26 ธ.ค. เวลา 12:43 • การเมือง

ภูมะเขืออยู่ในแผ่นดินไทย

"เราถอยมาอยู่แสนไกล
รวมเผ่าไทยอยู่อย่างเสรี
พระสยามทรงนำโชคดี
ผืนดินถิ่นนี้ คือแผ่นดินทอง
ไม่มีที่แห่งไหน ให้ไทยไปจับจอง
เราถอยไปไม่ได้พี่น้อง
ใครคิดมาแย่งครอง
ผองไทยจงสู้ตาย"
เนื้อเพลงสุดแผ่นดิน
"เขาก็อยากได้คืน เพราะหากให้ไทยตรวจการในพื้นที่สูงได้มันก็อาจเป็นอันตรายต่อการวางกำลังของเขา โดยเฉพาะในแถววัดแก้วสิกขาคีรีสวาระซึ่งทางกัมพูชายึดครองอยู่"
คุณอนาลโย กอสกุล ที่ปรึกษา กมธ. การทหาร สภาผู้แทนราษฎร
สวัสดีครับทุกท่าน วันนี้ก็ขอนำทุกท่านมาทำความรู้จักกับภูมะเขือ หนึ่งในยุทธบริเวณสำคัญในสงครามไทย-กัมพูชา ผู้เขียนเชื่อท่านผู้อ่านรู้จักภูเขาลูกนี้เป็นอย่างดี แล้วจะมีเรื่องราวน่าสนใจอย่างไร ไปติดตามกันครับ
รถยิงจรวด BM-21 กองทัพบกกัมพูชา
ภูมะเขือ คือภูเขาลูกหนึ่งที่ตั้งอยู่ใกล้กับแนวเขตแดนไทย–กัมพูชา ในเขตอุทยานแห่งชาติเขาพระวิหาร จังหวัดศรีสะเกษ ด้านตรงข้ามคือจังหวัดพระวิหารของกัมพูชา พื้นที่แห่งนี้มีความสำคัญเชิงยุทธศาสตร์ เพราะสามารถมองเห็นตัวปราสาทพระวิหารจากด้านบนได้อย่างชัดเจน
บริเวณภูมะเขือยังเชื่อมโยงกับ “วัดแก้วสิกขาคีรีสวาระ” วัดที่กัมพูชาสร้างขึ้นมาใหม่บนแนวถนนส่งกำลังบำรุงจากฝั่งกัมพูชาสู่ปราสาทพระวิหาร ซึ่งแม้ที่ผ่านมาไทยจะประท้วงแต่ก็ทำอะไรไม่ได้ โดยหากใครได้ครอบครองพื้นที่บริเวณวัดแก้วฯ จะสามารถควบคุมเส้นทางยุทธศาสตร์ได้
ในอดีต การเข้าถึงพื้นที่ด้านบนของภูมะเขือ ทางฝั่งกัมพูชา ใช้วิธีการสร้างกระเช้าและบันไดเป็นทางขึ้นสู่ยอดภูเขาเนื่องจากสภาพภูมิประเทศฝั่งกัมพูชามีลักษณะลาดชัน อย่างไรก็ตาม ในระยะหลัง ฝ่ายกัมพูชาได้สร้างถนนโดยลัดเลาะตามไหล่เขาในเขตกัมพูชาเพื่อใช้เป็นทางขึ้นสู่ด้านบนของภูมะเขือ
สำหรับกรณีการสร้างกระเช้าและถนนขึ้นสู่ยอดภูมะเขือดังกล่าว ฝ่ายไทยเห็นว่าเข้าข่ายเป็นการเปลี่ยนแปลงสภาพแวดล้อมหรือภูมิประเทศในบริเวณใกล้เคียง กับพื้นที่ที่ทั้งสองฝ่ายต่างอ้างสิทธิ์กันอยู่ ซึ่งแม้ว่าจะไม่ได้ล้ำแนวเส้นปฏิบัติการของทหารไทยก็ตาม แต่ถือว่าเป็นการละเมิดข้อตกลงตาม MOU 2543 ดังนั้น ฝ่ายไทยจึงได้ดำเนินการเก็บหลักฐานและทำการประท้วงผ่านกลไกความร่วมมือทางทหารในระดับพื้นที่มาโดยตลอดอย่างต่อเนื่อง
