25 ธ.ค. เวลา 02:10 • ธุรกิจ

เมื่อรองเท้าจีนบุกตลาด NBA ‘Made in China’ ท้าชน Jordan Brand ใครจะอยู่ใครจะไป?

เคยสงสัยกันไหมครับว่าทำไมซูเปอร์สตาร์ระดับโลก ถึงกล้ายอมทิ้งแบรนด์ยักษ์ใหญ่อย่าง Nike หรือ Adidas เพื่อหันมาใส่รองเท้าแบรนด์จีน ที่หลายคนอาจจะไม่เคยได้ยินชื่อมาก่อน...
เรื่องนี้ไม่ได้มีคำตอบแค่เรื่องของตัวเลขในบัญชีธนาคาร หรือมูลค่าสัญญาจ้างเท่านั้น
แต่มันกำลังสะท้อนถึงคลื่นลูกใหม่ และการเปลี่ยนแปลงครั้งประวัติศาสตร์ในวงการบาสเกตบอลโลก ที่กำลังสั่นคลอนบัลลังก์ของเจ้าตลาดเดิม
หากเราย้อนกลับไปมองภาพรวมของ NBA ลีกบาสเกตบอลที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในโลก
ในแต่ละปี มีนักกีฬาหลายพันคนพยายามพาตัวเองเข้าสู่ลีกแห่งนี้ แต่มีเพียงหยิบมือเดียวเท่านั้น ที่โชคดีพอจะได้รับสัญญาสปอนเซอร์รองเท้า
และยิ่งน้อยลงไปอีก ที่จะได้มี “รองเท้าซิกเนเจอร์” เป็นของตัวเอง หรือรองเท้าที่ผลิตออกมาภายใต้ชื่อของพวกเขารุ่นแล้วรุ่นเล่า
แน่นอนว่าเมื่อพูดถึงตำนาน ทุกคนย่อมจดจำชื่อของ Michael Jordan หรือ Kobe Bryant ที่ผูกติดกับแบรนด์ตะวันตกอย่างเหนียวแน่น
แต่ท่ามกลางแสงไฟสปอตไลต์ที่สาดส่องไปที่แบรนด์เจ้าเดิม กลับมีชายคนหนึ่งที่กล้าเลือกเดินในเส้นทางที่แตกต่าง
ชายคนนั้นคือ Dwyane Wade
เขาคือผู้บุกเบิกที่กล้าทำในสิ่งที่หลายคนในเวลานั้นมองว่าเป็นเรื่อง “บ้า” และไม่มีทางเป็นไปได้
ลองจินตนาการดูว่า ในวันที่คุณกำลังรุ่งโรจน์ คุณกล้าไหมที่จะทิ้งสัญญาจาก Jordan Brand ซึ่งเปรียบเสมือนสัญลักษณ์แห่งความสำเร็จสูงสุดของนักบาส
เพื่อไปเซ็นสัญญากับ Li-Ning แบรนด์จากจีนที่แทบไม่มีใครรู้จักในสหรัฐอเมริกา ณ เวลานั้น...
