เติมทะเลฤดูหนาว จิบมัทฉะน้ำมะพร้าว กับชีวิตที่รีเซ็ตที่ปราณบุรี
ปราณบุรีเป็นจุดหมายปลายทางแรกที่ถูกปักหมุดไว้สำหรับการพักผ่อนที่ตั้งใจว่าขอสงบ ๆ หน่อย หลังจากที่ทำงานจนหมดไฟ ตั้งเป้าว่า จะ “พัก” และ “ผ่อนคลาย” เลยใช้เวลากับการเลือกที่พักที่จะช่วยให้ได้พักผ่อนจริง ๆ หลังจากที่หาข้อมูลที่พัก สิ่งอำนวยความสะดวก ทำเล และราคา รวมทั้งรีวิวก็ตัดสินใจเลือก Wyndham Hua Hin Pranburi Resort เพราะโลเคชั่นล้อมรอบไปด้วยต้นไม้ต่าง ๆ นานา ที่สำคัญที่พักติดทะเล นอกจากนี้ สนามเทนนิสและสปาก็เป็นอีกเหตุผลที่ทำให้เราเลือกพักที่นี่
ให้ดงมะพร้าวฮีลใจ
เช็คอินแล้วก็เหมือนเราได้เข้าไปอยู่ในสวนร่มรื่น โดยเฉพาะต้นมะพร้าวและต้นตาลที่เป็นซิกเนเจอร์หนึ่งของปราณบุรี ชงโคออกดอกสีชมพูเต็มต้น ต้นมะขามสูงใหญ่ลูกดกห้อยเป็นพวง มองไปทางไหนก็เขียว เงียบสงบ เมื่อเดินสำรวจไปรอบ ๆ ก็จะมีทั้งมุมอ่านหนังสือ ทางขี่จักรยาน และสนามเทนนิสหลายคอร์ต ว่าแล้วก็รีบจองคิวน็อกเกอร์เทนนิสก่อนเลย เพราะตอนที่จอดรถก็เห็นคนมาตีเทนนิสกันเนือง ๆ
ได้คิวช่วง 9 โมงเช้า ช่วงบ่าย ๆ ถึงเย็นคิวน็อกเกอร์เต็มหมดแล้ว ด้วยความอยากกลับมาตีเทนนิสอีกครั้งเลยคอนเฟิร์มนัดไป ยอมตื่นเช้าเพื่อมาเติมพลังก่อนออกกำลังกายทั้งที่ใจอยากนอนตื่นสายใจจะขาด ถ้าใครไม่อยากตีเทนนิส ก็เช่าจักรยานขี่ข้างในรีสอร์ตหรือชมวิวข้างนอกก็ได้ ลานเปตองก็มี แต่ไม่ได้ถามว่าเปิดให้บริการอะไรยังไง
สนามเทนนิสหลายคอร์ตตั้งอยู่ใกล้กับโซนยิงธนูและ Dog Playpark
ตอนเย็น ๆ ออกมาขับรถดูวิวริมทะเลแล้วมาจบที่สตรีทฟู้ดใกล้ ๆ กับที่พัก พ่อค้าแม่ค้าตั้งแผงขายอาหารกันคึกคักพอสมควร บรรยากาศเป็นกันเอง มีที่จอดรถทั้งสำหรับมอเตอร์ไซค์และรถยนต์ เราลอง “ปลาจับไม้”หรือที่ภาษาถิ่นเรียกว่า แจงลอน คล้าย ๆ ห่อหมกผสมทอดมันแบบย่าง
แล้วก็แน่นอนของโปรด “ปลาหมึกย่าง” มีหลายขนาดให้เลือก เราเลือกแบบ 3 ตัวร้อย พ่อค้าแถมให้อีก 1 ตัว ระหว่างรอปลาหมึกย่างก็สอยข้าวเหนียวมะม่วงมา 1 กล่อง ที่เด็ดสำหรับเราแต่ไม่ได้ลองคือ หมูกะทะ ร้านจะขายเป็นชุดพร้อมเตา ราคาเป็นมิตร เห็นลูกค้าปูเสื่อนั่งกินหมูกะทะริมทะเลแล้วก็เออ การปล่อยจอยที่นี่เรียบง่าย ไม่ต้องยุ่งยากไขว่คว้าอะไรให้มันมากมาย
