Blockdit Logo
Blockdit Logo (Mobile)
สำรวจ
ลงทุน
คำถาม
เข้าสู่ระบบ
มีบัญชีอยู่แล้ว?
เข้าสู่ระบบ
หรือ
ลงทะเบียน
สงคราม story
•
ติดตาม
8 ชั่วโมงที่แล้ว • วิทยาศาสตร์ & เทคโนโลยี
จะออกไปแตะขอบฟ้า
"จะออกไปแตะขอบฟ้า
สุดท้ายแม้โชคชะตาไม่เข้าใจ
(ภายในใจยังคงเรียกร้อง)
มองไปไม่มีหนทาง
แต่รู้ว่าฉันต้องไปต่อไป"
"ตรงเส้นขอบฟ้าสีคราม
ความหวังยังนำทางฉันใช่หรือไม่
(มีอุปสรรคเปลี่ยนผันก็ต้องเดิน)
คำตอบอยู่กลางคลื่นลม
ชีวิตแม้ต้องล้มลงตรงไหน
แต่ฉันก็ยังยืนยันที่จะไป"
เพลง : เรือเล็กควรออกจากฝั่ง
ศิลปิน : BODYSLAM
สวัสดีครับท่านผู้อ่านทุกท่าน วันที่คลื่นลมพัดแรงเท่าใดเรือยังคงแล่นต่อไปถึงจุดปลายทางได้ฉันใด นักบินรบต้องเผชิญกับศาสตราวุธจนกว่าจะได้ชัยมาฉันนั้น เรื่องราวในวันนี้จะขอนำทุกท่านไปเยี่ยมชมกองบิน 4 ตาคลี ที่นี่ไม่ใช่แค่บ้านของฝูงบิน 403 ซึ่งประจำการด้วย F-16 เท่านั้น
ที่นี่ยังมีฝูงบิน 401 เป็นฝูงบินฝึกขับไล่ขั้นพื้นฐานที่สร้างบรรดาเสืออากาศให้มีความเป็นเลิศในการบินและการใช้อาวุธ ก่อนที่จะกระโดดข้ามไปทำการเครื่องบินขับไล่สมรรถนะสูงในวันข้างหน้า นี้ไม่ใช่เพียงเส้นทางลูกผู้ชายที่ครอบครัวภาคภูมิใจ นี่คือจุดเริ่มต้นของการต่อสู้ที่แท้จริง วันนี้ขอเชิญทุกท่านพบกับ T-50TH และ FA-50TH
ก่อนจะได้ขับ F-16 ว่าที่นักบินรบฝีมือดีจะต้องผ่านการฝึกบินกับ T-50 โดยใช้ระยะเวลา 6 เดือน
ในสงครามไทย-กัมพูชา เครื่องบินรบที่ทุกท่านได้ยินชื่อกันบ่อยอาจหนีไม่พ้น F-16 และ Gripen แต่หารู้ไม่ว่ามีเครื่องบินอยู่แบบหนึ่งที่มีความสามารถในการรบทางอากาศและโจมตีภาคพื้นดินได้ มองดูเผินๆมันอาจเป็นเพียงเครื่องบินฝึกในยามปกติ ในยามสงครามเมื่อติดอาวุธจะกลายเป็นเครื่องบินรบที่มีสมรรถนะรองลงมาจาก F-16
เครื่องบินลำตัวสีเทาและมีสัญลักษณ์รูปมังกรที่แพนหางดิ่งพร้อมธงชาติไทยซึ่งกำลังวิ่งขึ้นจากรันเวย์กองบิน 4 ตาคลีขณะนี้เป็นเครื่องบินขับไล่และฝึกแบบ T-50 Golden Eagle ของบริษัท Korea Aerospace Industries (KAI) เครื่องบินแบบดังกล่าวเริ่มต้นจากความตั้งใจที่จะเป็นเพียงเครื่องบินฝึกหัดขั้นพื้นฐานสำหรับนักบินขับไล่ของกองทัพอากาศเกาหลีใต้ในปีค.ศ.2002 แต่ตลอด 2 ทศวรรษที่ผ่านมา มันได้พิสูจน์ตัวเองจนกลายว่าเป็นหนึ่งในเครื่องบินรบที่ประสบความสำเร็จที่สุดในตลาดโลก
