28 ธ.ค. เวลา 07:00 • ประวัติศาสตร์

เรื่องที่หลายคนยังไม่รู้เกี่ยวกับพระเจ้าตากสิน

.
เนื่องด้วยวันที่ 29 ธันวาคมของทุกปี ตรงกับวันที่สมเด็จพระเจ้ากรุงธนบุรีหรือที่เรารู้จักในพระนามสมเด็จพระเจ้าจากสินมหาราชทรงปราบดาภิเษกขึ้นครองราชสมบัติ ทางราชการได้กำหนดวันนี้เป็นวันสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช
แม้ว่าจะทรงเป็นพระมหากษัตริย์ในหลายพระองค์ที่คนไทยรู้จักเป็นอย่างดี แต่ก็มีเกร็ดบางประการเกี่ยวกับพระองค์ที่ไม่ได้เผยแพร่ในวงกว้างนัก
ผมจึงขอเลือกเกร็ดมาสองปีะการที่คิดว่าหลาย ๆ ท่านน่าจะยังไม่รู้มาเสนอ
  • ​ทรงรู้ภาษาต่างประเทศ (ที่ไม่ใช่ภาษาจีน)
เราทราบกันว่าทรงมีเชื้อสายจีนกันอยู่แล้ว การที่ทรงตรัสภาษาจีนได้ย่อมเป็นเรื่องปกติ
แต่มีหลักฐานว่าทรงมีพระปรีชาสามารถในเรื่องภาษาอื่นด้วย
"...ในทันใดนั้น จึงทรงซักไซ้ ไต่ถามลาวมีชื่อด้วยภาษาลาว..."
(จดหมายรายวันทัพสมัยกรุงธนบุรี คราวปราบเมืองพุทไธมาศและเขมร เมื่อ พ.ศ. ๒๓๑๔)
เป็นกรณีที่ทางกาญจนบุรีส่งรายงานความเคลื่อนไหวของกองทัพพม่ามาที่พระตำหนักเมืองพุทไธมาศที่สมเด็จพระเจ้ากรุงธนบุรีทรงประทับในการจัดการเมืองพุทไธมาศ พร้อมกับชาวลาว
ลาวในที่นี้น่าจะหมายถึงชาวล้านนา (อาศัยอยู่ในภาคเหนือของประเทศไทยปัจจุบัน) ที่ชาวอยุธยานิยมเรียกว่าลาวเช่นเดียวกับล้านช้าง
สมเด็จพระเจ้ากรุงธนบุรีทรงเคยเป็นเจ้าเมืองตากซึ่งนับว่าเป็นเมืองใกล้ทั้งพม่าและล้านนาการที่จะทรงตรัสภาษาล้านนาได้ก็ไม่แปลกแต่อย่างใด
แต่มีอีกภาษาหนึ่งที่ทรงตรัสได้ซึ่งคนทั่วไปไม่ค่อยทราบกัน
"...แล้วมีพระราชบริหารให้โอวาทแก่พระสงฆ์โดยภาษาญวน ให้ตั้งอยู่ในวินัยสิกขา ว่าอย่าคบหาส้องเสพด้วยสีกาให้อุตสาหะทำนุกบำรุงพระศาสนารุ่งเรือง ถ้าจะขัดสนเป็นประการใดก็ให้ไปหาพระยาราชาเศรษฐี แล้วถวายข้าวเปลือก ๑๐ เกวียน..."
(จดหมายรายวันทัพสมัยกรุงธนบุรี คราวปราบเมืองพุทไธมาศและเขมร เมื่อ พ.ศ. ๒๓๑๔)
การที่ทรงตรัสภาษาญวนได้นับว่าเป็นเกร็ดความรู้อย่างหนึ่ง เพราะชุมชนญวนในยุคนั้นไม่ใช่ชุมชนใหญ่ และญวนไม่ได้มีบทบาทสำคัญในการค้าหรืออื่นใดที่จะต้องทรงเรียนภาษาเพื่อจะต้องติดต่อ
แสดงว่าสมเด็จพระเจ้ากรุงธนบุรีคงจะมีความจำเป็นที่ต้องติดต่อในทางใดทางหนึ่งกับชาวญวน ซึ่งต้องสำคัญหรือบ่อยมากพอที่จะทรงศึกษาภาษาญวนเอาไว้ด้วย
  • ทรงมีเชื้อเจ้า ?
