26 ธ.ค. เวลา 03:52 • การเมือง

ปราสาทเขาพระวิหาร อยู่ฝั่งไทยหรือเขมรกันแน่

สวัสดีครับท่านผู้อ่านทุกท่าน คราวก่อน (พ.ศ.2554) ได้เกิดสมรภูมิใหญ่ขึ้นเป็นเวลา 12 วันที่ปราสาทเขาพระวิหาร ครั้งนั้นทำให้ศาลโลกต้องตัดสินว่าเขมรมีสิทธิ์อันชอบธรรมในการเป็นเจ้าของ จนกระทั่งมาถึงพ.ศ.2568 สงครามไทย-กัมพูชาหรอการปะทะรอบ 2 ดุเดือดจนถึงขั้นที่ไทยจะนำปราสาทนี้กลับคืนมาอีกครั้ง เรื่องราวจะเป็นอย่างไร ไปติดตามกันครับ
ความขัดแย้งเรื่องปราสาทเขาพระวิหารไม่ใช่เพียงเรื่องของโบราณสถาน แต่เป็นจุดสปาร์ค สำคัญของปัญหาชายแดนไทย-กัมพูชาที่ยืดเยื้อมานานกว่า 6 ทศวรรษ ปมปัญหานี้สามารถแบ่งออกได้เป็น 3 มิติหลัก คือ คำตัดสินของศาลโลก พื้นที่ทับซ้อน 4.6 ตารางกิโลเมตร และความพยายามยึดครองพื้นที่ในทางยุทธศาสตร์
ปฐมเหตุความเจ็บแค้นของคนไทยเริ่มขึ้นเมื่อปีพ.ศ. 2505 สมัยจอมพลสฤษดิ์ ธนะรัชต์ ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี เมื่อศาลโลกตัดสินให้ตัวปราสาทเป็นของกัมพูชา, ฝ่ายไทยในขณะนั้นเปรียบเทียบสถานการณ์นี้ว่าเหมือนต้นชมพู่หรือต้นมะม่วง ที่โคนต้นอยู่ในบ้านเรานั่นคือทางขึ้นอยู่ในฝั่งไทย แต่ผลกลับไปยื่นอยู่ในบ้านเพื่อนบ้าน เปรียบได้กับตัวปราสาทตั้งอยู่บนชะงอนผาที่ยื่นไปทางกัมพูชา
บ้านเรือนประชาชนเสียหายเมื่อการปะทะปี 51 กับทหารเขมร
ในครั้งนั้น รัฐบาลไทยยอมรับคำพิพากษาด้วยความจำนน โดยมีการแสดงสัญลักษณ์ด้วยการยกเสาธงชาติไทยลงจากเขาพระวิหาร ทั้งเสาแทนการชักธงลง พร้อมกำหนดเขตล้อมรั้วลวดหนามรอบตัวปราสาทให้แคบที่สุดเพื่อให้เสียดินแดนน้อยที่สุด
“ข้าพเจ้าอยากจะกล่าวว่า ข้าพเจ้ามาพูดกับท่านด้วยน้ำตา แต่น้ำตาของข้าพเจ้าเป็นน้ำตาของลูกผู้ชาย ขอเลือด ของความคั่งแค้น และการผูกใจเจ็บไปชั่วชีวิต ทั้งชาตินี้และชาติหน้า พี่น้องชาวไทยที่รัก ในวันหนึ่งข้างหน้า เรา จะต้องเอาปราสาทพระวิหาร กลับคืนมาเป็นของชาติไทย ให้จงได้ สวัสดี"
คำปราศรัยของจอมพลสฤษดิ์ ธนะรัชต์
แม้ตัวปราสาทจะเป็นของกัมพูชา แต่ปัญหาที่คาราคาซังคือพื้นที่โดยรอบปราสาท เนื่องจากกัมพูชายึดถือเส้นเขตแดนตาม แผนที่มาตราส่วน 1:200,000 ซึ่งหากยึดตามนั้น พื้นที่อย่างภูมะเขือ ห้วยตามาเรีย พลาญอินทรี และช่องคานม้า จะตกเป็นของกัมพูชาทันที
ในขณะที่ไทยยึดถือตามสันปันน้ำและแผนที่มาตราส่วน 1:50,000 ทำให้เกิดพื้นที่ทับซ้อน 4.6 ตารางกิโลเมตรที่ต่างฝ่ายต่างอ้างสิทธิ์
ตำแหน่งปราสาทเขาพระวิหารในปัจจุบัน
