📌 โค้งสุดท้ายก่อนสิ้นปี 68 เลือกลดหย่อนภาษีด้วยอะไรดี? 🤔🔍
ภาษีเป็นเรื่องที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ ซึ่งภาษีไม่ใช่เรื่องน่ากลัว ถ้าเรารู้จัก "การวางแผนภาษี" เพื่อรักษาสิทธิประโยชน์และเพิ่มเงินออมอย่างถูกกฎหมาย
👉 แต่ถ้า รู้จักวางแผนภาษีอย่างถูกต้อง จะช่วยให้เรา
•💸 ไม่ต้องจ่ายภาษีเกินจำเป็น
• 📊 วางแผนการเงินได้เป็นระบบมากขึ้น
🧠 การวางแผนภาษี คืออะไร?
การนำ สิทธิลดหย่อนตามกฎหมาย มาใช้ เพื่อลดภาษีที่ต้องจ่าย อย่างถูกต้องและเหมาะกับตัวเอง
🔎 เริ่มต้นวางแผนภาษี ต้องรู้ 3 เรื่องนี้
1️⃣ รู้ฐานภาษีของตัวเอง
• คำนวณให้ได้ว่าเราต้องเสียภาษีกี่บาท อยู่ในฐานกี่ %
2️⃣ เข้าใจเงื่อนไขค่าลดหย่อน
• ลดหย่อนได้เท่าไร
• ต้องถือกี่ปี
• มีข้อผูกมัดอะไรบ้าง
3️⃣ ดูเป้าหมายการเงิน + สภาพคล่องของเรา 💡
ตัวอย่าง
👉 ถ้าอยู่ฐานภาษี 10%
👉 ลงทุน RMF 30,000 บาท
➡️ ประหยัดภาษีได้ 3,000 บาท
แต่ต้อง
• ถือเงินถึงอายุ 55 ปี
• ลงทุนมาแล้วอย่างน้อย 5 ปี
• ต้องลงทุนต่อเนื่องทุกปี (ขาดได้ไม่เกิน 1 ปีติดกัน)
📌 ดังนั้น ก่อนลงทุน ต้องถามตัวเองว่า
• เงินก้อนนี้ “เหมาะกับแผนการเงินและสามารภทำตามเงื่อนไข” ได้จริงไหม
• ถ้าวางแผนตั้งแต่ต้นปี อาจทยอยลงทุนแบบ DCA เพื่อจะได้ไม่ต้องใช้เงินก้อนใหญ่ปลายปี แต่ก็แล้วแต่แผนการเงินแต่ละคน
🎯 สิทธิลดหย่อน = เครื่องมือวางแผนการเงิน
เลือกให้ตรง “เป้าหมายชีวิต” จะคุ้มที่สุด 👇
🏥 เป้าหมายหลักประกันสุขภาพ
• 🏦 ประกันสังคม
o ลดหย่อนได้ตามที่จ่ายจริง
o สูงสุด 9,000 บาท
• 🩺 ประกันสุขภาพตนเอง
o ลดหย่อนได้ตามเบี้ยที่จ่ายจริง
o ไม่เกิน 25,000 บาท
o รวมกับประกันชีวิตแล้ว ไม่เกิน 100,000 บาท
❤️ เป้าหมายเพื่อความคุ้มครองชีวิต
• 👨👩👧 ประกันชีวิต (คุ้มครอง ≥ 10 ปี)
o ลดหย่อนได้ตามจริง
o ไม่เกิน 100,000 บาท
📌 ประกันชีวิตหลัก ๆ มี 4 แบบ
• แบบตลอดชีพ
• แบบชั่วระยะเวลา
• แบบสะสมทรัพย์
• แบบควบการลงทุน (Unit Linked)
💰 เป้าหมายเพื่อการออมระยะยาว
• 🐷 ประกันสะสมทรัพย์
o คุ้มครอง ≥ 10 ปี
o มองเป็นการออม
o ผลตอบแทนค่อนข้างแน่นอน
o IRR ประมาณ 2% ต่อปี
• 🌱 TESG
o ลดหย่อนได้ไม่เกิน 30% ของรายได้
o สูงสุด 300,000 บาท (เพดานแยก)
o ถืออย่างน้อย 5 ปี ในการใช้ลดหย่อนปี 67–69
o ลงทุนหุ้น/ตราสารหนี้ไทย ตามเกณฑ์ ESG และ CG rating ≥ 3 ดาว
🌏 TESGX (Thai ESGX) — ตัวใหม่ต้องรู้!