นี่ยังไง ดูความใสและสดของปลาหมึกสิ
ได้กล้วยไข่มาอีก 1 หวีลูกใหญ่ ๆ 25 บาท ตุนผลไม้ไว้บ้างเผื่อหิว แล้วกลับไปเอาปลาหมึกย่าง กินเข้าไปคำแรกอร่อยมากรู้เลยว่าปลาหมึกสด เราแอบเห็นว่า ตอนที่ย่าง พ่อค้าไม่ได้ชุบน้ำปรุงหรือซอสอะไรเลย ย่างกันสด ๆ แบบธรรมดา ๆ ด้วยความที่ปลาหมึกสดมากและพ่อค้าย่างเป็น ปลาหมึกย่างที่ได้จึงสุกกำลังดี เด้งด้วยฉ่ำด้วย กินกับน้ำจิ้มแซ่บเวอร์ ตอนกินส่วนที่ฉ่ำ ๆ ก็กลัวอยู่ว่าจะท้องเสียรึเปล่า ผลปรากฎรอดจ้า สมศักดิ์ศรีเมืองแห่งหมึกสดจริง ๆ
ส่วนแจงลอนก็เข้มข้นเหนียวหนึบอร่อย ยังมีข้าวโพดปิ้งที่เราเล็งไว้อีก ไว้วันหลังค่อยลอง แผงสตรีทฟู้ดสุดติ่งนี้เปิดทุกวัน ตอนเย็น ๆ ก็เห็นพ่อค้าแม่ค้าตั้งแผงให้ซื้อหากันแล้ว
หน้าตาแผงก็จะประมาณนี้
แผงจะตั้งอยู่ใกล้ ๆ กับลานนั่งพักผ่อนเลยตาล 3 ต้นขึ้นไปทางปากน้ำปราณ ไม่ว่าจะไปวันไหน เราก็จะได้เห็นทั้งคนปราณ นักท่องเที่ยวนั่งทานอาหารริมทะเลกันอย่างมีความสุข ข้างหน้าวิวทะเลแซมด้วยไฟสีเขียวจากเรือไดหมึก ช่วงที่เราไปพระจันทร์เต็มดวง แสงจันทร์สะท้อนคลื่นระยิบระยับ จิ้นกันเองนะว่า นั่งกินของอร่อย ๆ ราคาไม่แพงคืนนั้นจะฟินขนาดไหน
Full moon night
นอกจากจะมีสตรีทฟู้ดให้ได้เอ็นจอยแล้ว คาเฟ่และร้านอาหารทะเลสดแซ่บก็มีให้ได้ลองอีกตรึม บ้านเราชอบไปปราณเบเกอรี่ ร้านนี้เปิดมานานแล้วและอยู่ระหว่างทางไปเขากะโหลก แต่อยู่ฝั่งขวามือ มีที่จอดรถ ร้านจะตกแต่งง่าย ๆ สบาย ๆ แต่อาหารรสชาติไม่ธรรมดา พาสต้าดีงามมาก
ที่เราชอบอีกอย่างคือเวอร์จิ้นโมฮีโต้แบบที่ไม่ได้ใส่แอลกอฮอล แม่ครัวทุบน้ำแข็งใส่แก้วมาแบบเต็ม ๆ ไม่ได้ใช้น้ำแข็งแบบเป็นก้อน ๆ โมฮีโต้แก้วนี้เลยเย็นทั่วแก้ว ดื่มแล้วสดชื่นมาก ขากลับขับผ่านร้านนวดที่เปิดใกล้กับรีสอร์ตหลายร้านเลยตั้งใจว่า จะมาลองดูซักร้าน
คาโบนาร่า vs เวอร์จิ้นโมฮีโต้โนแอล
ถึงแม้ว่า จะมาพักผ่อน แต่การออกกำลังกายก็เป็นอีกรีชาร์จอย่างหนึ่งของเรา หลังจากที่ทานอาหารเช้าเรียบร้อย เราก็มาเดินเล่นรอให้อาหารย่อยรอน็อกเกอร์ เจอนกสีน้ำตาลปีกลายสีดำพาดขาว หัวตั้ง ๆ ปากแหลม ๆ เดินจิกหนอนแมลงกินอย่างสุขใจอยู่ 2 ตัว เราก็กลัวนกจะตกใจบินหนี เลยเดินเงียบ ๆ ถ่ายรูปจากระยะไกล น้องก็เห็นเรานะ แต่น้องก็เดินง่วนจิกแมลงต่อ ไม่สนใจมนุษย์อย่างเรา
