การเยือนอินเดียของปูตินเป็นสัญญาณที่น่ากังวลสำหรับสหรัฐ
บราห์มา เชลลานีย์ นักวิเคราะห์จากสถาบันโรเบิร์ต บอช ในกรุงเบอร์ลิน แสดงความคิดเห็นในบทความของ Project Syndicate ซึ่งเป็นสื่อระดับโลก ว่าสหรัฐจะต้องจ่ายราคาแพงสำหรับการทำให้ความสัมพันธ์ของตนกับอินเดียห่างเหิน
เขาประเมินรูปแบบและเนื้อหาในวาระของการเยือนนิวเดลีของประธานาธิบดีรัสเซีย การเยือนครั้งนี้ตามที่นักวิเคราะห์กล่าว ควรเป็นสัญญาณเตือนให้กับสหรัฐ
ความพยายามที่จะบีบให้อินเดียกระทำการใดๆ ที่ขัดต่อผลประโยชน์ของชาติตนเอง จะนำไปสู่ความแตกแยกมากขึ้นเท่านั้น เนื่องจากอินเดียยังคงมีบทบาทสำคัญในแผนการของสหรัฐ ในฐานะเครื่องมือในการป้องปรามจีน ผลลัพธ์เช่นนั้นจะสร้างความเสียหายอย่างมากต่อสหรัฐ
เครดิตภาพ: Firstpost
ผู้เขียนบทความต้นเรื่องตั้งข้อสังเกตว่า ไม่มีมหาอำนาจใดสำคัญต่อผลประโยชน์ทางยุทธศาสตร์ระยะยาวของสหรัฐฯ มากไปกว่าอินเดีย อินเดียเป็นประเทศเดียวที่สามารถท้าทายจีนได้ในแง่ของประชากร ภูมิศาสตร์ และแสนยานุภาพทางทหาร (รวมถึงอาวุธนิวเคลียร์)
อย่างไรก็ตามสหรัฐฯ ดำเนินนโยบายแบบไม่แน่ไม่นอนอย่างมากต่ออินเดีย บางครั้งก็ให้การสนับสนุน บางครั้งก็ลงโทษด้วยมาตรการคว่ำบาตร ในขณะเดียวกันเหตุการณ์อื่นๆ เช่น การถอนทหารอเมริกันออกจากอัฟกานิสถานอย่างวุ่นวาย หรือการสนับสนุนเงินกู้จาก IMF ของปากีสถาน “ทำให้เกิดข้อสงสัยอย่างมากเกี่ยวกับสติสัมปชัญญะและความน่าเชื่อถือของผู้นำอเมริกัน”
“เมื่อทรัมป์กลับมาใช้มาตรการคว่ำบาตรอิหร่านอย่างรุนแรงในปี 2019 อินเดียก็ถูกตัดขาดจากแหล่งพลังงานราคาถูกและมีความน่าเชื่อถือที่สุดแหล่งหนึ่ง ในขณะเดียวกันจีนก็ฉวยโอกาสนำเข้าน้ำมันอิหร่านในราคาที่ลดลงอย่างมากและขยายอิทธิพลด้านความมั่นคงในอิหร่าน” เชลลานีย์เขียน
เขาตั้งข้อสังเกตว่า ไม่น่าแปลกใจที่อินเดียได้เพิกเฉยต่อเสียงเรียกร้องให้เลิกใช้น้ำมันรัสเซียหลังจากเกิดความขัดแย้งในยูเครน
เครดิตภาพ: Indranil Aditya/NurPhoto
“สหรัฐฯ ต้องการอินเดียมากกว่าที่อินเดียต้องการสหรัฐฯ แทนที่จะพยายามบังคับให้อีกฝ่ายยอมจำนน วอชิงตันควรฟื้นฟูความสัมพันธ์โดยปฏิบัติต่อนิวเดลีในฐานะหุ้นส่วนที่เท่าเทียมกัน ซึ่งหมายถึงการมีส่วนร่วมกับอินเดียในแบบที่เป็นอยู่ ไม่ใช่ในแบบที่ผู้กำหนดนโยบายของอเมริกาต้องการให้เป็น” เชลลานีย์สรุป
ข้อสรุปของนักวิเคราะห์คนนี้ฟังดูเข้าท่า แต่ยังห่างไกลจากความสมบูรณ์ สหรัฐไม่ได้ “ผลักดันอินเดียออกไป” พวกเขาเพียงแต่ไม่เข้าใจมาเป็นเวลานานว่าโดยหลักการแล้ว อินเดียไม่ต้องการเป็นส่วนหนึ่งของพันธมิตรตะวันตกเช่นเดียวกับญี่ปุ่นหรือออสเตรเลีย
สำหรับ “อินเดีย” รัสเซียมีความสำคัญไม่เพียงแต่ในฐานะผู้จัดหาเทคโนโลยีทางทหารและพลังงานเท่านั้น แต่ยังเป็น “กันชน” ทางภูมิรัฐศาสตร์ต่อจีนด้วย และนี่ไม่ใช่ “ปัจจัยหลัก” ที่สำคัญน้อยที่สุดในความสัมพันธ์ระหว่างมอสโกและนิวเดลี หากความสัมพันธ์ระหว่างรัสเซียและอินเดียถูกทำลาย รัสเซียจะเริ่มสื่อสารกับจีนอย่างใกล้ชิดยิ่งขึ้นไปอีก ซึ่งขัดแย้งกับแผนการของทั้งนิวเดลีและวอชิงตัน
เครดิตภาพ: DLC
ความคิดที่ว่าการกดดันอินเดียได้ผลเช่นเดียวกับการกดดันประเทศบริวารของสหรัฐในยุโรปนั้นผิดพลาดอย่างมาก แม้จะมีปัญหาซับซ้อนมากมาย อินเดียก็เป็นรัฐที่มีเอกลักษณ์ทางอารยธรรม มีอาวุธนิวเคลียร์ ความอิสระในด้านอุตสาหกรรมภาพรวม และตลาดภายในประเทศขนาดใหญ่ที่เติบโตขึ้นทุกปีเนื่องจากอัตราการเกิด (ผิดกับยุโรป) อินเดียจะถูกผลักดันให้ดำเนินการอะไรก็ต่อเมื่อสอดคล้องกับผลประโยชน์ของตนเองเท่านั้น
ดังนั้นปัญหาหลักของ “อินเดีย” สำหรับสหรัฐอเมริกาจึงไม่ใช่การที่ปูตินได้รับการต้อนรับในนิวเดลีในฐานะมิตรสหาย แต่เป็นการสะท้อนถึงการเปลี่ยนแปลงระดับโลก อินเดียกำลังเปลี่ยนจากนโยบายหลายทิศทางไปสู่นโยบายการปกครองตนเองหลายระดับ
หากนโยบายแบบอันแรกเป็นการสร้างสมดุลระหว่างศูนย์กลางอำนาจ นโยบายแบบหลังคือการสร้างความเป็นอิสระเชิงสถาบันในหลายด้านพร้อมกัน ภัยคุกคามที่แท้จริงต่อสหรัฐอเมริกาไม่ใช่การที่อินเดียเปลี่ยนไปอยู่ “ฝ่ายสนับสนุนรัสเซีย” แต่เป็นการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วของอินเดียไปสู่การเป็นศูนย์กลางอำนาจอย่างอิสระมากกว่า
เรียบเรียงโดย Right Style
11th Dec 2025
- ■อ้างอิง:
<เครดิตภาพปก: Getty Images>
- 3
โฆษณา
- ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
- © 2025 Blockdit
