20 ธ.ค. เวลา 13:30 • สุขภาพ

ปากกาลดน้ำหนัก (GLP-1) ทางลัดของคนขี้เกียจจริงหรือ

สวัสดีครับท่านผู้อ่านทุกท่าน กลับมาพบกับผมเภสัชกรเวชอีกครั้ง ช่วงนี้ถ้าเดินไปตามโรงพยาบาลหรือคลินิกความงาม เรามักจะได้ยินคำฮิตติดหูอย่างปากกาลดน้ำหนัก หรือยากลุ่ม GLP-1 (เช่น Semaglutide หรือ Tirzepatide) กันหนาหูเลยใช่ไหมครับ จริงๆ กระแสเรื่องนี้ไม่มีแผ่วเลย
เชื่อไหมครับว่า จากข้อมูลล่าสุดที่ผมได้อ่านมา (อ้างอิงจาก Medscape เดือนธันวาคม 2025) ยอดการสั่งจ่ายยาเหล่านี้พุ่งสูงขึ้นถึง 600% ในช่วง 3 ปีที่ผ่านมาเรียกว่าฮิตปรอทแตกกันทั่วโลก
แต่... ในขณะที่ยอดขายพุ่งกระฉูด สิ่งที่พุ่งตามมาติดๆ คือคำครหาและสายตาที่มองเหยียดครับ
หลายคนมองว่าคนใช้ยานี้คือคนขี้เกียจออกกำลังกาย หาทางลัด หรือไม่มีวินัย
วันนี้ผมในฐานะเภสัชกร อยากชวนทุกคนมานั่งคุยกันแบบเปิดอก ล้างความเชื่อผิดๆ และทำความเข้าใจเรื่องนี้กันใหม่ เพราะเรื่องนี้ไม่ใช่แค่เรื่องของ "ยา" แต่มันคือเรื่องของใจและความเข้าใจที่ถูกต้องครับ
ความเข้าใจผิดที่ 1 ใช้ยา = มักง่าย
เคยได้ยินประโยคเจ็บๆ แบบนี้ไหมครับ ก็แค่อดอาหาร ขยับตัวหน่อยก็ผอมแล้ว จะไปพึ่งยาทำไม
หมอ Evan Nadler ผู้เชี่ยวชาญด้านโรคอ้วนบอกไว้ชัดเจนเลยครับว่า ความคิดแบบนี้คืออคติล้วนๆ
ความจริงทางการแพทย์ที่หลายคนอาจยังไม่ทราบคือ โรคอ้วน ถูกจัดให้เป็นโรคอย่างเป็นทางการโดยสมาคมแพทย์อเมริกัน (AMA) มาตั้งแต่ปี 2013 แล้วครับ มันไม่ใช่แค่เรื่องของนิสัย หรือความตะกละ แต่มันคือความซับซ้อนทางพันธุกรรม สิ่งแวดล้อม และระบบเผาผลาญในร่างกายที่ทำงานผิดปกติ
ลองนึกภาพตามผมนะครับ... ถ้าเพื่อนเราเป็น โรคความดันโลหิตสูง เราจะเดินไปชี้หน้าด่าเขาไหมครับว่า เธอมันคนขี้เกียจ ไม่ยอมคุมความเครียด เลยต้องกินยา
คงไม่มีใครทำแบบนั้นใช่ไหมครับ เราเข้าใจว่าร่างกายเขาป่วย เขาต้องกินยาคุมอาการ
โรคอ้วนก็เช่นกันครับ มันคือโรคเรื้อรังที่ต้องการการรักษา ไม่ใช่เรื่องของบาปบุญคุณโทษ หรือความขี้เกียจแต่อย่างใด
ความเข้าใจผิดที่ 2 ฉีดปุ๊บ ผอมปั๊บ หายแล้วก็หยุด
ดร. Jennifer Brown แพทย์เวชศาสตร์โรคอ้วน เตือนไว้เลยครับว่า ยา GLP-1 ไม่ใช่ยาวิเศษที่เสกให้ผอมถาวร แต่มันคือการรักษาระยะยาว
