วันนี้ เวลา 03:00 • ท่องเที่ยว

7 จุดชม ‘ทะเลหมอก’ ห้ามพลาดในไทย !

ทุกปี เมื่อฤดูหนาวมาถึง หลายคนวางแผนท่องเที่ยวเพื่อสัมผัสอากาศหนาวตามดอยตามเขาต่าง ๆ และคงไม่พลาดที่จะชม ‘ทะเลหมอก’ ให้ใจฟูกัน
🔗 อ่านบทความได้ที่เว็บไซต์ไทยพีบีเอส: www.thaipbs.or.th/now/content/3379
ไทยพีบีเอสชวนทุกคนมารู้จักปรากฏการณ์เบื้องหลังทะเลหมอก พร้อมปักหมุดสถานที่ท่องเที่ยวทางธรรมชาติน่าสนใจ – ทั้งในเมืองหลักและเมืองรอง – สำหรับการชมทะเลหมอกครับ
ทะเลหมอก เกิดขึ้นได้อย่างไร ?
จะเข้าใจการเกิดทะเลหมอกได้ เราต้องรู้กระบวนการการเกิดหมอกกันก่อนครับ เนื่องจากพื้นฐานของ 2 สิ่งนี้เหมือนกัน โดยทั่วไปแล้ว ‘หมอก’ เกิดขึ้นจากอุณหภูมิของอากาศที่ลดลงมากจนต่ำกว่าจุดน้ำค้าง ทำให้ไอน้ำเกิดการกลั่นตัวเป็นละอองขนาดเล็กในบรรยากาศใกล้ผิวโลก
ทะเลหมอกภูชี้ฟ้า จ.เชียงราย
พูดง่าย ๆ ก็คือ หมอกคือเมฆที่เกิดในระดับผิวโลกนั่นเองครับ ทั้งนี้ เวลาพูดถึงหมอกในภาษาอังกฤษ – โดยเฉพาะในแวดวงการบิน – จะมีศัพท์อยู่ 2 คำด้วยกัน คือ ‘fog’ ซึ่งหมายถึงหมอกที่บดบังทัศนวิสัยของเราเหลือไม่เกิน 1,000 ม. และ ‘mist’ ซึ่งใช้เรียกหมอกบาง ๆ ที่เรามองเห็นออกไปไกลเกิน 1,000 ม. จนถึง 8 กม.
หมอกแบ่งออกได้เป็น 6 ชนิดตามลักษณะการก่อตัว ดังนี้
1) หมอกที่เกิดจากการแผ่รังสี (Radiation fog) มักจะเกิดขึ้นช่วงกลางคืน หากมีสภาพอากาศคงที่ พื้นดินจะคายความร้อนหรือแผ่รังสีออกได้มากเป็นเหตุให้พื้นดินเย็นลง อากาศชื้นใกล้พื้นดินจะเย็นลงจนมีอุณหภูมิเท่ากับจุดน้ำค้าง ทำให้ไอน้ำในอากาศกลั่นตัวเกิดเป็นหมอก
2) หมอกที่เกิดจากการพาความร้อนในแนวนอน (Advection fog) ก่อตัวขึ้นจากมวลอากาศชื้นซึ่งเคลื่อนที่ไปบนพื้นผิวที่เย็นกว่า จนทำให้อุณหภูมิของอากาศข้างล่างลดลงต่ำกว่าอุณหภูมิจุดน้ำค้าง หมอกชนิดนี้สามารถเกิดได้ทั้งเหนือพื้นน้ำและพื้นดิน
3) หมอกลาดเนินเขา (Upslope fog) เกิดตามลาดเนินเขาด้านรับลม อากาศยกตัวสูงขึ้นตามลาดเขาทำให้อากาศเย็นตัวลงแบบแอเดียแบติก (adiabatic - ไม่มีการส่งผ่านความร้อนเข้าหรือออกจากระบบ) จนถึงอุณหภูมิจุดน้ำค้างและอากาศอิ่มตัว กลั่นตัวกลายเป็นหมอกในที่สุด หมอกลาดเนินเขาอาจเรียกว่า ‘เมฆสเตรตัส (stratus cloud)’ ขึ้นอยู่กับจุดที่สังเกตเห็น ปกติแล้ว หมอกชนิดนี้จะพบได้ในเขตหุบเขา และต้านทานต่อลมแรงได้ในระดับหนึ่ง
