วันนี้ เวลา 01:14 • ท่องเที่ยว
วัดโคโตกูอิง

องค์พระใหญ่ไดบุทสึ กับต้นสน 3 ต้น ที่เป็นสัญลักษณ์ความผูกพันกับประเทศไทย

คามาคุระ เป็นเมืองเก่าของญี่ปุ่น
มีที่เที่ยวทั้งวัด ศาลเจ้า และ
ธรรมชาติที่สวยงดงาม
จากโตเกียวนั่งรถไฟไปประมาณ 1 ชั่วโมงก็จะถึง
และหากเราพูดถึงที่เที่ยวในคามาคุระแล้ว
แทบทุกคนจะนึกถึงองค์พระใหญ่ไดบุทสึ
องค์พระใหญ่ไดบุทสึ
ประดิษฐานอยู่ที่วัดโคโตะกุอิน
คนทั่วไปมักเรียกว่า
หลวงพ่อโตแห่งคามาคุระ
องค์ไดบุทสึเป็นสัญลักษณ์
และศูนย์รวมใจของคน
ในเมืองคามาคุระ
รวมทั้งเป็นสถานที่ที่สำคัญ
ในการดึงดูดนักท่องเที่ยวมาญี่ปุ่น
องค์ไดบุทสึ คือ องค์พระอมิตาภพุทธะ
เป็นพระพุทธเจ้าในความเชื่อของ
ศาสนาพุทธ นิกายโจโด(สุขาวดี)ในญี่ปุ่น
ภายหลังที่พระอมิตาภพุทธะปรินิพานแล้ว
พระองค์ประทับอยู่ที่แดนสุขาวดี
ไปทางทิศตะวันตก คอยช่วยเหลือ
สรรพสัตว์ให้พ้นทุกข์ และใช้ปัญญาของท่าน
ทำให้มนุษย์รู้จักผิดชอบชั่วดี
สรรพสัตว์ที่มีใจเป็นธรรมได้ตายลงไป
ท่านก็จะรับมายังแดนสุขาวดี
องค์ไดบุทสึจึงถูกสร้างมาจากความเชื่อ
และนับถือในองค์พระอมิตาภพุทธะ
ท่านถูกสร้างในสมัยโชกุนโยริโตโมะ มินาโมโตะ
แรกเริ่มเดิมที่องค์ไดบุทสึ ถูกแกะสลักจากไม้
แต่ผ่านไปเพียงแค่ 4 ปีก็ถูกไต้ฝุ่นพัดถล่ม
องค์ท่านเสียหายเกินกว่าที่จะซ่อมแซม
จึงได้ถูกสร้างขึ้นมาใหม่ คราวนี้ใช้
โลหะสำริด และทองแดงในการสร้าง
โดยตัวองค์พระจากฐานมีความสูง 13.35 เมตร
และหนักกว่า 95 ตัน
โดยองค์ไดบุทสึที่คามาคุระองค์นี้จะมีขนาด
ใหญ่ป็นอันดับ 2 ของญี่ปุ่นรองจาก
หลวงพ่อโต แห่งวัดโทไดจิ เมืองนาราเท่านั้น
องค์พระอมิตาภพุทธะตามความเชื่อแล้ว
จะมีกายสีแดงทั่วร่าง มีพระหัตถ์ที่ยาว
แต่องค์พระใหญ่ไดบุทสึแห่งคามาคุระ
จะมีสีเขียว สาเหตุมาจากการเกิดปฏิกริยาทางเคมี
เกิดออกไซด์ของโลหะหรือสนิมสะสมเป็นเวลานาน
จนองค์พระเป็นสีเขียวทั้งองค์
องค์ไดบุทสึองค์นี้ผ่านร้อนผ่านหนาว
ผ่านมรสุมมานักต่อนัก
แรกเริ่มเดิมทีองค์ไดบุทสึ
ประดิษฐานในพระอุโบสถ
แต่เกิดเหตุสึนามิทำลายวัดและพระอุโบสถ
