Blockdit Logo
Blockdit Logo (Mobile)
สำรวจ
ลงทุน
คำถาม
เข้าสู่ระบบ
มีบัญชีอยู่แล้ว?
เข้าสู่ระบบ
หรือ
ลงทะเบียน
Krungsri Asset Management
ยืนยันแล้ว
•
ติดตาม
15 ธ.ค. เวลา 09:51 • หุ้น & เศรษฐกิจ
รายงานภาวะตลาดประจำสัปดาห์ 8 – 12 ธ.ค. 2568
ภาพรวม
●
หุ้นสหรัฐฯ ดัชนี S&P 500 และ Nasdaq ทำจุดสูงสุดใหม่จากประชุม Fed ก่อนถูกกดดันจากแรงขายหุ้น AI ปลายสัปดาห์ โดยสัปดาห์ที่ผ่านมา S&P500 -0.6% และ Nasdaq -1.6% ขณะที่ Dow Jones +1.1%
●
Fed มีมติ 9 ต่อ 3 เสียง ปรับลดดอกเบี้ย 0.25% สู่ระดับ 3.50–3.75% พร้อมส่งสัญญาณลดดอกเบี้ยในระยะข้างหน้าจะมีจำกัด โดยคาดว่าจะลดดอกเบี้ยเพียง 1 ครั้งในปี 2026 และ 1 ครั้งในปี 2027
●
มีความกังวลเกี่ยวกับการลงทุนด้าน AI โดย Oracle ผลประกอบการต่ำกว่าคาดเล็กน้อย ตลาดกังวลเรื่องต้นทุน ด้าน Broadcom หุ้นร่วงกว่า -11% จากความกังวลอัตรากำไรถูกกดดัน
●
นายกรัฐมนตรีไทยประกาศยุบสภา ทำให้เข้าสู่ช่วงสุญญากาศทางการเมือง และต้องจัดการเลือกตั้งภายใน 45–60 วัน
สถานการณ์ตลาด
●
สัปดาห์ที่ผ่านมา ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ดัชนี S&P 500 และ Nasdaq ปิดทำจุดสูงสุดใหม่ในวันพฤหัสบดี จากแรงหนุนการปรับลดอัตราดอกเบี้ยของ Fed และการเข้าซื้อพันธบัตรรัฐบาลระยะสั้น อย่างไรก็ตาม หุ้นกลุ่ม AI เผชิญแรงกดดันจาก Oracle และ Broadcom ซึ่งสร้างความกังวลต่อการลงทุนด้าน AI และรายได้ระยะสั้น ส่งผลให้หุ้นกลุ่มเทคโนโลยีปรับตัวลดลงในวันศุกร์ ทำให้ทั้งสัปดาห์ S&P 500 -0.6% และ Nasdaq -1.6% ขณะที่ Dow Jones +1.1%
●
ภาพรวมการประชุม Fed
- Fed มีมติ 9 ต่อ 3 เสียง ปรับลดดอกเบี้ย 0.25% สู่ระดับ 3.50 – 3.75% ถือเป็นครั้งแรกตั้งแต่ปี 2019 ที่มีเสียงคัดค้านถึง 3 เสียง โดยคณะกรรมการส่วนใหญ่ยังสนับสนุนการลดดอกเบี้ยเป็นครั้งที่ 3 ติดต่อกัน เพื่อรับมือความไม่แน่นอนของตลาดแรงงานและเศรษฐกิจ โดยมองเป็นมาตรการเชิงป้องกันความเสี่ยงเศรษฐกิจชะลอตัว
- เจอโรม พาวเวลล์ ประธาน Fed ส่งสัญญาณว่าการลดดอกเบี้ยในระยะข้างหน้าจะมีจำกัด โดยคาดว่าจะลดดอกเบี้ยเพียง 1 ครั้งในปี 2026 และ 1 ครั้งในปี 2027 พร้อมระบุว่าแรงกดดันเงินเฟ้อจากภาษีนำเข้าจะทยอยลดลง และเงินเฟ้อน่าจะผ่านจุดสูงสุดในไตรมาสแรก ปี 2026 หากไม่มีมาตรการภาษีใหม่เพิ่มเติม