4) หมอกในแนวปะทะอากาศ (Frontal fog) เกิดขึ้นในบริเวณแนวปะทะอากาศ โดยทั่วไป แบ่งออกเป็น 3 ชนิด ได้แก่ หมอกที่เกิดก่อนแนวปะทะอากาศอุ่น (warm-front pre-frontal fog) หมอกที่เกิดตามหลังแนวปะทะอากาศเย็น (cold-front post-frontal fog) และหมอกที่เกิดขณะแนวปะทะอากาศเคลื่อนผ่าน (frontal-passage fog) ขณะที่หมอกในแนวปะทะอากาศ 2 ชนิดแรกจะเกิดจากสายฝนที่ตกสู่มวลอากาศเย็นคงที่ จนเพิ่มอุณหภูมิจุดน้ำค้าง หมอกชนิดที่ 3 นั้นก่อตัวจากการปะทะกันของมวลอากาศอุ่นและเย็น (กว่า)
5) หมอกไอน้ำ หรือ ควันทะเลอาร์กติก (Steam fog or Arctic sea smoke) เกิดจากไอน้ำที่ระเหยหรือเพิ่มเข้าไปในอากาศเย็นกว่ามาก จนควบแน่นกลายเป็นหมอก มักพบได้ในเขตละติจูดกลางเหนือทะเลสาบหรือแม่น้ำในช่วงฤดูใบไม้ร่วงและฤดูหนาว รวมถึงเหนือผืนน้ำในเขตอาร์กติกและแอนตาร์กติก
6) หมอกน้ำแข็ง (Ice fog) ก่อตัวจากผลึกน้ำแข็งในสภาพอากาศเย็นสุดขั้วที่อุณหภูมิต่ำกว่า -20 องศาเซลเซียส ทั้งนี้ ลมไอน้ำ กับการปล่อยไอเสียจากยานยนต์และอากาศยานก็ทำให้เกิดไอน้ำที่ผลิตผลึกน้ำแข็งได้ด้วยเช่นกัน
เดินทางชมทะเลหมอกในไทยตั้งแต่เหนือจรดใต้
พูดถึงเรื่องวิทยาศาสตร์กันพอประมาณแล้ว เรามาสำรวจสถานที่เที่ยวท่องเที่ยวชมทะเลหมอกกันครับ หลายคนคงคุ้นเคยกับจุดชมทะเลหมอกที่มีชื่อเสียงอย่างภูทับเบิก จ.เพชรบูรณ์ ภูชี้ฟ้า จ.เชียงราย และภูสอยดาว จ.พิษณุโลก แต่บทความนี้จะขอแนะนำแหล่งชมทะเลหมอกอื่น ๆ ที่น่าสนใจและควรค่าแก่การไปไม่แพ้กัน
1) ทะเลหมอกบ้านกลอเซโล จ.แม่ฮ่องสอน
ทะเลหมอกบ้านกลอเซโล ตั้งอยู่ในต.แม่สามแลบ อ.สบเมย จ.แม่ฮ่องสอน เป็นหมู่บ้านของชาวเผ่ากะเหรี่ยงที่ประกอบอาชีพเกษตรกรโดยส่วนใหญ่ ถือเป็นจุดชมวิวทะเลหมอกที่เห็นภูเขาลักษณะเหมือนโอบล้อมทะเลหมอกไว้อยู่โดยอีกฝั่งคือประเทศเมียนมา จึงได้ชื่อว่าเป็น “ทะเลหมอกสองแผ่นดิน” ภายในหมู่บ้านมีจุดชมทะเลหมอกและจุดกางเต็นท์หลายจุด ชมท้องฟ้าได้ทั้งยามเช้าและยามค่ำคืน ทั้งนี้ นักท่องเที่ยวต้องใช้ความระมัดระวังในการเดินทาง เนื่องจากถนนยังไม่ได้ลาดยาง
ข้อมูลเพิ่มเติม: call center ททท. โทร. 1672
ทะเลหมอกบ้านกลอเซโล (ภาพจาก: การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย)
2) ทะเลหมอกดอยกิ่วลม จ.เชียงใหม่