ทหารหญิงแห่งกองทัพบกไทยกับภูมะเขือหลังจบสงคราม (ภาพ AI)
อย่างไรก็ตาม แม้ว่าฝ่ายไทยจะยึดมั่นในจุดยืนที่สำคัญได้แก่การไม่รุกรานใคร และยึดมั่นในการแก้ปัญหาด้วยหลักสันติวิธี แต่ยังพบเห็นการกระทำของฝ่ายกัมพูชา ที่มักจะละเมิดในข้อตกลงที่มีระหว่างกันอย่างต่อเนื่องนั้น จึงเป็นเหตุให้ฝ่ายไทยไม่อาจเพิกเฉยต่อความกังวลที่เกิดขึ้นอยู่บ่อยครั้งได้
ภูมะเขือกลายเป็นพื้นที่ขัดแย้งตั้งแต่ช่วงก่อนศาลโลกมีคำพิพากษาปี พ.ศ. 2505 (ค.ศ. 1962) ให้ปราสาทพระวิหารอยู่ในอธิปไตยของกัมพูชา แต่ไม่ได้ชี้ชัดว่า “พื้นที่โดยรอบ” อย่างภูมะเขือเป็นของใคร
ต่อมาหลังปีพ.ศ.2543 ไทยและกัมพูชาได้ลงนามใน บันทึกความเข้าใจ (MOU) ว่าด้วยการปักปันเขตแดนร่วมกัน ซึ่งยืนยันว่า “จะไม่มีการเปลี่ยนแปลงสภาพพื้นที่เดิม” และห้ามสร้างสิ่งปลูกสร้างใหม่ในพื้นที่ที่ยังไม่ได้ปักปันแน่ชัด เช่น บริเวณภูมะเขือ
ในช่วงปีพ.ศ.2551–2554 ภูมะเขือกลายเป็นจุดเฝ้าระวังทางทหาร ทั้งสองฝ่ายเคยมีการนำกำลังขึ้นไปควบคุมเชิงยุทธศาสตร์ แต่หลังจากความตึงเครียดคลี่คลายลง ทั้งสองประเทศต่างก็ลดบทบาททหาร และไม่เปิดเผยข้อมูลการถือครองพื้นที่บริเวณนี้ต่อสาธารณะ
วันที่ 24 กรกฎาคมพ.ศ.2568 กองทัพกัมพูชายิงปืนใหญ่ใส่ประชาชนคนไทย ชุมชน บ้านเรือน รวมไปถึงโรงพยาบาล ซึ่งเป็นการก่ออาชญากรรมสงคราม ทำให้กองทัพไทยต้องตอบโต้ตามหลักสากลเพื่อกำจัดภัยคุกคามทางทหาร นอกจากการปฏิบัติการดังกล่าวเป็นไปเพื่อยึดภูมะเขือและพื้นที่ที่ถูกทหารกัมพูชายึดไปกลับคืนมาอีกครั้ง
ภูมะเขือเมื่อดูจากในแผนที่ จะเป็นชัยภูมิที่ได้เปรียบ เพราะเป็นภูเขาที่มีความสูง 400 เมตร จึงจัดว่าเป็น ''จุดสูงข่ม"
ต่อมาวันที่ 25 กรกฎาคมปีเดียวกันทหารกัมพูชาคงพยายามเข้าโจมตีและยิงระยะไกลเข้าใส่ต่อเนื่อง กองทัพบกไทยจึงร้องขอกองทัพอากาศไทยให้ส่งเครื่องบินขับไล่ F-16 และ Gripen เข้าโจมตีต่อเป้าหมายที่เสริมกำลังเข้ามายึดภูมะเขือ