- ปัจจัยบวกคือ Fed ปรับเพิ่มคาดการณ์ GDP ปี 2026 เป็น 2.3% (จาก 1.8%) คาดเงินเฟ้อปีหน้าชะลอเหลือ 2.4% (จาก 2.6%) และเริ่มซื้อพันธบัตรรัฐบาลระยะสั้น 4 หมื่นล้านดอลลาร์/เดือน ถึงเมษายน 2026 เพื่อเสริมสภาพคล่อง
- ประเด็นที่น่ากังวลคือภาวะตลาดแรงงานที่อ่อนแอ โดยเจอโรม พาวเวลล์ ระบุว่าการจ้างงานอาจติดลบราว 20,000 ตำแหน่งตั้งแต่เดือนพฤษภาคม สะท้อนว่า Fed ยังพร้อมตอบสนองต่อสัญญาณอ่อนแอของตลาดแรงงาน
- ภาพรวมการลงทุนยังมีปัจจัยหนุน แต่สัญญาณชะลอการลดดอกเบี้ยอาจเพิ่มความผันผวนระยะสั้น ขณะที่ระยะกลาง–ยาว ยังอยู่ในทิศทางดอกเบี้ยขาลงและได้แรงหนุนจากการปรับเพิ่มคาดการณ์ GDP โดยคาดว่าตลาดจะเห็นการหมุนเวียนการลงทุนไปยังอุตสาหกรรมอื่นและหุ้นขนาดเล็กมากขึ้น ไม่กระจุกตัวเฉพาะกลุ่มเทคโนโลยี
●
ความกังวลเกี่ยวกับการลงทุนด้าน AI
- Oracle ผลประกอบการต่ำกว่าคาดเล็กน้อย ตลาดกังวลต้นทุน โดยเฉพาะค่าใช้จ่ายด้าน AI ที่เพิ่มสูงกว่าคาด และคาดว่ารายจ่ายทั้งปีจะสูงกว่าประมาณการเดิมราว 15,000 ล้านดอลลาร์
- Broadcom หุ้นร่วงกว่า -11% จากความกังวลอัตรากำไรถูกกดดันจากต้นทุนโครงสร้างพื้นฐานที่สูงขึ้น และยอด Backlog ด้าน AI ที่ไม่โดดเด่น
●
การประชุมโปลิตบูโร และภาพรวมเศรษฐกิจของจีน
- ส่งสัญญาณใช้นโยบายเชิงรุกมากขึ้นในปีหน้า เพื่อกระตุ้นอุปสงค์ในประเทศและพยุงเศรษฐกิจ โดยเตรียมใช้แนวทางดังนี้
• นโยบายการคลังแบบขาดดุลสูงขึ้น ออกพันธบัตรพิเศษ และเร่งลงทุนโครงสร้างพื้นฐาน
• นโยบายการเงินยังมีช่องผ่อนคลายเพิ่มเติม หากจำเป็น ปีหน้าจีนจะเน้นอุปสงค์ในประเทศควบคู่การขับเคลื่อนเทคโนโลยีขั้นสูง นวัตกรรม และเศรษฐกิจสีเขียว โดยความชัดเจนนโยบายอาจต้องรอการประชุมสภาประชาชนแห่งชาติจีน หรือ NPC ต้นมีนาคมปีหน้า
- จีนเกินดุลการค้าทะลุ 1 ล้านล้านดอลลาร์ในช่วง 11 เดือนแรก จากการส่งออกไปยุโรป ออสเตรเลีย และอาเซียน ขณะที่การส่งออกไปสหรัฐฯ หดตัวจากแรงกดดันภาษีนำเข้า อย่างไรก็ตาม อุปสงค์ในประเทศยังอ่อนแอ โดย PMI ภาคการผลิตหดตัวต่อเนื่อง และภาคอสังหาริมทรัพย์ยังซบเซา
- ด้านเงินเฟ้อยังเผชิญแรงกดดันเงินฝืด โดย CPI เพิ่มขึ้นเล็กน้อยจากราคาอาหาร แต่ Core CPI ไม่รวมอาหารและพลังงาน ทรงตัว และ PPI ติดลบต่อเนื่อง สะท้อนอุปทานส่วนเกิน
- โดยรวม เศรษฐกิจจีนยังมีโอกาสเติบโตใกล้คาด จากแรงหนุนภาครัฐและการส่งออก แต่ความเสี่ยงเงินฝืดอาจเร่งให้รัฐบาลใช้นโยบายการคลังและการเงินเชิงรุกมากขึ้นในปีหน้า