จุดชมวิวทะเลหมอกดอยกิ่วลม ตั้งอยู่ที่หน่วยพิทักษ์อุทยานแห่งชาติส่วนกลาง (เอื้องเงิน) ภายในอุทยานแห่งชาติห้วยน้ำดัง ต.กื้ดช้าง อ.แม่แตง จ.เชียงใหม่ อยู่สูงจากระดับน้ำทะเลปานกลาง 1,615 ม. นับเป็นที่ชมทะเลหมอกยามเช้าหน้าหนาวที่ได้รับความสนใจจากนักท่องเที่ยว เมื่อฟ้าเปิดและอากาศแจ่มใส จะสามารถเห็นทัศนียภาพของยอดดอยเชียงดาวได้ ในพื้นที่มีศูนย์บริการนักท่องเที่ยว บ้านพักแรม และร้านอาหารไว้บริการผู้ที่มาเยี่ยมเยือน
ข้อมูลเพิ่มเติม: Facebook อุทยานแห่งชาติห้วยน้ำดัง – Huai Nam Dang National Park
ทะเลหมอกดอยกิ่วลม (ภาพจาก: อุทยานแห่งชาติห้วยน้ำดัง - Huai Nam Dang National Park 31 ธ.ค. 67)
3) ทะเลหมอกเขาหลวง จ.สุโขทัย
ทะเลหมอกเขาหลวง ตั้งอยู่ในพื้นที่อุทยานแห่งชาติรามคำแหง ต.ศรีคีรีมาศ อ.คีรีมาศ จ.สุโขทัย โดยตัวยอดเขาหลวงนั้นอยู่สูงจากระดับน้ำทะเลปานกลาง 1,200 ม. ระยะทางเดินสู่ยอดเขายาว 3.7 กม. เมื่อนักท่องเที่ยวมองจากยอดเขาลงมายามเช้าตรู่ สามารถเห็นทะเลหมอกและทิวทัศน์โดยรอบได้อย่างชัดเจน นอกจากนี้ ภายในพื้นที่อุทยานฯ ยังมีน้ำตกสายรุ้งและน้ำตกลำเกลียวด้วย ส่วนใครที่อยากจะพักแรมนั้น อุทยานฯ มีทั้งบ้านพักให้เช่าและลานกางเต็นท์ พร้อมบริการลูกหาบ
ข้อมูลเพิ่มเติม: โทร. 098-8839297, Facebook อุทยานแห่งชาติรามคำแหง - Ramkhamhaeng National Park และจองที่พัก-เต็นท์ที่ nps.dnp.go.th
ทะเลหมอกเขาหลวง (ภาพจาก: Facebook อุทยานแห่งชาติรามคำแหง - Ramkhamhaeng National Park 1 มิ.ย. 68)
4) ทะเลหมอกภูแผงม้า จ.เพชรบูรณ์
ไม่ไกลจากภูทับเบิกมากนัก มีจุดชมวิวทะเลหมอกอีกแห่งหนึ่งอย่างภูแผงม้า ถือเป็นจุดชมวิวสูงที่สุดในเขตอุทยานแห่งชาติภูหินร่องกล้า จ.เพชรบูรณ์ ณ ความสูง 1,775 ม. จากระดับทะเลปานกลาง สามารถชมได้ทั้งพระอาทิตย์ขึ้นและพระอาทิตย์ตก อีกทั้งนักท่องเที่ยวยังมองเห็นทัศนียภาพรายรอบแบบเกือบ 360 องศาได้ เช่น ไร่กะหล่ำปลีจากภูทับเบิก ทะเลหมอกบริเวณอำเภอหล่มเก่า-หล่มสัก และทะเลภูเขาสลับซับซ้อนจาก อ.เขาค้อ
ข้อมูลเพิ่มเติม: Facebook อุทยานแห่งชาติภูหินร่องกล้า – Phu Hin Rong Kla National Park, โทร. 096-020-0992 หรือ 081-596-5977
ทะเลหมอกภูแผงม้า (ภาพจาก: สำนักอุทยานแห่งชาติ)
5) ทะเลหมอกผาชะนะได จ.อุบลราชธานี
ข้ามมาที่อีสานใต้กันบ้าง ทะเลหมอกผาชะนะได ในเขตอุทยานแห่งชาติผาแต้ม จ.อุบลราชธานี ถือเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่ได้รับความนิยมอย่างมาก นอกจากจะได้เห็นแนวแม่น้ำโขงทอดยาวและทะเลหมอกในช่วงปลายฝนต้นหนาวแล้ว ยังจะได้สัมผัสแสงแรกจากดวงอาทิตย์ก่อนใครในสยาม เพราะกรมอุตุนิยมวิทยาใช้จุดดังกล่าวบอกเวลาดวงอาทิตย์ขึ้นนั่นเอง
