7 ธ.ค. เวลา 05:00 • ประวัติศาสตร์
1. ให้สังเกตว่าวลีหรือประโยค "จะมีผู้มาปลดปล่อย" ศัพท์แสงลักษณะนี้ จะไม่ใช่รูปวลีหรือรูปประโยคในภาษาไทย เพราะมันถูกถอดแปลมาจากภาษาต่างปรเะทศ ที่เด่นชัดที่สุดสำหรับแนวคิดผู้ปลดปล่อย มาจากพระคัมภีร์ไบเบิ้ล ในศาสนาคริสต์ ซึ่งในพระคัมภีร์จะเรียกว่า "Savior" ซึ่งแปลว่า ผู้กอบกู้ ผู้ช่วยให้รอด
1
One that saves from danger or destruction
or
One who brings salvation.
2. หากจะว่ากันตรงไปตรงมา ทุกศาสนาล้วนสอดแทรกความเชื่อเรื่อง ผู้มากอบกู้โลกให้พ้นจากความหายนะและความโสมม ด้วยกันทั้งนั้น ซึ่งไม่ใช่มีเพียงศาสนาคริสต์ หรือยิวหรอกค่ะ
1
ในคัมภีร์อังคุตตรนิกายของศาสนาพุทธ
มีกล่าวถึงพระศรีอาริยเมตไตรย
พระพุทธเจ้าองค์ถัดไป
...................
จนทำให้นักการเมืองสายห้อยสายโหน
อดีดส.ส.สุโขทัย จิตป่วย
นำความเชื่อมาอุปโลกน์ว่าตนคือพระศรีอาริย
3. แม้ส่วนตัวเราเองจะเป็นพุทธศาสนิกชนคนหนึ่ง เราก็ยืนยันที่จะขอแสดงความคิดเห็นและมุมมองส่วนตัวอีกครั้ง ในฐานะคนที่สนใจศึกษาประวัติศาสตร์ ปรัชญาศาสนาว่า
1
คัมภีร์แทบทุกศาสนา
เกิดจากรากเดียวกันทั้งหมด นั่นก็คือ
ตำราพระเวทของพรหมณ์-ฮินดู
ฝรั่งมังค่าปัจจุบัน
ก็กลับมาพุ่งความสนใจในศาสตร์
และความลี้ลับของตำรานี้
ลามปามไปถึงขึั้นที่พยายามหาหลักฐาน
ว่าคนอินเดียกลุ่มหนึ่งที่นิวเดลลี
สืบทอดสายพันธุ์มาจากมนุษย์ต่างดาว
.....................
จนเป็นที่มาของการสร้างกลุ่มตื่นรู้นั่นแหละ!
2
ทุกศาสนาล้วนมีหัวใจเดียวกันนั่นคือ
สอนให้มนุษย์ทำความดีละเว้นความชั่ว
แต่บรรดาสาวกต่างก็ทำสิ่งที่ไม่ต่างกันเลย
นั่นคือการ "สอดแทรกสตอรี่ เพื่อโน้มน้าว"
.................
พระพุทธเจ้าทรงเน้นเรื่องการทำอานาปานสติ
เพื่อให้เราควบคุมจิตใจให้โฟกัสกับปัจจุบันขณะ
เป็นไปเพื่อการละคลายในสิ่งที่ทำให้จิตเศร้าหมอง
เอาแค่ตรงนี้ให้ได้ก่อนเถิด! อย่าคิดว่าง่าย
....................
คนนับฮินดู เศรษฐีนักธุรกิจ ตั้งมูลนิธิ
ฝึกสมาธิอานาปานสติกันอย่างหนัก
และยกย่องพระสัมมาพุทธเจ้า
เรื่องเดียวเน้นๆ คืออานาปานสติ
1
โฆษณา