นกกะรางหัวขวาน
อยู่ ๆ ไปก็เจอนกกินปลาอีก ไม่สนใจมนุษย์เหมือนกัน เลยรู้ว่า นกที่นี่ชินกับคนทั้งแขกที่มาพักและพนักงาน น้องเลยวางใจ หากินแบบชิล ๆ ลองเสิร์ชดูแล้ว น้องผมทรงโมฮ็อกคือนักกะรางหัวขวาน สรุปเราเจอน้องตอนเช้าทุกวันเลย
ตัวนี้ก็เจอกันทุกวัน เค้าตั้งใจจับปลามากจนไม่สนว่าใครจะถ่ายรูปตัวเอง
หลังจากดูนกแล้วก็มานั่งรอน็อกเกอร์ ซึ่งพึ่งดูแลแขกชุดแรกเสร็จ นั่นหมายความว่า แขกที่มาเล่นเทนนิสก่อนเราเค้าตีรอบ 8-9 โมง “ตื่นเช้าจัง” เสียงในหัวกล่าวเบา ๆ แล้วก็มาถึงคิวเรา น็อกเกอร์ถามข้อมูลแล้วลองให้ตี สรุป น็อกเกอร์ปรับท่าแล้วป้อนลูกให้ตี เหนื่อยก็พัก ตีเสร็จบอกเลยว่าเหนื่อยแท้เหลา กลับมาอาบน้ำแล้วนอนต่ออีกพักใหญ่
น้องนกโผล่มาตอนเรานั่งเพลิน ๆ จนเกือบจะหลับ ลืมตามาเห็นน้อง รีบหยิบมือถือมาถ่ายรูป
ตอนบ่ายออกไปหาข้าวทาน เล็งร้านเจ๊แมวไว้ เพราะเห็นป้าย Users’ Choice Awards ที่ติดหน้าร้าน จะว่าไปรางวัลแบบนี้ดีนะทำให้คนต่างถิ่นได้ลองอาหารอร่อย ๆ ขนาดไปถึงตอนบ่ายก็ยังมีลูกค้านั่งทานอยู่ เราลองหมึกไข่ต้มหวาน เมนูโปรดของเราเวลามาทะเลปราณ แล้วก็แกงส้มพริกสดปลาเก๋าใส่ยอดมะพร้าว
หมึกไข่ต้มหวาน
ระหว่างรอก็เห็นรถมอเตอร์ไซค์พ่วงเข้ามาจอดหน้าร้านแล้วเจ๊แมวก็เดินออกไป แม่ค้าปลาเอาปลาทูสดมาส่งนี่เอง เราเห็นเจ๊แมวเลือกปลาเองกับมือแล้วให้เด็กเอาไปเก็บหลังร้าน เห็นแล้วก็นึกถึงหนังแอนิเมชันเรื่อง Ratatouille ที่เชฟมักจะมีวิธีที่ทำให้ได้มาซึ่งของสด ๆ จากพ่อค้าแม่ค้าเจ้าประจำที่รู้จักกันดีและเป็นเคล็ดลับของความอร่อย เราเลยตั้งใจว่า จะมากินปลาทูจากน้องแม่ค้าคนสวยที่ร้านเจ๊แมวอีกครั้ง
แกงส้มพริกสดรสจัดจ้านได้ใจ โรยหน้าด้วยใบกระเพราแบบแกงส้มแถบนี้ ส่วนหมึกไข่ก็หวานเค็มกำลังดี ทานแก้เผ็ดแกงส้มได้เลย ตรงกันข้ามร้านเจ๊แมวเป็นร้านขายของทะเลตากแห้งชื่อร้านป้าแก้ว มีทั้งปลาหมึกบด ปลาหมึกตัวเล็กตัวใหญ่ตากแห้ง กุ้งแห้ง ขนมปังชีสไส้สับปะรดกวนขาย แถมยังรับ “คนละครึ่งพลัส” อีกด้วย