จนเช้าวันที่ 26 กรกฎาคม ทหารไทยทุกนายสามารถต้อนทหารกัมพูชาถอยร่นออกจากภูมะเขือได้สำเร็จแล้ว ฝ่ายไทยจึงเข้ายึดถึงพื้นที่ปลายจะงอยหน้าผาภูมะเขือ ซึ่งเป็นฐานกำลังของทหารกัมพูชา
เวลา 09.20 น. ของวันเดียวกันเพจ “กองทัพภาคที่ 2” โพสต์ข้อความ “ธงชาติไทยปักบนยอดภูมะเขือเรียบร้อยแล้วสัญลักษณ์แห่งเอกราชและอธิปไตย ได้โบกสะบัดอีกครั้ง…เหนือแผ่นดินไทย ณ ยอด ภูมะเขือ – หนึ่งในพื้นที่ยุทธศาสตร์ชายแดนไทย–กัมพูชา กองกำลังทหารไทยสามารถเข้าควบคุมพื้นที่ได้แล้วทั้งหมด ภาพแห่งเกียรติภูมิ ธงไตรรงค์บนยอดภูมะเขือ พร้อมปิดท้ายว่า “ตราบใดที่ธงยังโบกสะบัด ศักดิ์ศรีของชาติไทยจะไม่มีวันตกพื้น”
ข้ามมาวันที่ 28 กรกฎาคม ผู้สื่อข่าวมติชนรายงาน สถานการณ์ที่ภูมะเขือ ภายหลังจากทหารไทยผลักดันทหารเขมร ออกจากพื้นที่ พร้อมน้ำธงชาติไทยปักบนยอดภูมะเขือ และทางฝ่ายทหารเขมรพยายามเข้าโจมตีเพื่อหวังยึดพื้นที่คืน แต่ทหารบกไทยและเครื่องบิน F-16 จากกองทัพอากาศไทยได้ร่วมกันทำลายกระเช้าและบันไดที่ฝ่ายกัมพูชาสร้างขึ้นผิด MOU43 เพื่อตัดเส้นทางไม่ให้ทหารเขมรขึ้นมาบนภูมะเขืออีก
ในช่วงที่เกิดสงครามไทย-กัมพูชา ภูมะเขือกลับมาเป็นจุดที่มีการต่อสู้อย่างดุเดือดอีกครั้ง ฝ่ายกัมพูชาทำการโจมตีด้วยอาวุธ ค. (เครื่องยิงลูกระเบิด) , ป. (ปืนใหญ่) , รถยิงจรวดหลายลำกล้อง BM-21 รวมทั้งโดรนทิ้งระเบิดและ FPV ฝ่ายเราได้เข้ายึดพื้นที่และดำเนินการตอบโต้ตามสถานการณ์
กระเช้าส่งกำลังบำรุงของทหารกัมพูชาที่โดนเครื่องบิน F-16 หย่อนไข่เหล็กใส่
จนกระทั่งเข้าสู่วันที่ 26 ธันวาคมพ.ศ.2568 กองทัพภาคที่ 2 สรุปสถานการณ์ตามแนวชายแดนไทย–กัมพูชา หลายๆพื้นที่รวมถึงภูมะเขือ ที่มีการปะทะด้วยปืนใหญ่และปืนครก (ค.) ก่อนที่ฝ่ายไทยจะยิงตอบโต้ไปยังที่ตั้งอาวุธยิงสนับสนุนของฝ่ายกัมพูชา รวมทั้งมีการสนับสนุนทางอากาศจากเครื่องบินขับไล่ทั้ง 2 แบบคือ F-16 และ Gripen ที่ร่วมหย่อนไข่เหล็กโจมตีทำให้ทหารภาคพื้นที่อุ่นใจ โดยจะมีการรบเช่นนี้เรื่อยไปจนกว่าภูมะเขือจะกลับคืนสู่สันติสุขอีกครั้งในอนาคต