ไปจนหมด ทำให้องค์ไดบุทสึนั่งกลางแจ้ง
มาตลอดนับแต่นั้น
ต่อมาได้เกิดเหตุแผ่นดินไหวครั้งใหญ่ในญี่ปุ่น
ฐานรององค์พระถูกทำลาย
แต่ตัวองค์ไดบุทสึ กลับไม่เป็นอะไร
ยังคงนั่งนิ่งสงบคอยปกปักรักษาชาวเมือง
คามาคุระมาโดยตลอด ซึ่งเราสามารถเข้าไปเยี่ยมชมภายในองค์พระใหญ่ เพื่อที่จะเห็นรอยต่อรอยเชื่อม รวมทั้งเทคนิควิธีต่างๆ ในการสร้างองค์พระได้
ที่ด้านข้างของตัวองค์พระใหญ่ยังมีรองเท้าแตะฟางใหญ่ที่มีขนาดความยาว 1.8 เมตร กว้าง 0.9 เมตร และหนัก 45 กิโลกรัม รองเท้าฟางนี้มีที่มาจากสมาคมเด็กมัตสึซากะแห่งมัตสึซากะโช เมืองฮิตาชิโอดะได้มอบบริจาคให้ โดยเริ่มต้นขึ้นในปี พ.ศ. 2494 ภายหลังสงครามได้สิ้นสุดลง เด็กๆ ในเขตคุจิ จังหวัดอิบารากิได้ร่วมแรงร่วมใจกันทำรองเท้าฟางขึ้นมาเพื่อให้องค์พระใหญ่สวมใส่
โดยปรารถนาว่าจะพระองค์จะเสด็จเดินไปทั่วประเทศญี่ปุ่นและนำความสุขมาสู่ผู้คน นับแต่นั้นเป็นต้นมาทางสมาคมก็ได้สร้างรองเท้าฟางขนาดยักษ์บริจาคให้กับทางวัดทุกๆ 3 ปีมาโดยตลอด
นอกจากนี้ที่บริเวณด้านหน้าทางฝั่งขวาของตัวองค์พระใหญ่ยังมีสัญลักษณ์ที่เป็นสิ่งผูกพันกับประเทศไทยเราด้วย นั่นคือต้นสนที่ รัชกาลที่ 6 กับรัชกาลที่ 7 ได้ทรงปลูกไว้ที่วัด ต่อมาต้นสนที่ รัชกาลที่ 6 ทรงปลูกได้ล้มตายลง ทำให้ในปี พ.ศ. 2553 ในหลวงรัชกาลที่ 9 ได้ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้นายวีระศักดิ์ ฟูตระกูล เอกอัครราชทูต ณ กรุงโตเกียวในขณะนั้นเป็นผู้ปลูกต้นสนต้นใหม่ตรงตำแหน่งแทนต้นสนที่รัชกาลที่ 6 ได้เคยทรงปลูกไว้
และในปี พ.ศ. 2530 สมเด็จพระบรมโอรสาธิราช เจ้าฟ้ามหาวชิราลงกรณ์ สยามมงกุฎราชกุมาร (รัชกาลที่ 10) ทรงปลูกต้นสนในวโรกาสที่เสด็จเยือนวัดโคโตะกุอินอีกต้นด้วย ปัจจุบันที่วัดโคโตะกุอินจึงยังมีต้นสนที่เป็นสัญลักษณ์ความผูกพันกับประเทศไทยรวมด้วยกันอยู่ 3 ต้นให้เราได้เห็นกัน
หากใครมีโอกาสได้ไปเยือนที่วัดโคโตะกุอิน สักการะองค์พระใหญ่เสร็จแล้ว อย่าลืมไปดูต้นสน 3 ต้นที่ครั้งหนึ่งพระมหากษัตริย์ไทย 3 พระองค์ได้ทรงปลูกไว้ด้วยนะครับ
โฆษณา