1 ชั่วโมงที่แล้ว • หุ้น & เศรษฐกิจ

💸 เงินเดือนเท่านี้ เสียภาษีเท่าไหร่? และถ้ามีค่าลดหย่อนเพิ่มจะประหยัดภาษีเท่าไหร่ คิดยังไง??

มนุษย์เงินเดือนเช็กด่วน! ใครว่าเงินเดือน 3 หมื่นไม่ต้องเสียภาษี? มาดูวิธีคำนวณง่าย ๆ ว่าคุณต้องจ่ายภาษีเท่าไหร่ และถ้าเริ่มลงทุนใน กองทุนประหยัดภาษี (RMF/TESG/TESGX) หรือ PVD 10% ของเงินเดือน จะช่วยประหยัดภาษีไปได้ขนาดไหน! 👇
💰 ทำความเข้าใจ "เงินได้สุทธิ" ก่อนคำนวณภาษี
รายได้เงินเดือน ถือเป็นเงินได้ประเภท 40(1) ซึ่งมีวิธีการคำนวณเพื่อหา "เงินได้สุทธิ" ดังนี้
• หักค่าใช้จ่าย: หักได้ 50% ของรายได้ แต่สูงสุดไม่เกิน 100,000 บ.
• หักค่าลดหย่อนพื้นฐาน:
o ค่าลดหย่อนส่วนตัว: 60,000 บ. (ทุกคนได้)
o ค่าลดหย่อนประกันสังคม: สูงสุด 9,000 บ./ปี 🏥
เงินได้สุทธิ = รายได้ทั้งปี - ค่าใช้จ่าย – ค่าลดหย่อนทั้งหมด
เมื่อนำ "เงินได้สุทธิ" มาเข้าตารางอัตราภาษี ซึ่งก็คือ
เงินได้สุทธิ 150,000 บ. แรก ไม่เสียภาษี
เกิน 150,000 – 300,000 เสียภาษีในอัตรา 5%
เกิน 300,000 – 500,000 เสียภาษีในอัตรา 10%
เกิน 500,000 – 750,000 เสียภาษีในอัตรา 15%
เกิน 750,000 – 1,000,000 เสียภาษีในอัตรา 20%
เกิน 1,00,000 – 2,000,000 เสียภาษีในอัตรา 25%
เกิน 2,00,000 – 5,000,000 เสียภาษีในอัตรา 30%
เกิน 5,00,000 เสียภาษีในอัตรา 35%
🔍 เกณฑ์ต้องยื่นภาษี และเริ่มเสียภาษี
ก่อนจะไปดูตัวอย่างของนาย A เรามาดูเกณฑ์เบื้องต้นกันก่อนว่า เราต้องทำอะไรบ้างกับภาษี:
• หน้าที่ "ยื่นภาษี" 📄: ถ้ามีรายได้จากเงินเดือน หรือรายได้ที่เป็น 40(1) เกิน 120,000 บ. ต่อปี (หรือเกิน 10,000 บ. ต่อเดือน) ถือว่า ต้องยื่น (ส่วนจะเสียหรือไม่เสียเป็นอีกเรื่องนะ!)
• เริ่ม "เสียภาษี" 🎯: สำหรับคนที่มีแค่ค่าลดหย่อนพื้นฐาน (ส่วนตัว 60,000 บ. และประกันสังคมสูงสุด 9,000 บ.) จะเริ่มเสียภาษีเมื่อมีเงินเดือน เกินประมาณ 26,583 บ. ต่อเดือน
🧐 ตัวอย่าง: นาย A เงินเดือน 30,000 บาท
นาย A มีเงินเดือน 30,000 บาท รายได้ทั้งปี 360,000 บาท
🔸 กรณีที่ 1: ไม่มีค่าลดหย่อนเพิ่มเติม
1. หาเงินได้สุทธิ:
360,000 (รายได้) - 100,000 (ค่าใช้จ่าย) - 60,000 (ส่วนตัว) - 9,000 (ประกันสังคม) = 191,000 บ.
2. คำนวณภาษีที่ต้องจ่าย: เงินได้สุทธิ 191,000 บาท
o เงินได้สุทธิ 150,000 บ. แรก ไม่เสียภาษ๊
o ส่วนที่ต้องเสียภาษี: 191,000 - 150,000 = 41,000 บ.
o ภาษีที่ต้องจ่าย = 41,000 x 5% (อัตราภาษี) = 2,050 บ.
🔹 กรณีที่ 2: มีการลงทุน PVD/กองทุนประหยัดภาษี (RMF/TESG/TESGX) 10% นาย A ลงทุน 10% ของเงินเดือน (360,000 บ.) คือ มีค่าลดหย่อนเพิ่ม 36,000 บ.
.
1. หาเงินได้สุทธิใหม่:
191,000 (เงินได้สุทธิเดิม) - 36,000 (ลดหย่อนเพิ่ม)} = 155,000 บ.
2. คำนวณภาษีที่ต้องจ่ายใหม่:
o ส่วนที่ต้องเสียภาษี: 155,000 - 150,000 = 5,000 บ.
o ภาษีที่ต้องจ่ายใหม่ = 5,000 x 5% = 250 บ.
🌟 สรุปผลลัพธ์: ประหยัดภาษีไป 1,800 บ.
เงินภาษีที่ประหยัดได้ = 2,050 - 250 = 1,800 บ.
🔑 ข้อสังเกตสำคัญที่มนุษย์เงินเดือนควรรู้💡
• อยากลดภาษีต้องหาตัวช่วย! การลงทุนในกองทุนที่ลดหย่อนภาษีได้ (RMF, TESG, TESGX) หรือ PVD ช่วยลด "เงินได้สุทธิ" ทำให้เราจ่ายภาษีน้อยลงได้จริง
• คนเงินเดือนสูง 🚀: ถ้าไม่มีค่าลดหย่อนเพิ่ม อาจต้องเสียภาษีประมาณเกือบเงินเดือน 1 เดือน
• ยิ่งฐานภาษีสูง ยิ่งประหยัดเยอะ! คนที่เงินเดือนสูงและอยู่ในฐานภาษีที่สูงกว่า เวลาใช้สิทธิลดหย่อน จะช่วยประหยัดภาษีได้มากกว่าคนที่ฐานภาษีน้อยกว่า
• ภาษีที่จะประหยัดได้ คิดคร่าวๆ คือ นำค่าลดหย่อนเพิ่มเติม คูณ ฐานอัตราภาษีที่ประหยัดไป
• ถ้าไม่เสียภาษีอยู่แล้วล่ะ? ⛔️ คนที่เงินได้สุทธิไม่ถึงเกณฑ์เสียภาษี (ไม่เกิน 150,000 บาท) จะ "ไม่ได้ใช้สิทธิ" ลดหย่อนภาษีเพิ่มเติมต่าง ๆ (เช่น RMF, Easy e-Receipt, เที่ยวดีมีคืน) ถ้าสนใจลงทุน แนะนำให้ลงทุนใน กองทุนรวมทั่วไป ซึ่งกำไรจากการขายหน่วยลงทุนได้รับการยกเว้นภาษีอยู่แล้ว
#หมอยุ่งอยากมีเวลา #กองทุนรวม #กองทุนเพื่อการออม #กองทุนรวมเพื่อการเลี้ยงชีพ #RMF #SSF #ภาษี #ลดหย่อนภาษี #วางแผนภาษี #มนุษย์เงินเดือน #ยื่นภาษี #คิดภาษี #คำนวณภาษี #TESG #PVD
โฆษณา