เมื่อนายสมัคร สุนทรเวช ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ความตึงเครียดกลับมาปะทุอีกครั้งในปีพ.ศ.2551 เพราะกัมพูชาขอขึ้นทะเบียนปราสาทเขาพระวิหารเป็นมรดกโลกเพียงฝ่ายเดียว แม้ยูเนสโกจะประกาศให้เป็นมรดกโลกของกัมพูชาเฉพาะตัวปราสาท แต่กัมพูชายังคงพยายามอ้างสิทธิ์เหนือพื้นที่ 4.6 ตร.กม. โดยรอบ จนนำไปสู่การปะทะด้วยอาวุธหลายครั้งในปีพ.ศ.2551-2554
สำนักข่าว PPTV ให้ข้อมูลว่ากัมพูชาใช้กลยุทธ์รุกคืบเพื่อยึดครองพื้นที่จริง โดยการสร้างชุมชน ตลาด ถนนคอนกรีต และที่สำคัญคือการสร้างวัดแก้วสิกขาคีรีสวาระในพื้นที่ทับซ้อน ซึ่งถือเป็นการละเมิดข้อตกลง MOU 43 ที่ห้ามเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิประเทศในพื้นที่อ้างสิทธิ์
ในเชิงยุทธศาสตร์ทหาร วัดแก้วฯ และช่องคานม้าคือจุดชี้ขาด เพราะเป็นเส้นทางส่งกำลังบำรุงหลักขึ้นสู่ตัวปราสาท หากฝ่ายไทยสามารถควบคุมหรือทำลายเส้นทางนี้ได้ กัมพูชาจะประสบความยากลำบากในการรักษาอิทธิพลเหนือตัวปราสาทเนื่องจากทางฝั่งกัมพูชาเป็นหน้าผาสูงชัน ปัจจุบันกองทัพไทยสามารถสถาปนาอำนาจเหนือจุดยุทธศาสตร์สำคัญอย่างภูมะเขือ ได้แล้ว ซึ่งเป็นพื้นที่สูงข่มที่มองเห็นการเคลื่อนไหวรอบวัดแก้วและทางขึ้นปราสาทได้อย่างชัดเจน
ภูมะเขือถือเป็นชัยภูมิที่เหมาะสมในการยิงปืนใหญ่ถล่มฐานทหารเขมรที่ปราสาทเขาพระวิหาร
หากพิจารณาตามกฎหมายระหว่างประเทศ กัมพูชาคือเจ้าของตัวปราสาท แต่ในมิติของอธิปไตยเหนือดินแดนโดยรอบ 4.6 ตารางกิโลเมตร ยังคงเป็นพื้นที่พิพาทที่ยังไม่มีข้อยุติที่ชัดเจนจากศาลโลก โดยศาลโลกในปีพ.ศ.2556 ระบุเพียงว่ากัมพูชาควรมีสิทธิ์ในพื้นที่มากกว่าแค่ตัวปราสาท แต่ไม่ได้ระบุว่ามากเท่าใด และให้ทั้งสองประเทศไปเจรจากันเอง
ในปัจจุบัน สถานการณ์จึงขึ้นอยู่กับการควบคุมพื้นที่จริงทางทหาร โดยฝ่ายไทยพยายามยึดโยงอำนาจอธิปไตยตามแนวเขตแดน 1:50,000 ขณะที่กัมพูชาพยายามสร้างความชอบธรรมผ่านการอยู่อาศัยและสิ่งปลูกสร้างในพื้นที่พิพาท
ความคิดเห็นส่วนตัวผู้เขียนมองว่าปราสาทเขาพระวิหารควรอยู่ในฝั่งไทยเสียมากกว่าหากยึดกลับมาได้ เพราะที่นี่ก็มีความสำคัญไม่ต่างจากปราสาทตาควาย ปราสาทตระกูลตาเมือนหรือปราสาทคนา แถมในอดีตที่จอมพลสฤษดิ์กล่าวว่า "ในวันหนึ่งข้างหน้า เรา จะต้องเอาปราสาทพระวิหาร กลับคืนมาเป็นของชาติไทย ให้จงได้" นั่นหมายถึงปราสาทแห่งนี้เดิมทีเคยเป็นของไทยมาก่อน ฉะนั้นการยึดคืนครั้งนี้ถือเป็นบทพิสูจน์สำหรับกองทัพไทยไม่น้อย
