16 ธ.ค. เวลา 13:15 • การศึกษา

"10 ปรากฏการณ์ทางจิตวิทยา" ที่ช่วยให้คุณเข้าใจคนรอบข้างและตัวเองได้ดียิ่งขึ้น

คุณเคยสงสัยไหมว่าทำไมเราถึงตัดสินใจแบบนั้น? หรือทำไมคนอื่นถึงมีพฤติกรรมที่เราไม่เข้าใจ? สมองของมนุษย์มีความซับซ้อนและเต็มไปด้วย "ทางลัด" ที่เราใช้ประมวลผลสิ่งต่างๆ โดยไม่รู้ตัว
บทความนี้จะพาคุณไปรู้จักกับ 10 ปรากฏการณ์ทางจิตวิทยา (Psychological Phenomena) ที่เกิดขึ้นจริงในชีวิตประจำวัน เพื่อให้คุณเท่าทันความคิดของตัวเองและเข้าใจผู้อื่นมากขึ้นครับ
1. The Spotlight Effect (ปรากฏการณ์สปอตไลท์)
"ทำไมฉันถึงรู้สึกว่าทุกคนกำลังจ้องมองความผิดพลาดของฉัน?"
เรามักประเมินค่าสูงเกินไปว่าคนอื่นกำลังสนใจเราอยู่ ไม่ว่าจะเป็นทรงผมที่ตัดมาผิด หรือเสื้อที่ใส่กลับด้าน ความจริงคือ คนส่วนใหญ่สนใจแต่เรื่องของตัวเอง และไม่ได้สังเกตเห็นสิ่งผิดปกติเล็กๆ น้อยๆ ของคุณมากเท่าที่คุณกังวล
ประโยชน์: ช่วยลดความประหม่าและความกังวลทางสังคม (Social Anxiety) ให้คุณกล้าเป็นตัวของตัวเองมากขึ้น
2. The Dunning-Kruger Effect (เอฟเฟกต์ดันนิง-ครูเกอร์)
คือปรากฏการณ์ที่ "คนรู้น้อยมักมั่นใจมาก คนรู้มากมักไม่มั่นใจ" คนที่มีความรู้น้อยในเรื่องใดเรื่องหนึ่ง มักจะประเมินความสามารถตัวเองสูงเกินจริง เพราะพวกเขายังไม่รู้ว่า "สิ่งที่ตัวเองไม่รู้" นั้นมีมากแค่ไหน ในขณะที่ผู้เชี่ยวชาญมักจะถ่อมตัวเพราะตระหนักดีว่าความรู้นั้นกว้างใหญ่เพียงใด
ประโยชน์: เตือนใจให้เราหมั่นตรวจสอบความรู้ของตัวเองเสมอ และเปิดใจรับฟังผู้อื่น
3. The Bystander Effect (ปรากฏการณ์ไทยมุงเฉย)
เมื่อเกิดเหตุฉุกเฉิน ยิ่งมีคนอยู่ในเหตุการณ์มากเท่าไหร่ โอกาสที่ใครสักคนจะยื่นมือเข้าไปช่วยเหลือจะยิ่ง น้อยลง เท่านั้น เพราะทุกคนต่างคิดว่า "เดี๋ยวคนอื่นก็คงช่วยเอง" หรือ "ถ้ามันร้ายแรงจริง คงมีคนทำอะไรสักอย่างแล้ว"
ประโยชน์: หากคุณต้องการความช่วยเหลือท่ามกลางฝูงชน อย่าร้องขอความช่วยเหลือแบบหว่านแห ให้เจาะจงตัวบุคคลไปเลย เช่น "คุณเสื้อสีแดง ช่วยโทรเรียกรถพยาบาลหน่อยครับ!"
