วันนี้ เวลา 09:00 • หุ้น & เศรษฐกิจ

สื่อนอกวิเคราะห์ 'เศรษฐกิจไทย' เปราะบาง แต่ทำไม 'บาทแข็ง' แซงหน้าภูมิภาค

"ค่าเงินบาท" กำลังจะปิดสิ้นปีด้วยการมุ่งหน้าสู่การทำสถิติแข็งค่าสุดในรอบ 8 ปีเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ แต่เมื่อมองเผินๆ จะเห็นว่า "แทบไม่มีเหตุผลชัดเจนมากพอที่สามารถอธิบายได้ว่า ทำไมเงินบาทจึงทำผลงานดีกว่าสกุลเงินอื่นในภูมิภาค" เพราะเศรษฐกิจไทยยังอยู่ในภาวะเปราะบาง จากการท่องเที่ยวที่ฟื้นตัวอย่างเชื่องช้า ภาระหนี้ครัวเรือนในระดับสูง และการถูกเรียกเก็บภาษีนำเข้าสหรัฐในอัตรา 19%
การแข็งค่าของเงินบาท "ซึ่งส่วนหนึ่งได้แรงหนุนจากการพุ่งขึ้นของราคาทองคำ" กำลังทำให้ภาคการผลิตของไทยสูญเสียความสามารถในการแข่งขัน และซ้ำเติมความท้าทายของรัฐบาลภายใต้การนำของนายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรีที่เพิ่งเข้ารับตำแหน่ง และกำลังเผชิญแรงกดดันจากการยุบสภา เลือกตั้งก่อนกำหนดในเดือนกุมภาพันธ์ ปีหน้า
ทำไมเงินบาทถึงแข็งค่ามาก
เงินบาทเริ่มแข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐตั้งแต่กลางปี 2567 ซึ่งเป็นช่วงเวลาใกล้เคียงกับที่รัฐบาลเปิดตัวมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ และนักลงทุนเริ่มขายดอลลาร์ล่วงหน้าก่อนที่ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะเข้าสู่วงจรการปรับลดอัตราดอกเบี้ยรอบล่าสุด
นอกจากนี้ ความกังวลเกี่ยวกับสถานะของดอลลาร์ในฐานะสกุลเงินสำรองของโลก ท่ามกลางกระแสการขายสินทรัพย์สหรัฐ "Sell America" ยังเป็นอีกปัจจัยที่ช่วยหนุนการแข็งค่าของเงินบาทในปีนี้
การแข็งค่าล่าสุดของเงินบาทยังได้รับแรงหนุนจากสัญญาณอ่อนแรงของตลาดแรงงานสหรัฐ ซึ่งทำให้ตลาดคาดการณ์ว่าเฟดอาจปรับลดอัตราดอกเบี้ยเพิ่มเติมในปี 2569 นอกจากนี้ ยังมีปัจจัยตามฤดูกาลจากช่วงพีกการท่องเที่ยวของไทยเองด้วย
ขณะเดียวกัน ปัจจัยเรื่อง "มาตรการภาษีศุลกากรสหรัฐ" ของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ยังส่งผลกระทบหนุนค่าเงินบาทไทยให้แข็งค่าขึ้นด้วย โดยภาษีทรัมป์ส่งผลบวกต่อเศรษฐกิจไทยในช่วงที่ผ่านมา 2 ด้าน ด้านแรกคือ ผู้ส่งออกเร่งส่งออกสินค้าที่ผลิตในประเทศ เช่น รถยนต์ ไปยังสหรัฐก่อนที่ภาษีจะมีผลบังคับใช้ ส่วนอีกด้านคือ อัตราภาษี 19% ที่สหรัฐเรียกเก็บกับสินค้าจากไทย ยังต่ำกว่าอัตรา 30% ที่สหรัฐเรียกเก็บจากจีน
ความแตกต่างของอัตราภาษีดังกล่าว "จูงใจให้ผู้ผลิตย้ายฐานการผลิตมาตั้งโรงงานในไทย" เพื่อผลิตสินค้าส่งออกไปยังตลาดสหรัฐ ส่งผลให้ยอดคำขอรับการส่งเสริมการลงทุนทั้งจากนักลงทุนไทย และต่างชาติในช่วงเจ็ดเดือนแรกของปี 2568 "พุ่งขึ้นแตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์" ที่ 4.22 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ
โฆษณา