Dwyane Wade ให้เหตุผลที่น่าสนใจว่า เขาไม่ได้ต้องการแค่เดินตามรอยเท้าใคร แต่เขาต้องการสร้างตำนานในแบบของตัวเอง
เขาต้องการเป็น Jordan ในเวอร์ชันของ Wade และ Li-Ning คือคนที่หยิบยื่นโอกาสนั้นให้
โอกาสที่จะให้เขาสร้างแบรนด์ภายใต้ชื่อ “Way of Wade” อย่างอิสระ
ผลลัพธ์ที่ได้คือ ปัจจุบันรองเท้าตระกูลนี้มีออกมาแล้วถึง 12 รุ่น
แต่ละรุ่นอัดแน่นไปด้วยเทคโนโลยีที่ล้ำสมัย ดีไซน์ที่โฉบเฉี่ยว และประสิทธิภาพที่โหดไม่แพ้แบรนด์ยักษ์ใหญ่อย่าง Nike เลยแม้แต่น้อย
ความสำเร็จของ Wade เปรียบเสมือนการเปิดประตูบานใหญ่ ให้โลกได้เห็นว่า แบรนด์จากโลกตะวันออก ก็มีดีไม่แพ้ใคร
ในขณะที่ Li-Ning กำลังสร้างอาณาจักรของตัวเองไปพร้อมกับ Wade
อีกหนึ่งยักษ์ใหญ่จากจีนอย่าง Anta ก็ไม่ได้ยืนดูอยู่เฉยๆ
พวกเขาขยับตัวครั้งสำคัญด้วยการคว้าตัว Klay Thompson หนึ่งในมือปืนสามคะแนนที่แม่นที่สุดในลีก ไปร่วมทัพ
ด้วยมูลค่าสัญญามหาศาลถึง 80 ล้านเหรียญสหรัฐ กินระยะเวลายาวนานถึง 10 ปี
ตัวเลขนี้ไม่ใช่แค่การจ้างพรีเซนเตอร์ แต่มันคือการประกาศศักดาว่า Anta พร้อมทุ่มไม่อั้นเพื่อแย่งชิงส่วนแบ่งการตลาด
แม้ชื่อของ Anta อาจจะดูเป็นน้องใหม่ในสายตาชาวอเมริกัน แต่ในแผ่นดินจีน พวกเขาเริ่มต้นเส้นทางนี้มาตั้งแต่ช่วงต้นทศวรรษ 1990
จากการสั่งสมประสบการณ์กว่า 30 ปี วันนี้ Anta ก้าวขึ้นมาอยู่อันดับ 4 ของบริษัทสินค้ากีฬาที่ใหญ่ที่สุดในโลก
และที่น่าตกใจยิ่งกว่าคือ ตั้งแต่ปี 2022 ยอดขายของพวกเขาในจีน แซงหน้า Nike ไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว...
เหมือนฟ้าลิขิตให้จังหวะของแบรนด์จีน พุ่งทะยานขึ้นมาในช่วงเวลาที่เหมาะสมที่สุด
จุดเปลี่ยนสำคัญอีกครั้งเกิดขึ้นในปี 2023 เมื่อเกิดดราม่าครั้งใหญ่ในวงการ
Kyrie Irving ซูเปอร์สตาร์ฝีมือฉกาจ ต้องยุติความสัมพันธ์กับ Nike ลงอย่างกะทันหัน จากประเด็นฉาวโฉ่เรื่องการโพสต์เนื้อหาที่ละเอียดอ่อน
ต้องเข้าใจก่อนว่า ก่อนหน้านี้ Kyrie Irving คือ “ตัวทำเงิน” ระดับท็อปของ Nike
เขามีรองเท้าซิกเนเจอร์ออกมาถึง 8 รุ่น และทุกรุ่นขายดีเป็นเทน้ำเทท่า โดยเฉพาะรุ่น Kyrie 5 คอลเลคชั่น SpongeBob ที่นักสะสมตามหากันให้วุ่น
รองเท้าของเขาขึ้นชื่อเรื่องพื้นยางที่ยึดเกาะสนามได้หนึบ ยิ่งกว่ากาวตราช้าง ถูกใจสายสตรีทบาสเกตบอลทั่วโลก
แต่เมื่อ Nike ปฏิเสธที่จะให้เขาไปต่อ Anta ก็ไม่รอช้าที่จะกระโดดเข้าฉกฉวยโอกาสทองนี้ทันที
การคว้าตัว Kyrie Irving มาร่วมทีม ไม่ใช่แค่การเซ็นสัญญาธรรมดา แต่ Anta แต่งตั้งให้เขาเป็นถึง “ประธานฝ่ายสร้างสรรค์ (Chief Creative Officer)” ของแผนกบาสเกตบอล
รองเท้าของ Irving ภายใต้ชายคา Anta จึงถูกจับตามองจากทั่วโลก
แม้มองภายนอก มันอาจจะดูคล้ายกับวิวัฒนาการต่อจากไลน์เดิมของ Nike แต่ไส้ในนั้นกลับเต็มไปด้วยเทคโนโลยีใหม่ๆ ที่ Anta ภูมิใจนำเสนอ
ปรากฏการณ์นี้ไม่ได้เกิดขึ้นแค่กับ Li-Ning หรือ Anta เท่านั้น
แบรนด์อย่าง Peak ก็เริ่มใช้กลยุทธ์ป่าล้อมเมือง ด้วยการมองหานักกีฬาเก่งๆ ที่อาจถูกแบรนด์ใหญ่ มองข้าม
ชื่ออย่าง Andrew Wiggins หรือ Lou Williams จึงได้มีโอกาสมีรองเท้าซิกเนเจอร์เป็นของตัวเองกับ Peak
สิ่งเหล่านี้คือโอกาสที่พวกเขาแทบจะไม่มีทางได้รับ หากยังวนเวียนอยู่กับแบรนด์ดั้งเดิมที่เน้นขายแต่ซูเปอร์สตาร์เบอร์หนึ่ง...