โดยเฉพาะรุ่นที่ฮอตฮิตสำหรับกองทัพอากาศประเทศที่ไม่มีงบพอสำหรับจัดหา F-16 นั่นคือ FA-50 (Fighter Attack) ที่ถูกพัฒนาให้เป็นเครื่องบินขับไล่โจมตีเต็มรูปแบบขนาดเบาสำหรับลูกค้ารายดังกล่าว ก่อนที่จะไปจัดหาเครื่องบินขับไล่สมรรถนะสูงอย่าง F-16 ได้หากงบประมาณกองทัพอากาศประเทศนั้นมีมากขึ้น
สำหรับ T-50 และ FA-50 ถูกออกแบบภายใต้ความร่วมมือระหว่าง Korea Aerospace Industries กับ Lockheed Martin โดยนำความเชี่ยวชาญจากการผลิตเครื่องบิน F-16 ให้กองทัพอากาศเกาหลีใต้มาปรับใช้ ทำให้มันมีสมรรถนะสูงเกินตัว
โดยเฉพาะการครองแชมป์เครื่องบินฝึกไอพ่นที่มีความเร็วเหนือเสียงมากที่สุดในโลก ซึ่งสามารถทำความเร็วสูงสุดได้ถึง 1.5 มัค ขับเคลื่อนด้วยเครื่องยนต์ General Electric F404 ที่ทรงพลัง ทำให้จนถึงปัจจุบันนี้ก็ไม่มีใครสามารถลบสถิตินี้ออกไปได้ ไม่เพียงเท่านั้นการติดตั้งระบบเอวิโอนิกส์ทันสมัย เช่นติดตั้งระบบ Digital Fly-by-wire และห้องนักบินแบบเครื่องบินขับไล่ยุคที่ 5 (Fifth Generation) พร้อมเรดาร์ควบคุมการยิงที่แม่นยำ
T-50 ฝูงบิน 401 ใช้สัญลักษณ์มังกรเป็นสัญลักษณ์ประจำฝูงบิน
หากเป็นเวอร์ชั่น FA-50 จะมีจุดติดตั้งอาวุธ 7 จุด รองรับทั้งปืนใหญ่ 3 ลำกล้อง ขีปนาวุธอากาศสู่อากาศ , ขีปนาวุธต่อต้านเรือผิวน้ำ ระเบิดนำวิถี และระเบิดไม่นำวิถี นอกจากนี้เครื่องบินรบแบบดังกล่าวสามารถเติมน้ำมันกลางอากาศได้ในรุ่นอัปเกรด ทำให้ปฏิบัติภารกิจได้ไกลและนานขึ้น
เหนือท้องฟ้ากองบิน 4 ตาคลี จังหวัดนครสวรรค์ เสียงไอพ่นของเครื่องบินขับไล่ F-16 ดังขึ้นขณะบินผ่านก่อนจะเบาลงเมื่อล้อสัมผัสรันเวย์เป็นที่เรียบร้อย ไม่นานนักเครื่องบินขับไล่/ฝึก T-50TH ก็บินตามมาติดๆ แล้วเลี้ยวผ่านสนามบิน 1 รอบก่อนจะร่อนลงจอดอย่างนุ่มนวล โดยที่ปราศจากอุบัติเหตุหรือร่องรอยความเสียหายใดๆบนเครื่อง
สำหรับกองทัพอากาศไทยเมื่อทราบว่สเครืาองบิน L-39 โครงสร้างเริ่มล้าและหากบินต่อไปอาจเสี่ยงต่อการสูญเสียนักบินได้ พลอากาศเอกจอม รุ่งสว่าง ผู้บัญชาการทหารอากาศ (ปัจจุบันเกษียณแล้ว/เป็นองคมนตรี) จึงได้ตั้งโครงการจัดหาเครื่องบินขับไล่และฝึก T-50TH เข้าประจำการอยู่ที่กองบิน 4 ตาคลี จังหวัดนครสวรรค์จนได้นำเข้าประจำการ 3 เครื่องแรกในปีพ.ศ.2561 โดยมีนาวาอากาศโทธีระยุทธ เกื้อสกุล "TEXAS" ผู้บังคับฝูงบิน 401 (ยศและตำแหน่งในขณะนั้น) เป็นผู้บังคับฝูงบิน T-50TH คนแรกของกองทัพอากาศไทย