อาจจะมีหลายท่านที่ได้ยินเรื่องสมเด็จพระเจ้ากรุงธนบุรีทรงมีเชื้อสายราชวงศ์หรือเป็นลูกสนมลับอะไรทำนองนี้ ซึ่งยังไม่มีหลักฐานแน่ชัดประการใดที่จะยืนยัน เป็นความเชื่อที่ใครจะเชื่อหรือไม่ก็เป็นสิทธิของแต่ละบุคคล
แต่ในเอกสารประวัติศาสตร์บางชื้นเองก็เหมือนจะระบุความเชื่อที่คล้ายกันนี้ของคนสมัยก่อนเอาไว้เช่นกัน
"...จุลศักราชได้ ๑๑๑๔ ปีกุน จัตวาศก ดังนั้นพญานักเลงเป็นเชื้อมาแต่พระเจ้ามักคะทะ ทรงพระนามว่าพญาตาก ลงมาหักรั้งตั้งเมืองใหม่ที่ทนทะบูรีย มีช้างเผือกพังช้างหนึ่งเป็นเมืองใหญ่ตั้งแต่กระทำสึกอยู่ทั่วทิศ จึงได้พระปฎิมากรแก้วมอระกฏมาแต่เมืองสตะหะ ได้กู้พระศาสนาได้ ๑๓ ปี แล้วพระพุทธศาสนามืดมนไป ๓ ปี พระองค์อยู่ในสมบัติได้ ๑๖ ปีด้วยกัน เมื่อพระพุทธศักราชล่วงไปได้ ๒๒๕๘ พระวษา จุลศักราชได้ ๑๐๓๐ ปีขาล สัมฤทธิศก"
(สมุดไทยเรื่องพงศาวดารเหนือเลขที่ ๔๗)
ไม่ได้มีแค่พงศาวดารเหนือฉบับที่ ๔๗ ฉบับเดียวที่มีข้อความนี้แต่มีอีก ๓ ฉบับที่มีข้อความแบบเดีียว
ถ้าจะพิจาณาจะเห็นว่าเหตุการณ์และศักราชในพงศาวดารเหนือค่อนข้างสับสนหลายเรื่อง ไม่เฉพาะเรื่องนี้เรื่องเดียว
หากจะพิจารณาแต่เนื้อความล้วน ผู้ชำระพงศาวเหนือทั้ง ๔ ฉบับกลับระบุตรงกันว่าสมเด็จพระเจ้ากรุงธนบุรีสืบเชื้อสายมาจากพระเจ้าามักคะทะ
พระเจ้ามักคะทะคือใครก็ตอบยาก
ดูไปก็คล้ายพระเจ้ามะกะโทและพระเจ้ามะกะตา พระเจ้าแผ่นดินมอญของอาณาจักรหงสาวดีเช่นกัน
เหมือนจะบอกว่าทรงมีเชื้อสายมอญด้วยทำนองนั้น
หรือมักคะทะ จะมาจากคำว่า มคธ ที่คนไทยสมัยก่อนบางครั้งก็เรียกจีนว่าราชคฤห์ อันเป็นเมืองหลวงของแคว้นมคธ (นิราศพระยามหานุภาพไปเมืองจีน-แต่งสมัยกรุงธนบุรี) บางที่ก็เรียกว่าคันธาเรศ (คันธาร-คำให้การชาวกรุงเก่า)
เพื่อจะสื่อว่าทรงมีเชื้อสายจีนก็เป็นได้
อ้างอิง
1.กรมศิลปากร, ๒๔๘๐. ประชุมพงศาวดาร ภาคที่ ๖๖. พระนครฯ: โรงพิมพ์เดลิเมล์, พิมพ์แจกในงานประชุมเพลิงศพ นางละม่อม เศรษฐบุตร ณ วัดจักรวรรดิราชาวาส วันที่ ๒ ธันวาคม ๒๔๘๐.
2.กรมศิลปากร, ๒๕๕๐. เกร็ดความรู้จากประชุมพงศาวดาร ฉบับกาญจนาภิเษก. กรุงเทพฯ: สำนักวรรณกรรมและประวัติศาสตร์ กรมศิลปากร.
ที่มาภาพปก Watkongdin team/Wikimedia Commons
โฆษณา