9 ธ.ค. เวลา 10:16 • สิ่งแวดล้อม
บลน.โรโบเวลธ์

🔥 ภาวะโลกร้อน ทำให้สหรัฐฯ รวยขึ้น

เคยสงสัยไหมครับว่าทำไมประเทศพัฒนาแล้วส่วนใหญ่ดูไม่ค่อยจัดการปัญหาภาวะโลกร้อนแบบจริงจังตรงกันข้าม ประเทศกำลังพัฒนา เจอแต่ภัยพิบัติแบบรัว ๆ พอดีเราไปเจอบทความของ BBC Worklife ชิ้นหนึ่งที่อ้างอิงจากงานวิจัยที่สำคัญ แล้วคิดว่าน่าสนใจมาก เลยจะมาแชร์ให้ฟัง
เขาบอกว่า ภาวะโลกร้อน (Global Warming) ไม่เพียงแต่ทำลายสิ่งแวดล้อมเท่านั้นแต่ยังได้ขยายความเหลื่อมล้ำทางรายได้ระหว่างประเทศที่ร่ำรวยและประเทศที่ยากจนในช่วง 50 ปีที่ผ่านมาด้วย โดยงานวิจัยพบความสัมพันธ์ที่ชัดเจนระหว่างอุณหภูมิเฉลี่ยกับผลผลิตทางเศรษฐกิจ
ตัวเลขสำคัญคือตรงนี้ครับ พื้นที่ที่มีอุณหภูมิเฉลี่ยประมาณ 13 องศาเซลเซียส (55 องศาฟาเรนไฮต์) จะมีประสิทธิภาพทางเศรษฐกิจสูงสุด การเพิ่มขึ้นของอุณหภูมิเล็กน้อยจากภาวะโลกร้อนได้ผลักดันให้อุณหภูมิของประเทศเหล่านี้เข้าใกล้หรืออยู่ในช่วง "อุณหภูมิที่สมบูรณ์แบบ" สำหรับผลผลิตทางเศรษฐกิจ ทำให้ GDP เติบโตเพิ่มขึ้น
แน่นอน ประเทศที่ได้รับประโยชน์ ไม่ใช่แค่สหรัฐฯ แต่คือประเทศที่อยู่ในเขตอบอุ่น แต่รวมไปถึงจีน ญี่ปุ่น และประเทศแถบยุโรปบางประเทศอีกด้วย ตรงกันข้าม ประเทศที่อยู่ในเขตร้อนหรือใกล้เส้นศูนย์สูตร ซึ่งมีอุณหภูมิสูงอยู่แล้ว ภาวะโลกร้อนทำให้อุณหภูมิสูงขึ้น สูงขึ้น สูงขึ้น จนเกิดจุดที่เหมาะสม พอเกิดจุดที่เหมาะสม จะทำให้ผลผลิตทางการเกษตรลดลง นั่นหมายถึง GDP ที่ได้จากการเกษตรจะลดลงอีกด้วย
โดยจากการวิเคราะห์ข้อมูล 50 ปี งานวิจัยประเมินว่าภาวะโลกร้อนได้ทำให้ความมั่งคั่งของประเทศที่ยากจนที่สุดลดลงระหว่าง 17% ถึง 31% กลับกัน ประเทศร่ำรวยกลับมีความมั่งคั่งเพิ่มขึ้นราว 10% จากอุณหภูมิที่สูงขึ้นในช่วงเวลาเดียวกัน โดยรวมแล้ว ช่องว่างระหว่างประเทศที่ร่ำรวยที่สุดและยากจนที่สุดในโลก กว้างขึ้น 25% เมื่อเทียบกับสถานการณ์ที่ไม่มีภาวะโลกร้อน
สรุปง่าย ๆ ประเทศร่ำรวยเป็นประเทศที่ปล่อยก๊าซเรือนกระจกสู่ชั้นบรรยากาศมากที่สุดในประวัติศาสตร์ ซึ่งเป็นสาเหตุหลักของภาวะโลกร้อน กลับกลายเป็นประเทศที่ได้ประโยชน์ ตรงกันข้าม ประเทศที่สร้างปัญหาน้อยกว่า กลับเป็นผู้ที่ได้รับผลกระทบทางเศรษฐกิจที่เลวร้ายที่สุด
---
╔═══════════╗
เพราะการลงทุน ไม่จำเป็นต้องเครียด แต่ต้อง fundii
╚═══════════╝
กดเข้าร่วม Community
#fundii #ลงทุน #กองทุน #สนุก #ฝันดี
โฆษณา