สำหรับผู้เขียนมองว่าภูมะเขือยังมีโอกาสที่จะทำเป็นสถานที่ท่องเที่ยวได้ในอนาคต เมื่อสงครามยุติลง ส่วนสมรภูมิภูมะเขือทั้งรอบแรกและรอบสองของปี 68 ผู้เขียนมีความคิดส่วนตัวว่ามีจารึกไว้ในประวัติศาสตร์เพื่อให้คนรุ่นต่อไปได้เห็นว่าครั้งหนึ่งวีรชนทหารไทยได้ต่อสู้อย่างยากลำบากจนพื้นที่แห่งนี้กลายเป็นของเราได้
กว่าจะมีชื่อภูมะเขือในบันทึกทางประวัติศาสตร์ด้านการทหารมันต้องใช้เวลานาน มันต้องผ่านการเลือกสมัครใจปกป้องชาติ มากกว่าถูกใครบังคับให้ไปรบ ถ้าไม่แน่จริงเราคงไม่ปกป้องภูมะเขือหรอก โชคดีที่ผู้บังคับบัญชาทุกระดับชั้น นายสิบ นายร้อย นายพัน อะไรต่ออะไรที่ไปรบ ก็คือคนไทยที่ขออาสาปกป้องแผ่นดินนี้ ที่ผ่านมาพอมีรัฐประหารประชาชนมักจะด้อยค่าทหาร มองว่าทหารทำประเทศล้าหลัง วันนี้ท่านมองทหารเปลี่ยนไป ท่านเชื่อหรือไม่ว่าขณะนี้ทหารไทยทำได้ถูกต้องตามหน้าที่แล้ว
การมีอาวุธยุทโธปกรณ์ของกองทัพนำมาใช้จริง แสดงให้เห็นว่าไม่ใช่มีไว้โชว์วันเด็ก ยึดอำนาจ หรือเก็บไว้ฝึกเท่านั้น กองทัพบกไทยและกองทัพอากาศไทยถือว่าทำได้ดีทีเดียวในการปกป้องไม่ให้ภูมะเขือตกไปอยู่ในมือของกัมพูชาเป็นครั้งที่ 2 เสียงปืนใหญ่ที่ยิงจากยอดภูไปถล่มเครนยักษ์ของทหารกัมพูชาใกล้ๆปราสาทเขาพระวิหาร หรือแม้แต่เสียงไอพ่น F-16 ที่ไม่เห็นตัวตอนบินสูง แต่พอเสียงมาทหารเขมรก็กวาดกลัว เมื่อมารวมกันมันคือเสียงแห่งความกล้าหาญในการปกป้องภูมะเขือซึ่งตั้งอยู่ในอธิปไตยไทยมาช้านาน
สสภาพภูมะเขือในการปะทะรอบแรก
ภูมะเขือถือเป็นจุดยุทธศาสตร์ที่มีความสำคัญอย่างยิ่ง การสร้างสิ่งก่อสร้างทางทหารทำให้ไทยทนไม่ได้จึงต้องเป็นที่มาของการใช้ทหารบกและทหารอากาศเข้าเคลียร์เพื่อสถาปนาพื้นที่ จนถึงขณะนี้สถานการณ์ยังไม่สงบ ยังต้องรอติดตามกันไปว่าไทยจะรักษาภูมะเขือไว้ได้หรือไม่ สวัสดีครับ
Credit บทความและภาพประกอบ
AMARINTV
Google AI Studio
มติชน
BBC THAI
Thairath Online
เรื่องนี้ต้องรู้
เรียบเรียงโดย : แดง ภูมะเขือ
โฆษณา