4. Confirmation Bias (ความลำเอียงเพื่อยืนยัน)
สมองเราชอบมองหาข้อมูลที่ สนับสนุนความเชื่อเดิม ของเรา และมักจะมองข้ามหรือต่อต้านข้อมูลที่ขัดแย้งกับสิ่งที่เราเชื่อ นี่คือเหตุผลว่าทำไมการเถียงกันเรื่องการเมืองหรือความเชื่อจึงมักไม่ค่อยจบลงด้วยความเข้าใจ
ประโยชน์: ก่อนตัดสินใจเรื่องสำคัญ ลองตั้งคำถามแย้งกับตัวเองดูว่า "มีโอกาสไหมที่ฉันจะคิดผิด?" เพื่อการตัดสินใจที่รอบคอบขึ้น
5. The Halo Effect (ปรากฏการณ์รัศมี)
ความประทับใจแรกพบมีผลมหาศาล หากเรามองว่าใครสักคน หน้าตาดีหรือแต่งตัวดี สมองเรามักจะเผลอทึกทักไปเองว่าเขาคนนั้นต้องเป็นคนนิสัยดี ฉลาด และมีความสามารถไปด้วย ทั้งที่จริงๆ อาจไม่เกี่ยวข้องกันเลย
ประโยชน์: ระวังอย่าตัดสินคนเพียงแค่รูปลักษณ์ภายนอก และในการทำงาน การสร้างภาพลักษณ์ที่ดี (First Impression) ก็ยังเป็นแต้มต่อที่สำคัญ
6. The Sunk Cost Fallacy (ตรรกะต้นทุนจม)
การฝืนทำสิ่งเดิมต่อไปเพียงเพราะ "เสียดายสิ่งที่ลงทุนไปแล้ว" (ไม่ว่าจะเป็นเงิน เวลา หรือความรู้สึก) ทั้งที่รู้ว่าทำต่อไปก็ไม่คุ้ม เช่น ทนดูหนังที่ไม่สนุกจนจบเพราะจ่ายเงินค่าตั๋วไปแล้ว หรือทนอยู่ในความสัมพันธ์ที่แย่เพราะคบกันมานาน
ประโยชน์: ให้ตัดสินใจโดยมองที่ อนาคต ไม่ใช่สิ่งที่เสียไปแล้วในอดีต ถ้ามันไม่ดีต่อชีวิต การ "ตัดจบ" (Cut loss) คือทางเลือกที่ฉลาดที่สุด
7. The Baader-Meinhof Phenomenon (ปรากฏการณ์ความถี่)
เคยไหม? พอคุณเพิ่งรู้จักรถรุ่นใหม่ หรือศัพท์คำใหม่ จู่ๆ คุณก็เห็นมัน เต็มไปหมด ในวันรุ่งขึ้น ความจริงสิ่งเหล่านั้นมีอยู่เท่าเดิม แต่สมองของคุณเริ่ม "ให้ความสนใจ" กับมัน (Selective Attention) จึงทำให้คุณสังเกตเห็นมันบ่อยขึ้น
ประโยชน์: ใช้ในการตั้งเป้าหมาย หากคุณโฟกัสที่ "โอกาส" สมองก็จะช่วยคุณมองหาโอกาสนั้นๆ ในชีวิตประจำวันได้เก่งขึ้น
8. The Paradox of Choice (ความย้อนแย้งของการเลือก)
เรามักคิดว่ายิ่งมีตัวเลือกเยอะยิ่งดี แต่ในทางจิตวิทยา ยิ่งตัวเลือกเยอะ เรายิ่งมีความสุขน้อยลง และตัดสินใจยากขึ้น เพราะเราจะเกิดความกังวลว่า "ถ้าเลือกอันนี้ แล้วฉันจะพลาดสิ่งที่ดีกว่าในอีกอันไหมนะ?"
ประโยชน์: หากคุณเป็นผู้ขาย อย่าเสนอสินค้าให้ลูกค้าเลือกเยอะเกินไป และหากคุณเป็นผู้ซื้อ จงพอใจกับสิ่งที่เลือกแล้ว (Good enough) แทนที่จะหาเพอร์เฟกต์ที่สุด (Perfect)
9. Placebo Effect (ปรากฏการณ์ยาหลอก)
พลังแห่งความเชื่อมีผลต่อร่างกายจริง เมื่อผู้ป่วยได้รับยาที่ไม่มีตัวยา (เช่น แป้งอัดเม็ด) แต่เชื่อว่าเป็นยารักษา อาการป่วยมักจะดีขึ้นได้จริงๆ เพราะสมองหลั่งสารเคมีออกมาตามความคาดหวังนั้น
1
ประโยชน์: การมองโลกในแง่ดีและความมั่นใจในตัวเอง เป็นยาขนานเอกที่ช่วยให้เราผ่านสถานการณ์ยากลำบากไปได้ดีขึ้น
10. The Pygmalion Effect (ปรากฏการณ์พิกเมเลียน)
"ความคาดหวังสร้างความจริง" หากเราคาดหวังว่าใครจะทำได้ดี (หรือแม้แต่คาดหวังกับตัวเอง) แนวโน้มที่เขาจะทำสำเร็จก็มีสูงขึ้น เพราะเราจะปฏิบัติต่อเขาในทางส่งเสริมโดยไม่รู้ตัว ในทางกลับกัน หากเราตราหน้าว่าใคร "ห่วย" เขาก็มักจะเป็นแบบนั้นจริงๆ
ประโยชน์: หากคุณเป็นหัวหน้า พ่อแม่ หรือครู การเชื่อมั่นในศักยภาพของคนในปกครอง คือแรงผลักดันที่ทรงพลังที่สุด
การเข้าใจปรากฏการณ์เหล่านี้ไม่ได้ทำให้เรากลายเป็นผู้วิเศษที่อ่านใจคนได้ แต่ช่วยให้เรา "รู้ทัน" กลไกของสมอง ลดอคติในการตัดสินใจ และอยู่ร่วมกับผู้อื่นด้วยความเข้าใจที่มากขึ้นครับ
โฆษณา