คำถามที่น่าสนใจคือ อะไรทำให้แบรนด์จีนเหล่านี้ กล้าทุ่มเงินและประสบความสำเร็จในตลาด NBA ที่มีการแข่งขันสูงขนาดนี้
คำตอบที่เรียบง่ายแต่ทรงพลังที่สุดคือ “ขนาดของตลาด”
ประเทศจีนมีประชากรมากกว่า 1.4 พันล้านคน นี่คือเค้กก้อนมหึมาที่ใครๆ ก็อยากตักตวง
สำหรับนักบาส NBA การร่วมมือกับแบรนด์จีน ไม่ใช่แค่เรื่องค่าตัวสัญญา แต่หมายถึงใบเบิกทางในการขยายฐานแฟนคลับในจีน
มันคือการตัดสินใจทางธุรกิจที่ฉลาดและคุ้มค่ามาก
แต่หากเราจะเล่าถึงอิทธิพลของจีนใน NBA โดยไม่เอ่ยชื่อชายคนนี้ คงเป็นเรื่องที่ผิดมหันต์
Yao Ming
ยักษ์ใหญ่เจ้าของความสูง 7 ฟุต 6 นิ้ว ผู้ที่ได้รับการจารึกชื่อใน Hall of Fame คนนี้ คือกุญแจดอกสำคัญที่ไขประตูเชื่อมสองโลกเข้าด้วยกัน
Yao Ming ไม่ใช่แค่นักกีฬาที่มีทักษะระดับเทพ แต่เขาคือทูตทางวัฒนธรรมที่ทรงอิทธิพลที่สุด
ตลอด 8 ฤดูกาลที่เขาโลดแล่นในสนาม เขาได้รับเลือกให้ติดทีม NBA All-Star ถึง 8 ครั้ง สถิติที่ยากจะหาใครมาเทียบเทียม
ความโด่งดังของ Yao Ming ทำให้กระแสบาสเกตบอลในจีน ระเบิดตัวขึ้นอย่างรุนแรง
จากกีฬายอดนิยม กลายเป็น “ศาสนา” ของวัยรุ่นจีน และนั่นทำให้ตลาดรองเท้าผ้าใบ บูมตามไปด้วยอย่างฉุดไม่อยู่
สิ่งที่น่าสนใจในไทม์ไลน์ของ Yao คือ ในช่วงแรกเขาเซ็นสัญญากับ Nike และ Reebok
แต่ในช่วงท้ายของอาชีพ เขาเลือกที่จะย้ายกลับมาอยู่กับ Li-Ning
การย้ายค่ายของตำนานคนนี้ คือจุดเริ่มต้นที่ทำให้แบรนด์รองเท้าจีนได้รับการยอมรับในระดับสากล และปูทางให้นักกีฬารุ่นน้องเดินตาม
เมื่อ Yao สร้างสะพานเชื่อมสัมพันธ์สำเร็จ NBA ก็เริ่มเห็นช่องทางทำเงิน
พวกเขาส่งทีมไปทัวร์บาสเกตบอลที่จีนเป็นประจำทุกปี ภาพฝูงชนมหาศาลที่มารอรับนักกีฬา และการถ่ายภาพโปรโมตบนกำแพงเมืองจีน กลายเป็นภาพชินตา
เครดิตส่วนหนึ่งต้องยกให้วิสัยทัศน์ของ David Stern ผู้บริหาร NBA ในขณะนั้น
เขามองขาดว่า NBA ต้องเป็นแบรนด์ระดับโลก จึงตัดสินใจก่อตั้ง NBA China ขึ้นมา