จากข้อมูลปัจจุบันพบว่ามีเครื่องบินรุ่นนี้จำนวน 14 เครื่อง โดยมีภารกิจหลักคือการฝึกนักบินขับไล่ขั้นต้น สำหรับนักบินที่จะไปขับ F-16 หรือ Gripen มีภารกิจรองคือการโจมตีทางอากาศ การสนับสนุนทางอากาศโดยใกล้ชิดรวมถึงการบินค้นหาและช่วยชีวิตในพื้นที่การรบ ขีดความสามารถที่มีอยู่นี้จึงทำให้ T-50TH มีดีกว่า L-39 ที่ปลดประจำการไปก่อนหน้านี้
T-50 ถือเป็นบันไดขั้นแรกสำหรับนักบินขับไล่ไอพ่นกองทัพอากาศไทย
สิ่งที่น่าสนใจและได้รับคำชื่นชมอย่างมากในสงครามไทย-กัมพูชาคือมาจากประเทศผู้ผลิตอย่างเกาหลีใต้ เพราะพวกเขามองว่าศักยภาพของนักบินไทยที่สามารถบังคับ FA-50TH เข้าสู่สนามรบจริงจนมีผลการรบปรากฏออกมาอย่างเต็มศักยภาพ หรือในบางมิติอาจเกินกว่าที่กองทัพอากาศอาเซียนบางประเทศทำได้
ผู้เชี่ยวชาญด้านการบินมองว่านักบิน FA-50TH ไทยไม่ได้แค่บินตามคู่มือ แต่มีความเข้าใจในเชิงยุทธวิธีอย่างลึกซึ้ง สามารถประยุกต์ใช้เครื่องบินทำการรบและการฝึกบินในสภาพภูมิประเทศที่หลากหลายของเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ได้เป็นอย่างดี นี่จึงทำให้ถูกจับตามองว่ากองทัพอากาศไทยเป็นกองทัพอากาศอันดับ 1 ในอาเซียนที่มีศักยภาพในการทำสงคราม
แม้จำนวนเครื่องบินรบจะไม่เทียบเท่าเบอร์ 1 อย่างกองทัพอากาศสิงคโปร์ และเบอร์ 2 อย่างกองทัพอากาศอินโดนีเซีย แต่กองทัพอากาศไทยก็ยังคงดำรงขีดความสามารถในการป้องกันประเทศโดยใช้อากาศยานที่มีประจำการให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุดสมกับเป็น "Unbeatable Air Force" ในยุคนี้จนถึงยุคต่อไป
ความสำเร็จของกองทัพอากาศไทยในการใช้ FA-50TH ไม่ได้สะท้อนแค่เรื่องอาวุธ แต่คือการสะท้อน "ความพร้อม" เชิงยุทธศาสตร์ กองทัพอากาศไทยเน้นการฝึกที่เข้มงวดและต่อเนื่อง ทำให้ต่างชาติมองไทยเป็นผู้ใช้งานระดับมืออาชีพ (Professional Operator) ไม่ใช่แค่ผู้ซื้อ ประกอบกับในยุคที่ภูมิรัฐศาสตร์ตึงเครียด การที่กองทัพอากาศไทยสามารถใช้อาวุธยุทโธปกรณ์ได้อย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด เป็นการส่งสัญญาณถึงมหาอำนาจและประเทศเพื่อนบ้านว่าไทยมีความพร้อมในการดูแลความมั่นคงของตนเองโดยไม่ต้องพึ่งพาประเทศใดเพียงฝ่ายเดียว
นักบิน T-50 บางนายที่ไม่ได้ไปทำการบินกับเครื่องบินรบที่กองบินอื่นๆ สามารถเป็นครูการบิน T-50 ได้เพื่อสอนนักบินรบรุ่นน้องต่อไป
นี่ไม่ใช่แค่สะพานสู่การบังคับอากาศยานสมรรถนะสูงอย่าง F-16 เครื่องบินขับไล่/โจมตีเบา FA-50 ทำหน้าที่เป็นประตูสำคัญในการผลิตนักบินขับไล่ขั้นพื้นฐาน (Lead-in Fighter Trainer) ที่เตรียมความพร้อมให้นักบินรบไทยมืออาชีพก้าวไปสู่เครื่องบินขับไล่ยุคที่ 5 (Fifth Generation) อย่าง F-35 ได้อย่างราบรื่นในอนาคต
