุมชัย นัยสอิ้ง/9 ธ.ค.68
โฆษณา