การตัดสินใจครั้งนั้น ช่วยเพิ่มรายได้เข้ากระเป๋า NBA อย่างมหาศาล และเปิดเวทีให้นักกีฬาสร้างชื่อเสียงในแดนมังกรได้ง่ายขึ้น
ตัดภาพกลับมาที่ปัจจุบัน กระแสนี้ยังคงมีอยู่อย่างต่อเนื่อง
Jimmy Butler สตาร์ดังที่ขึ้นชื่อเรื่องความใจสู้ ตัดสินใจย้ายจาก Jordan Brand มาซบอก Li-Ning
ทั้งที่ฝีมือระดับเขา ควรจะมีรองเท้าเป็นของตัวเองมานานแล้ว แต่แบรนด์เดิมกลับไม่เคยมอบโอกาสนั้นให้
Li-Ning จึงตอบสนองความต้องการทันทีด้วยการออกรุ่น JB1 ตามมาติดๆ ด้วย JB2 และล่าสุดที่เพิ่งเปิดตัวไปอย่าง JB4
แม้ว่าในวันนี้ แบรนด์รองเท้าจีนอาจจะยังไม่สามารถล้มยักษ์อย่าง Nike หรือ Adidas ได้ในแผ่นดินอเมริกา
แต่กราฟการเติบโตของพวกเขานั้น น่าสนใจเป็นอย่างมาก...
ในขณะเดียวกัน ลีกบาสเกตบอลในจีน หรือ CBA ก็ยกระดับตัวเองขึ้นมาเป็นลีกอันดับสองของโลก รองจาก NBA
ตำนาน NBA หลายคนอย่าง Stephon Marbury หรือ Tracy McGrady ก็เคยข้ามน้ำข้ามทะเลไปสร้างรายได้เป็นกอบเป็นกำที่นั่น
ความสำเร็จของแบรนด์รองเท้าจีนในวันนี้ ไม่ใช่เรื่องบังเอิญ หรือโชคช่วย
แต่เป็นผลลัพธ์ของการวางหมากอย่างรอบคอบ การอดทนรอเวลา และการลงทุนอย่างต่อเนื่อง
พวกเขารู้ดีว่า การจะสร้างแบรนด์ให้คนทั้งโลกยอมรับ ต้องใช้เวลาในการพิสูจน์คุณภาพ
กลยุทธ์ “ป่าล้อมเมือง” ด้วยการเสนอโอกาสให้นักกีฬาที่แบรนด์ใหญ่เมิน กลายเป็นอาวุธเด็ด
การมีรองเท้าซิกเนเจอร์ คือความฝันสูงสุดของนักบาสทุกคน และแบรนด์จีนคือผู้สานฝันนั้นให้เป็นจริง
แม้จะต้องเผชิญกับกำแพงแห่งอคติ และความไม่คุ้นชินของผู้บริโภคตะวันตก
แต่ตัวเลขผลประกอบการ คือเครื่องยืนยันที่ดีที่สุด
ในปี 2024 Anta รายงานรายได้รวมกว่า 70.83 พันล้านหยวน หรือประมาณ 9.73 พันล้านเหรียญสหรัฐ
ส่วน Li-Ning ก็ไม่น้อยหน้า กวาดรายได้ไป 28.7 พันล้านหยวน หรือเกือบ 4 พันล้านเหรียญสหรัฐ
ช่องว่างที่เคยห่างไกล กำลังถูกบีบให้แคบลงเรื่อยๆ
ปรากฏการณ์นี้สะท้อนให้เห็นการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ของขั้วอำนาจในอุตสาหกรรมแฟชั่นและกีฬาโลก