ในสงครามครั้งนี้ T-50TH และ FA-50TH จึงไม่ใช่แค่เครื่องบินฝึกราคาคุ้มค่า แต่คือ "คมดาบ" ที่ถูกลับจนคมกริบด้วยฝีมือของกองทัพอากาศไทย ซึ่งพิสูจน์ให้โลกเห็นว่า "เครื่องบินที่เหมือนกัน เมื่ออยู่ในมือของนักบินที่ผ่านการฝึกอย่างยอดเยี่ยม ย่อมให้ผลลัพธ์ที่ต่างกันอย่างสิ้นเชิง" และแล้วบนท้องฟ้ากองบิน 4 ตาคลีก่อนจะจากกันวันนี้มี FA-50TH บินผ่าน 1 รอบหลังจากเทคออฟ ส่วนจะบินไปที่ใดนั้นไม่มีใครรู้ มีแต่เขาเท่านั้นที่รู้ว่าเขากำลังบินเพื่ออะไรกันแน่
ฟ้าววววววววววว! (เสียง FA-50TH บินผ่านก่อนจะหายไป)
⏩ข้อมูลจำเพาะ FA-50TH
บทบาท : เครื่องบินขับไล่/โจมตีและฝึกขนาดเบา
นักบิน : สองนาย
ผู้ผลิต : Korea Aerospace Industries (KAI)
ความกว้าง : 9.45 เมตร
ความยาว : 13.14 เมตร
ความสูง : 4.82 เมตร
ความเร็วสูงสุด : มัค 1.5
เครื่องยนต์ : General Electric F404
น้ำหนักวิ่งขึ้นสูงสุด : 26,929 ปอนด์
แรงขับ : 17,700 ปอนด์
อาวุธ : ปืนใหญ่อากาศขนาด 20 มม.
ขีปนาวุธอากาศสู่อากาศ
ขีปนาวุธต่อต้านเรือผิวน้ำ
ระเบิดนำวิถี
ระเบิดไม่นำวิถี
เก้าอี้ดีดตัว : Zero-Zero Ejection Seats
สถานะปัจจุบัน : ประจำการที่ฝูงบิน 401 กองบิน 4 ตาคลี
ปีที่เข้าประจำการ : พ.ศ.2561 (T-50TH) พ.ศ.2566 (FA-50TH )
T-50 กองทัพอากาศไทยขณะบินโชว์วันเด็กที่โรงเรียนการบินกำแพงแสนพ.ศ.2567
T-50TH และ FA-50TH จัดว่าเป็นเครื่องบินรบที่มีบทบาทสำคัญในสงครามไทย-กัใพูชา แม้สมรรถนะของ FA-50TH จะหาทางเทียบ F-16 ได้ไม่ แต่ในการโจมตีภาคพื้นดิน เครื่องบินรบแบบนี้กลับให้ผลลัพธ์เกินขาดจนเป็นที่น่ายกยอสรรเสริญโดยบริษัท Korea Aerospace Industries สำหรับวันนี้ขอปิดท้ายด้วยภาพการบินโชว์ของ T-50TH และ FA-50TH มาฝากให้ทุกท่านได้รับชมกัน ขณะนี้ขอลาไปก่อน สวัสดีครับ
Credit บทความและภาพประกอบ
PEEM SPOTTER
LAN
aviation.snap
tate.masa
Military Weapons อาวุธยุทโธปกรณ์ทางทหาร
Everything Gets Better
Korea Aerospace Industries
mamboccv
Thai Weapon Channel
ททบ.5
เรียบเรียงโดย : แดง ภูมะเขือ
สงคราม
ประเทศไทย
ทหาร
บันทึก
2
3
2
3
โฆษณา
ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
© 2025 Blockdit
เกี่ยวกับ
ช่วยเหลือ
คำถามที่พบบ่อย
นโยบายการโฆษณาและบูสต์โพสต์
นโยบายความเป็นส่วนตัว
แนวทางการใช้แบรนด์ Blockdit
Blockdit เพื่อธุรกิจ
ไทย