26 ธ.ค. เวลา 12:00 • การศึกษา

10 เรื่องต้องรู้เกี่ยวกับเศรษฐกิจโลก 2025: เจาะลึกเทรนด์ที่กำหนดอนาคตการเงิน

ในโลกที่เชื่อมต่อกันด้วยเทคโนโลยีและสายโซ่อุปทาน การเข้าใจภาพรวมเศรษฐกิจจะช่วยให้เราวางแผนชีวิตและพอร์ตการลงทุนได้อย่างแม่นยำยิ่งขึ้น และนี่คือ 10 ประเด็นสำคัญที่คุณไม่ควรพลาด
1. การเติบโตที่ชะลอตัวลง (Global Growth Deceleration)นักเศรษฐศาสตร์จาก IMF และ World Bank คาดการณ์ว่าการเติบโตของ GDP โลกในปี 2025 จะอยู่ที่ประมาณ 2.4% - 3.2% ซึ่งถือว่าชะลอตัวลงเมื่อเทียบกับทศวรรษก่อนหน้า สาเหตุหลักมาจากนโยบายการเงินที่เข้มงวดในช่วงปีที่ผ่านมาเพื่อสู้กับเงินเฟ้อ
2. มหาอำนาจทางเศรษฐกิจ 5 อันดับแรกการจัดอันดับ GDP (Nominal) ในปี 2025 แสดงให้เห็นถึงการรักษาตำแหน่งของยักษ์ใหญ่เดิมและการพุ่งทะยานของเอเชีย:
• สหรัฐอเมริกา: ยังคงครองแชมป์ด้วยขนาดเศรษฐกิจที่ใหญ่ที่สุด
• จีน: แม้จะเผชิญปัญหาภาคอสังหาริมทรัพย์ แต่ยังคงเป็นเบอร์ 2 ของโลก
• เยอรมนี: พี่ใหญ่แห่งยุโรปที่กำลังเร่งปรับตัวด้านพลังงาน
• ญี่ปุ่น: แม้ค่าเงินเยนจะผันผวน แต่ยังรักษาอันดับต้นๆ ไว้ได้
• อินเดีย: ดาวรุ่งที่เติบโตเร็วที่สุด และมีแนวโน้มจะขึ้นมาแทนที่อันดับบนในเร็ววัน
3. สูตรลับของ GDP ที่ทุกคนควรรู้ในการวัดความมั่งคั่งของประเทศ นักเศรษฐศาสตร์มักใช้สูตร GDP ดังนี้:
GDP = C + I + G + (X - M)
• C (Consumption): การบริโภคของภาคประชาชน (ปัจจัยหลักที่ขับเคลื่อนเศรษฐกิจ)
• I (Investment): การลงทุนของภาคเอกชน
• G (Government Spending): การใช้จ่ายของรัฐบาล
• X - M (Net Exports): การส่งออกสุทธิ (ส่งออกลบนำเข้า)
4. "เงินเฟ้อ" ที่ยังคงหนืด (Sticky Inflation)แม้เงินเฟ้อจะลดลงจากระดับสูงสุดในช่วงปี 2022-2023 แต่ในปี 2025 เรายังพบปัญหา "เงินเฟ้อภาคบริการ" ที่ลดลงยาก เช่น ค่าเช่าบ้าน ค่ารักษาพยาบาล และค่าแรง ซึ่งทำให้ธนาคารกลางหลายแห่งไม่สามารถลดดอกเบี้ยได้อย่างรวดเร็วตามที่ตลาดหวังไว้
5. การขยายตัวของกลุ่ม BRICS+โลกกำลังเปลี่ยนจาก "ขั้วเดียว" เป็น "หลายขั้ว" การขยายตัวของกลุ่ม BRICS (บราซิล, รัสเซีย, อินเดีย, จีน, แอฟริกาใต้ และสมาชิกใหม่อื่นๆ) กำลังสร้างอำนาจต่อรองใหม่ในตลาดพลังงานและทรัพยากรธรรมชาติ เป็นทางเลือกใหม่นอกเหนือจากกลุ่ม G7
6. ยุคทองของ Generative AI ในภาคการผลิตปี 2025 ไม่ใช่แค่เรื่องของ "แชทบอท" แต่คือการนำ AI เข้าไปใช้ในกระบวนการผลิต (Automation) และการวิเคราะห์ข้อมูลขั้นสูง ซึ่งคาดว่าจะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการทำงาน (Productivity) ของโลกให้สูงขึ้นอย่างก้าวกระโดดในระยะยาว
7. สังคมสูงวัยกับ "Silver Economy"ประชากรโลกกำลังแก่ตัวลงอย่างรวดเร็ว โดยเฉพาะในเอเชียตะวันออกและยุโรป เทรนด์นี้ส่งผลให้เกิดการขาดแคลนแรงงาน แต่ในขณะเดียวกันก็สร้างโอกาสในธุรกิจสุขภาพ เทคโนโลยีการดูแลผู้สูงอายุ และการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ
8. สงครามการค้าและภาษีนำเข้า (Protectionism)นโยบาย "ปกป้องทางการค้า" กลับมาเข้มข้นขึ้น มีการใช้กำแพงภาษีเป็นเครื่องมือทางการเมืองมากขึ้น ทำให้บริษัทข้ามชาติหลายแห่งต้องเปลี่ยนกลยุทธ์จาก Global Supply Chain มาเป็น "Near-shoring" หรือการผลิตใกล้ตลาดผู้บริโภคมากขึ้นเพื่อลดความเสี่ยง
9. เศรษฐกิจสีเขียว (Green Economy)การเปลี่ยนผ่านสู่ Net Zero ไม่ใช่แค่เรื่องสิ่งแวดล้อม แต่คือเรื่องของ "ความสามารถในการแข่งขัน" ประเทศที่ปรับตัวสู่พลังงานสะอาดได้ช้าจะเผชิญกับกำแพงภาษีคาร์บอน (เช่น CBAM ของยุโรป) ซึ่งส่งผลต่อต้นทุนการส่งออกโดยตรง
10. หนี้สาธารณะระดับประวัติการณ์หลายประเทศทั่วโลกมีสัดส่วนหนี้ต่อ GDP สูงขึ้นอย่างมากหลังช่วงโควิด-19 ทำให้รัฐบาลมีงบประมาณในการกระตุ้นเศรษฐกิจน้อยลง และต้องระมัดระวังเรื่องความเสี่ยงทางการคลังมากขึ้น
เกร็ดความรู้: ทราบหรือไม่ว่า "เศรษฐกิจโลก" มีมูลค่ารวม (Global GDP) ทะลุ 100 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐไปเรียบร้อยแล้ว และคาดว่าจะแตะระดับ 117 ล้านล้านดอลลาร์ภายในสิ้นปี 2025 นี้
สรุป: ปี 2025 คือปีแห่งการปรับตัว ใครที่ติดตามข่าวสารและเข้าใจบริบทของ "ภูมิรัฐศาสตร์" (Geopolitics) ควบคู่ไปกับ "เศรษฐศาสตร์" จะสามารถมองเห็นโอกาสในวิกฤตได้เสมอครับ
โฆษณา