ลงทุนในสินทรัพย์ไทยตามแนวคิด ESG
• อย่างน้อย 80% ของ NAV
• หุ้นไทยไม่น้อยกว่า 65% ของ NAV
แบ่งเป็น 2 กรณี
🔹 ส่วนที่ 1 : เงินลงทุนใหม่
• ลดหย่อนได้ไม่เกิน 30% ของรายได้ สูงสุด 300,000 บาท
• ถือครอง ≥ 5 ปี (วันชนวัน)
• ⏰ ซื้อได้เฉพาะ 1 พ.ค. – 30 มิ.ย. 68 สำหรับปี 68
🔹 ส่วนที่ 2 : ย้ายจาก LTF เดิม
• ต้องเป็นการ โอนย้าย (Pay in kind)
• LTF ต้องไม่ถูกขายหลัง 11 มี.ค. 68
• ย้ายเข้า Thai ESGX ได้ช่วง 13 พ.ค. – 30 มิ.ย. 68 ทั้งหมดที่มีในมือ
🧓 เป้าหมายเพื่อการเกษียณ
• 🏢 PVD
o ลดหย่อนได้ไม่เกิน 15% ของรายได้
o สูงสุด 500,000 บาท
• 👔 กบข. / กองทุนสงเคราะห์ครูเอกชน
o ลดหย่อนได้ไม่เกิน 500,000 บาท
• 🧑💼 กอช. (อาชีพอิสระ)
o ลดหย่อนได้ตามจริง
o ไม่เกิน 30,000 บาท/ปี
• 📈 RMF
o ลดหย่อนได้ไม่เกิน 30% ของรายได้
o สูงสุด 500,000 บาท
o ต้องลงทุนทุกปี (ขาดได้ไม่เกิน 1 ปีติดกัน)
• 🧾 ประกันบำนาญ
o ลดหย่อนได้ไม่เกิน 15% ของรายได้
o สูงสุด 200,000 บาท
o หากใช้สิทธิประกันชีวิตไม่ครบ 100,000 บาท
👉 สามารถนำมารวมได้
⚠️ เพดานรวมสำคัญมาก
👉 ประกันบำนาญ + PVD/กบข./กอช./เงินสงเคราะห์ครูเอกชน + RMF 👉 รวมกันแล้ว ต้องไม่เกิน 500,000 บาท
🚀 โค้งสุดท้ายก่อนสิ้นปี ต้องเช็กอะไรบ้าง?
✅ รายได้ทั้งปีเท่าไหร่ รวมโบนัสและรายได้พิเศษ ฐานภาษีปีนี้อยู่กี่ %
✅ ใช้สิทธิลดหย่อนไปแล้วเท่าไร
✅ เหลือเพดานอีกกี่บาท
✅ เงินก้อนนี้ “เหมาะกับแผนการเงินและทำตามเงื่อนไข” ได้จริงไหม
✅ เลือกแบบที่ เหมาะกับเรา ไม่ใช่แค่ลดภาษีได้เยอะ
✅ถ้าจะซื้อ RMF, Thai ESG หรือ ประกันชีวิต เพิ่มเติม ต้องภายในวันที่ 30 ธันวาคมนี้นะ
📌 จำไว้:
ลดภาษีที่ดี = ได้ประโยชน์ทั้งวันนี้และวันหน้า และไม่เดือดร้อนในอนาคต
#ภาษี #วางแผนภาษี #มนุษย์เงินเดือน #คิดภาษี #หมอยุ่งอยากมีเวลา #กองทุนรวม
- 1
โฆษณา
- ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
- © 2025 Blockdit