ข้อมูลเพิ่มเติม: Facebook ททท.สำนักงานอุบลราชธานี Tat UbonRatchathani และ อุทยานแห่งชาติผาแต้ม Phataem National Park, โทร. 04-525-2581
ทะเลหมอกผาชะนะได (ภาพจาก: Facebook อุทยานแห่งชาติผาแต้ม Phataem National Park 9 พ.ย. 68)
6) ทะเลหมอกเขาศูนย์ จ.นครศรีธรรมราช
ลงมาทางภาคใต้กันบ้างที่ทะเลหมอกเขาศูนย์ ซึ่งตั้งอยู่ในต.ไม้เรียง อ.ฉวาง จ.นครศรีธรรมราช มีความสูง 510 ม. จากระดับทะเลปานกลาง ภูมิประเทศของเขาศูนย์เป็นพื้นที่ป่าที่มีการปลูกต้นยางพาราแทรกอยู่โดยทั่วไปจนถึงยอดเขา บางส่วนเป็นพื้นที่ปลูกผลไม้ เขาศูนย์มีเขาบริวารอีกสามลูก คือ เนินลูกกรอก ควนไฟไหม้ และเขาขวาง บนยอดเขาศูนย์สามารถชมทัศนียภาพได้โดยรอบ 360 องศา มีลานกางเต็นท์และร้านค้าบริการสำหรับนักท่องเที่ยวที่มาชมทะเลหมอกและรุ่งอรุณวันใหม่
ข้อมูลเพิ่มเติม: ชมรมท่องเที่ยวชุมชนเขาศูนย์ โทร. 088-619-6144
ทะเลหมอกเขาศูนย์ (ภาพจาก: การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย)
7) ทะเลหมอกอัยเยอร์เวง จ.ยะลา
สุดท้ายแต่ไม่ท้ายสุด ณ สุดเขตแดนสยามที่ทะเลหมอกอัยเยอร์เวง ตั้งอยู่บนเขาไมโครเวฟ ต.อัยเยอร์เวง อ.เบตง จ.ยะลา พื้นที่ดังกล่าวมีเสาส่งสัญญาณโทรศัพท์ตั้งอยู่ จึงได้ชื่อเล่นว่า “เขาไมโครเวฟ” สูงจากระดับทะเลปานกลางราว 621 ม. บนยอดเขามีอากาศเย็นสบาย สามารถชมทะเลหมอกได้ทั้งทิศตะวันออกและตะวันตก บนเขามีจุดชมวิวด้วยกัน 3 จุด แต่จุดที่เป็นที่รู้จักกันทั่วไปคือ “สกายวอล์กอัยเยอร์เวง” ซึ่งมีระเบียงกระจกใสยื่นออกไปจากตัวเขา สามารถเที่ยวชมทะเลหมอกได้ทั้งปี
ข้อมูลเพิ่มเติม: โทร. 087-933-8770 หรือ Facebook Skywalk Aiyerweng ทะเลหมอกอัยเยอร์เวง เบตง ยะลา
ทะเลหมอกอัยเยอร์เวง (ภาพจาก: การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย)
ทะเลหมอกถือเป็นปรากฏการณ์ทางธรรมชาติที่ทำให้เรารู้สึกสดชื่นและมีพลังมากขึ้น แต่การชมทะเลหมอกจะขาดต้นไม้ใบหญ้าและป่าเขารายล้อมไปไม่ได้ ดังนั้น เราจึงต้องช่วยกันรักษาสิ่งแวดล้อมและท่องเที่ยวด้วยความรับผิดชอบครับ
ภาพปก: Facebook อุทยานแห่งชาติรามคำแหง - Ramkhamhaeng National Park (1 มิ.ย. 68)
ติดตามบทความและเรื่องราวทันทุกกระแสที่ Thai PBS NOW: www.thaipbs.or.th/now
โฆษณา