แบรนด์จากประเทศกำลังพัฒนา ไม่ได้เป็นแค่ผู้รับจ้างผลิตอีกต่อไป แต่ผันตัวมาเป็นผู้สร้างนวัตกรรม และผู้ท้าชิงที่น่ากลัว
สำหรับนักกีฬา NBA นี่คือยุคทองของพวกเขาที่มีทางเลือกมากขึ้น
การมีสปอนเซอร์รายใหม่ๆ เข้ามา หมายถึงอำนาจในการต่อรองที่มากขึ้น และโอกาสในการสร้างสรรค์ผลงานที่ตรงใจตัวเอง
ส่วนแฟนบาสอย่างเราๆ ก็ได้รับประโยชน์ไปเต็มๆ จากความหลากหลายของสินค้า
ทั้งในเรื่องของดีไซน์ เทคโนโลยี และราคา ที่มีการแข่งขันกันดุเดือดขึ้น
แม้ตอนนี้อาจจะยังเร็วเกินไปที่จะฟันธงว่า แบรนด์จีนจะก้าวขึ้นมาครองโลกได้หรือไม่
แต่สิ่งหนึ่งที่ชัดเจนที่สุดคือ พวกเขาไม่ได้มาเล่นๆ
การปรากฏตัวของแบรนด์เหล่านี้ คือสัญลักษณ์ของการเชื่อมโยงทางวัฒนธรรมรูปแบบใหม่
โลกธุรกิจยุคใหม่ เปิดกว้างสำหรับผู้ที่กล้าพอจะท้าทายขนบเดิมๆ
เรื่องราวของ Dwyane Wade, Yao Ming และ Kyrie Irving เป็นเพียงจุดเริ่มต้นของมหากาพย์บทใหม่
และมันยังบอกเราว่า ความสำเร็จระดับโลก ไม่ได้ถูกผูกขาดไว้ในมือของผู้เล่นรายใหญ่เพียงไม่กี่ราย
ใครที่กล้าฝัน กล้าเสี่ยง และมุ่งมั่นที่จะสร้างความแตกต่าง ย่อมมีพื้นที่ยืนเสมอ
ในอดีต เราอาจเคยเชื่อว่ารองเท้าบาสที่ดี ต้องมาจากแบรนด์ตะวันตกเท่านั้น
แต่วันนี้ แบรนด์จากตะวันออกกำลังพิสูจน์ให้เห็นแล้วว่า ความเป็นเลิศทางกีฬาและนวัตกรรม ไม่มีพรมแดน
และเส้นทางสายไหมสายใหม่นี้ กำลังพาโลกบาสเกตบอลมุ่งหน้าไปสู่อนาคตที่น่าตื่นเต้นกว่าที่เคย...
References : [espn, forbes, complex, bleacherreport, scmp]
◤━━━━━━━━━━━━━━━◥
หากคุณชอบคอนเทนต์นี้อย่าลืม 'กดไลก์'
หากคอนเทนต์นี้โดนใจอย่าลืม 'กดแชร์'
คิดเห็นอย่างไรคอมเม้นต์กันได้เลยครับผม
◣━━━━━━━━━━━━━━━◢
ติดตามสาระดี ๆ อัพเดททุกวันผ่าน Line OA ด.ดล Blog
คลิกเลย --> https://lin.ee/aMEkyNA
รวม Blog Post ที่มีผู้อ่านมากที่สุด
——————————————–
ติดตาม ด.ดล Blog เพิ่มเติมได้ที่
=========================
โฆษณา