ยากลุ่มนี้ทำงานโดยการเลียนแบบฮอร์โมนในร่างกาย ช่วยคุมระดับน้ำตาลและทำให้รู้สึกอิ่ม แต่เมื่อไหร่ที่คุณหยุดยาโดยไม่ปรับพฤติกรรม หรือร่างกายยังมีกลไกโรคอ้วนซ่อนอยู่ น้ำหนักก็จะดีดกลับมา (Rebound) ได้เร็วมาก เหมือนลูกบอลที่ถูกกดลงน้ำ พอปล่อยมือมันก็เด้งขึ้นมาทันที
ดังนั้น ใครที่คิดจะเริ่มใช้ยา ต้องเข้าใจก่อนเลยว่า นี่ไม่ใช่ทางลัดชั่วคราว แต่เป็นการเดินทางระยะยาวที่ต้องทำควบคู่ไปกับการดูแลตัวเองครับ
ปัญหาที่ซ่อนอยู่ คำพูดที่ทำร้ายใจ (Stigma)
สิ่งที่น่าเศร้าที่สุดที่ผมอ่านเจอในรายงานฉบับนี้ คือเรื่องของความรู้สึกคนไข้ครับ
มีข้อมูลระบุว่า คนที่มีภาวะน้ำหนักเกินเกือบครึ่งไม่กล้าไปหาหมอ หรือหลีกเลี่ยงการไปโรงพยาบาล เพราะกลัวสายตาและคำพูดของบุคลากรทางการแพทย์
ลองนึกสภาพคนไข้เดินเข้าไปในห้องตรวจ เจอเก้าอี้ตัวเล็กที่นั่งไม่สบาย เจอเสื้อคลุมคนไข้ที่ไซส์ไม่พอดี หรือแม้แต่ไปหาหมอเพราะปวดเข่า แต่กลับโดนทักเรื่องน้ำหนักก่อนเป็นอันดับแรก สิ่งเหล่านี้คือเสียงกระซิบที่บอกพวกเขาว่าเธอเป็นส่วนเกิน
แพทย์หลายท่านในรายงานเน้นย้ำครับว่า เราต้องเปลี่ยนภาษาที่ใช้คุยกัน
เลิกใช้คำว่าอ้วนเป็นคำด่าหรือคำเรียกแทนตัวบุคคล
หันมามองว่านี่คือ ผู้ป่วยที่มีภาวะโรคอ้วนที่ต้องการการรักษา เหมือนผู้ป่วยเบาหวาน หรือความดัน
ถึงเวลาเปลี่ยนมุมมอง
สุดท้ายนี้ ผมอยากฝากข้อคิดไว้สักนิดครับ
ยา GLP-1 หรือปากกาลดน้ำหนัก ถือเป็นนวัตกรรมเปลี่ยนโลกที่ช่วยให้คนป่วยโรคอ้วนมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น ลดความเสี่ยงโรคหัวใจและเบาหวานได้จริง
ถ้าวันนี้คุณเป็นคนหนึ่งที่กำลังต่อสู้กับน้ำหนักตัว และจำเป็นต้องใช้ยานี้ภายใต้คำแนะนำของแพทย์ อย่ารู้สึกผิดครับ คุณไม่ได้ขี้โกง คุณกำลังรักษาโรค
ส่วนใครที่คนรอบข้างกำลังใช้ยานี้อยู่ อย่าตัดสินเขาครับ ให้กำลังใจเขา เหมือนกับที่เราให้กำลังใจคนที่กำลังรักษาโรคเรื้อรังอื่นๆ
ในอนาคต เมื่อราคาของยาถูกลงและการเข้าถึงง่ายขึ้น (เหมือนยาลดไขมัน Statin) ผมหวังว่าอคติเหล่านี้จะจางหายไป และเราจะมองโรคอ้วน ด้วยความเข้าใจทางวิทยาศาสตร์ มากกว่าการตัดสินด้วยสายตาครับ
มีปัญหาสุขภาพ หรือสงสัยเรื่องยา เดินเข้ามาคุยกับเภสัชกรได้เสมอนะครับ เรายินดีรับฟังโดยไม่มีการตัดสินครับ 😉
อ้างอิงข้อมูลจาก:
Peck, J. (2025, December 19). Breaking Through the Stigma as Access Expands to GLP-1s. Medscape. Retrieved from PDF provided.
โฆษณา