●
ไทย
- SET Index ปรับลดลง 1.5% ในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา จากแรงขายของนักลงทุนต่างชาติและสถาบัน ท่ามกลางความไม่แน่นอนทางการเมืองและปัญหาชายแดนไทย–กัมพูชา
- ปลายสัปดาห์นายกรัฐมนตรีประกาศยุบสภา ทำให้เข้าสู่ช่วงสุญญากาศทางการเมือง และต้องจัดการเลือกตั้งภายใน 45–60 วัน
- โครงการ TISA ซึ่งเป็นนโยบายส่งเสริมการออมและการลงทุนส่วนบุคคล พร้อมสิทธิประโยชน์ทางภาษีสูงสุด 800,000 บาท ยังอยู่ระหว่างเตรียมเสนอ ครม. และยังไม่ผ่านอนุมัติก่อนยุบสภา โดยรัฐบาลรักษาการไม่สามารถอนุมัติโครงการใหม่ที่มีภาระผูกพันระยะยาวได้ เว้นแต่ได้รับอนุญาตเป็นกรณีพิเศษจาก กกต.
คำเตือน
●
เอกสารฉบับนี้จัดทำขึ้นจากแหล่งข้อมูลต่างๆ ที่น่าเชื่อถือได้ ณ วันที่แสดงข้อมูล แต่บริษัทฯ มิอาจรับรองความถูกต้องความน่าเชื่อถือ และ ความสมบูรณ์ของข้อมูลทั้งหมด โดยบริษัทฯขอสงวนสิทธิ์เปลี่ยนแปลงข้อมูลทั้งหมดโดยไม่จำเป็นต้องแจ้งให้ทราบล่วงหน้า
●
ควรทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไขผลตอบแทนและความเสี่ยง ก่อนตัดสินใจลงทุน | ผลการดำเนินงานในอดีตของกองทุนรวมมิได้เป็นสิ่งยืนยันถึงผลการดำเนินงานในอนาคต
●
ผู้ลงทุนสามารถขอข้อมูลหนังสือชี้ชวนได้ที่สำนักงานของบริษัทจัดการ หรือจาก
www.krungsriasset.com
หรือตัวแทนสนับสนุนการขาย หรือเจ้าหน้าที่ขายหน่วยลงทุน
ติดตามกองทุนกรุงศรี อัปเดตข่าวสาร และกิจกรรมต่างๆ ได้ที่
Website -
https://www.krungsriasset.com
Facebook -
https://www.facebook.com/krungsriasset.official
LINE -
https://lin.ee/e9u3LEL
YouTube -
https://www.youtube.com/c/KrungsriAssetManagement
Blockdit -
https://www.blockdit.com/krungsriasset.official
TikTok -
https://www.tiktok.com/@krungsriasset
X -
https://twitter.com/krungsriasset
#KrungsriAsset #กองทุนกรุงศรี #Weeklymarketview #สรุปภาวะตลาดรายสัปดาห์
การลงทุน
กองทุน
เศรษฐกิจ
1 บันทึก
3
3
1
3
3
โฆษณา
ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
© 2025 Blockdit
เกี่ยวกับ
ช่วยเหลือ
คำถามที่พบบ่อย
นโยบายการโฆษณาและบูสต์โพสต์
นโยบายความเป็นส่วนตัว
แนวทางการใช้แบรนด์ Blockdit
Blockdit เพื่อธุรกิจ
ไทย