ในขณะที่ทหารไทยกำลังจะบุกไปยึดปราสาทเขาพระวิหารคืนมา ทหารกัมพูชาก็ใช้ความเจ้าเล่ห์เช่นเคยคือการใช้ปราสาทเป็นฐานทัพทางทหาร ซึ่งไม่มีกองทัพชาติใดๆในโลกจะกล้าทำแบบนี้ได้ อย่างไรก็ตามการตัดการส่งกำลังบำรุงโดยใช้ปืนใหญ่หรือ F-16 หย่อนระเบิดใส่ถนนทางขึ้นปราสาทก็อาจทำให้ทหารกัมพูชาหมดแรงที่จะสู้จนยอมถอยออกจากพื้นที่ปราสาทได้
ครั้งหนึ่งเราเคยเสียปราสาทเขาพระวิหาร มาคราวนี้ทหารไทยกำลังยึดกลับคืนมาก่อนปีใหม่
ต่อให้ทหารกัมพูชาตั้งฐานยิงปืนใหญ่หรือแม้แต่ BM-21 ยิงมาใส่บ้านเรือนประชาชนจากปราสาทเขาพระวิหาร สุดท้ายก็ต้องพ่ายให้กระสุนจากทหารปืนใหญ่ที่ยิงมาจากยอดภูมะเขือ ซึ่งมีความสูงมากกว่าพื้นที่ฝ่ายตรงข้าม เมื่อเราซัลโวปืนใหญ่ใส่เต็มจุกๆต่อเป้าหมายบริเวณปราสาทจึงอาจทำให้ทหารกัมพูชาตอบโต้มาที่ภูมะเขือได้ยากขึ้น
ทีนี้ก็เช่นเคยสำหรับบางท่านที่มีคำถามว่าเราจะบูรณะปราสาทกลับคืนมาได้หรือไม่หลังจบสงคราม ก็มีโอกาสอยู่นะฮะ หากกองทัพไทยยึดคืนได้เป็นผลสำเร็จภายในเวลาไม่เกิน 1-2 สัปดาห์ ทั้งนี้และทั้งนั้นก็ขึ้นอยู่กับเสียงนกหวีดจะดังขึ้นเมื่อใด นกหวีดที่ว่าในที่นี้เปรียบได้กับการเจรจาหยุดยิงเป็นผลของทั้ง 2 ฝ่ายในการประชุม GBC ส่วนการประชุมนี้จะส่งผลให้ปราสาทแห่งนี้กลับมาเป็นของไทยได้หรือไม่ก่อนวันขึ้นปีใหม่ก็รอติดตามกันครับ
เดิมทีปราสาทเขาพระวิหารประเทศไทยเป็นผู้ครอบครองตามแผนที่ 1:50,000 แต่โชคชะตากลับเล่นตลกร้ายทำให้ศาลโลกตัดสินว่ากัมพูชาเป็นผู้ครอบครองปราสาท เมื่อเกิดสงครามใหญ่ก่อนสิ้นปี 68 การแย่งชิงปราสาทด้วยกำลังทางทหารของทั้ง 2 ฝ่ายจึงเกิดขึ้น ใครจะได้ปราสาทกันแน่ โปรดติดตามกันต่อไป สำหรับวันนี้ขอลาไปก่อน สวัสดีครับ
Credit บทความและภาพประกอบ
ข่าวเด็ด ประเด็นร้อน
Thaiarmedforce
โรม สุวพจน์ จุลกทัพพะ
Noppakun Pongnoppakun
PPTVHD36
เรียบเรียงโดย : จ่าหวาน เกรียงไกร
ชื่อกลอน : เขมรยึดปราสาทเขาพระวิหาร
เรียบเรียงโดย : จ่าหวาน เกรียงไกร
เขมรยึด ปราสาทเขา พระวิหาร
อันธพาล ใช้ปราสาท ทำเป็นโล่ห์
ใช้เล่ห์กล มุ่งทำร้าย ประเทศโต
ไทยทนโท่ มาตั้งนาน ไม่ยอมมัน
เขมรยึด เอาไป เป็นฐานทัพ
ใช้ตั้งรับ แทนที่ จะถอยหนี
เสียเวลา เจรจา ใช้พาที
ปฐพี ถูกเหยียดหยัด มันได้ใจ
เขมรยึด ปราสาทไป ทนได้หรือ
ที่นี่คือ แผ่นดินไทย รู้ไว้เสีย
ชาติชั่วช้า มันต้องเจอ ไทยเข้าเคลียร์
จากลูกเมีย พร้อมสู้ยึด คืนกลับมา
เขมรยึด มากี่ปี ไทยรู้ดี
ปราสาทนี้ ทหารไทย สู้อาจหาญ
ตัดกำลัง ทหารชาติ อันธพาล
กองทัพมาร เขมรเลว ต้องสิ้นเอย
โฆษณา