2 ชั่วโมงที่แล้ว • ข่าวรอบโลก

ไทยควรแบนมือถือในเด็กหรือไม่

หลักฐานเชิงประจักษ์จากการศึกษาในอิตาลี แสดงให้เห็นถึงความสัมพันธ์อย่างมีนัยสำคัญกับความสามารถในการคิดเชิงวิพากษ์ (Critical Thinking) ที่ลดลงในกลุ่มเด็กก่อนวัยรุ่นอายุ 9-13 ปี เนื่องจากพฤติกรรมการใช้โทรศัพท์ สมาร์ทโฟน สมาร์ทวอช และเทคโนโลยีอื่นๆที่เกี่ยวข้อง โดย88% ของเด็กกลุ่มนี้เล่นโทรศัพท์อย่างน้อยหนึ่งครั้งต่อชั่วโมง
การเคลื่อนไหวเชิงนโยบายเพื่อจำกัดการใช้โทรศัพท์มือถือในโรงเรียนได้กลายเป็นวาระระดับโลก โดยมีการปรับเปลี่ยนจากนโยบายระดับโรงเรียนไปสู่นโยบายระดับรัฐและระดับชาติอย่างรวดเร็ว ความแตกต่างของนโยบายในแต่ละประเทศสะท้อนถึงมุมมองทางวัฒนธรรมและความเชื่อมั่นในระบบการศึกษาที่แตกต่างกัน
ในสหราชอาณาจักร นโยบายมีความยืดหยุ่นมากกว่าแต่เน้นความเข้มงวดของแนวทางปฏิบัติ ในเดือนกุมภาพันธ์ 2024 กระทรวงศึกษาธิการ (DfE) ได้ออกแนวทางปฏิบัติแบบไม่บังคับ (Non-statutory guidance) เพื่อสนับสนุนให้ครูใหญ่สั่งแบนการใช้โทรศัพท์ตลอดทั้งวัน รวมถึงช่วงพักกลางวัน ข้อมูลการสำรวจในเดือนเมษายน 2025 พบว่าโรงเรียนประถมในอังกฤษเกือบ 100% และโรงเรียนมัธยม 90% มีนโยบายจำกัดการใช้งานแล้ว โดยส่วนใหญ่มักกำหนดให้นักเรียนปิดโทรศัพท์และเก็บไว้ในพื้นที่ที่กำหนด
แต่ที่โหดที่สุดน่าจะเป็นในออสเตรเลีย ออสเตรเลียมีนโยบายเข้มงวดเกี่ยวกับโทรศัพท์มือถือและโซเชียลมีเดีย โดยบังคับใช้กฎหมายใหม่ตั้งแต่ 10 ธันวาคม 2025 ห้ามเด็กอายุต่ำกว่า 16 ปีใช้โซเชียลมีเดีย โดยผู้ใช้ที่ได้รับการแจ้งเตือนจะมีทางเลือกให้ยืนยันว่า ตนมีอายุมากกว่า 16 ปี หรือจะดาวน์โหลดและเซฟโพสต์ ข้อความ วิดีโอสั้นต่าง ๆ เก็บเอาไว้ได้และพวกเขาจะสามารถกลับเข้าไปใช้งานได้อีกครั้งหนึ่งเมื่ออายุครบ 16 ปี หรือจะเลือกลบบัญชีทิ้งเป็นการถาวรไปเลยก็ได้
(โหดมากๆ😶😶)
นอกจากนี้ ในอีกหลายประเทศ เช่น สหรัฐอเมริกา แคนาดา จีน ก็เริ่มมีมาตรการควบคุมการใช้สื่อโซเชียลมีเดียและเทคโนโลยีสาสนเทศในเด็กและเยาวชนแล้วเช่นกัน
การวิเคราะห์ข้อมูล PISA 2022 โรงเรียนที่แบนโทรศัพท์มือถือสูงกลับมีคะแนนเฉลี่ยในวิชาคณิตศาสตร์ วิทยาศาสตร์ และการอ่าน ต่ำกว่าประเทศที่มีการแบนน้อย ทุกๆ 10% ที่อัตราการแบนเพิ่มขึ้น คะแนน PISA เฉลี่ยจะลดลงประมาณ 9.4 คะแนน
งานวิจัยจากออสเตรเลียและสเปนระบุว่าการแบนโทรศัพท์มือถือส่งผลให้เหตุการณ์การกลั่นแกล้งกันในโรงเรียนลดลงอย่างมีนัยสำคัญ เมื่อโทรศัพท์ถูกนำออกจากสภาพแวดล้อมการเรียนรู้ โอกาสที่เด็กจะถ่ายภาพหรือวิดีโอของเพื่อนเพื่อนำไปล้อเลียนในโซเชียลมีเดียจะลดลงทันที การศึกษาในสเปนพบว่าการแบนช่วยลดอุบัติการณ์การระรานทางไซเบอร์ลงได้ถึง 18% ในกลุ่มเด็กอายุ 12-17 ปี
การศึกษาในเดนมาร์กพบว่านักเรียนมีกิจกรรมทางกาย (Physical activity) เพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญในช่วงพักเมื่อไม่มีโทรศัพท์มือถือ ซึ่งช่วยลดพฤติกรรมการนั่งนิ่ง (Sedentary lifestyle) และส่งผลดีต่อมวลกล้ามเนื้อและการควบคุมน้ำหนัก
การวิเคราะห์เชิงลึกเกี่ยวกับนโยบายการแบนโทรศัพท์มือถือทั่วโลกในช่วงปี 2023-2025 ชี้ให้เห็นว่า โลกกำลังก้าวเข้าสู่ยุคที่สามของการจัดการเทคโนโลยีในโรงเรียน ยุคแรกคือการเปิดรับอย่างตื่นเต้น ยุคที่สองคือการแบนอย่างสุดโต่ง และยุคที่สาม (ปัจจุบัน) คือการจัดการตามหลักฐานเชิงประจักษ์ (Evidence-based management)
การสร้างโลกที่เด็กสามารถใช้ชีวิตได้อย่างสมบูรณ์ทั้งในโลกแห่งความเป็นจริงและโลกดิจิทัล จึงไม่ใช่การ "ทำสงครามกับโทรศัพท์" แต่เป็นการ "คืนพื้นที่ให้แก่การเจริญเติบโตตามธรรมชาติของเด็ก" ผ่านนโยบายที่ชาญฉลาดและการบังคับใช้ที่เปี่ยมด้วยความเข้าใจในธรรมชาติของมนุษย์อย่างแท้จริง
อ้างอิง
Fabio RA, Suriano R. The Influence of Smartphone Use on Tweens' Capacity for Complex Critical Thinking. Children (Basel). 2023 Apr 8;10(4):698. doi: 10.3390/children10040698. PMID: 37189947; PMCID: PMC10136902.
Wacks Y, Weinstein AM. Excessive Smartphone Use Is Associated With Health Problems in Adolescents and Young Adults. Front Psychiatry. 2021 May 28;12:669042. doi: 10.3389/fpsyt.2021.669042. PMID: 34140904; PMCID: PMC8204720.
โฆษณา