มัทฉะน้ำมะพร้าวและบาสก์เบิร์นชีสเค้ก
กินเผ็ดแล้วก็ต้องมาต่อด้วยของหวาน ขับรถผ่านป้ายรูปแก้วมัทฉะและอเมริกาโน่ร้านอิ่มสุขรีสอร์ตหลายครั้ง แล้วคราวนี้ก็ได้เวลาเติมมัทฉะ เราเลือกนั่งส่วนที่เป็นห้องแอร์ติดกระจกใสเห็นวิวทั้งสวนทั้งทะเล ร้านอยู่ติดกับป้ายและลานเต้นแอโรบิกแหลมเกด เราสั่งมัทฉะน้ำมะพร้าวมาลอง ดื่มแล้วก็ให้ตาลุกวาว มัทฉะดีมาก ไม่คิดว่าจะได้มาจอยกับมัทฉะดี ๆ ที่ปราณบุรี
จากนั้นเราก็ไปหาร้านนวดแถว ๆ รีสอร์ตที่ตั้งอยู่ทางไปเขากะโหลก เลือกเอาร้านที่มีที่จอดรถ นวดอโรม่าออยล์ไป 1 ชั่วโมง 350 บาท น้องหมอนวดนวดดีมาก จากที่ตีเทนนิสแขนตึงขาตึง อาการปวดเมื่อยของผู้สูงวัยก็ดีขึ้นทันตาเห็น ที่ดีคือ โชคดีเจอน้องหมอนวดที่เราไม่ต้องบอกเลยว่าหนักหรือเบา ถามไปถามมาได้ความว่า น้องเคยทำงานที่สปาแถวสยามมาก่อน แต่อยู่เมืองกรุงวุ่นวายเลยย้ายมาอยู่ปราณ นวดเสร็จก็มีน้ำขิงอุ่น ๆ มาเสิร์ฟให้ด้วย
ตอนเย็นเราเลือกเดินออกกำลังกายริมทะเล ช่วงที่เราไปเข้าฤดูหนาวแล้ว 6 โมงเย็นก็เริ่มมืด เดินเสร็จก็แวะสตรีทฟู้ดต่อ คราวนี้ลองข้าวโพดปิ้ง โรตี ปลาหมึกย่างร้านเดิม ข้าวเหนียวมะม่วง นั่งกินริมทะเล ดูเรือไดหมึกเปิดไฟสีเขียวไป จอยมาก
ลืมบอกไปว่า การมาพักผ่อนที่ดี อาหารที่ดีก็มีส่วน ไลน์อาหารเช้าที่ Wyndham ดีงาม เมนูหลากหลาย ที่เราชอบคือโยเกิร์ตโฮมเมดใส่ถ้วยเล็ก ๆ แช่ตู้เย็นไว้มีหลายรสกับน้ำผลไม้สกัดใส่ถ้วยแช่ตู้ไว้เหมือนกัน อีกถ้วยโปรดของเราคือมูสลีแช่นมท็อปปิ้งลูกเกตุ อร่อยมากมาย โซนขนมปังก็มีหลายแบบให้เลือก เราชอบที่เค้าเอารวงผึ้งมาตั้งแล้วมีรางรองน้ำผึ้งใส่ถ้วยให้แขกที่เข้าพักตักตามใจชอบ จะตักรังผึ้งมาทานด้วยก็ได้ ใกล้ ๆ กันมีป้ายบอกประโยชน์ของน้ำผึ้ง เลยลองปิ้งฟอคคาเชียและตักเค้กกล้วยหอมราดน้ำผึ้งดู อร่อยดีแฮะ
มูสลีแช่นมและน้ำผลไม้สกัด
อย่างที่บอกไปว่า จะไปซ้ำร้านเจ๊แมวเพื่อกินปลาทูและลองเมนูอื่น ๆ แต่ปรากฎว่า ร้านปิด เลยได้ลองข้าวหน้าปูร้านแม่ผ่องศรี ปากน้ำปราณแทน เมนูดังคือขนมจีนน้ำยาปู แต่เราอยากกินข้าวเลยสั่งเมนูข้าวหน้าปูไป บรรยากาศร้านร่มรื่น มีเก้าอี้ไม้น่านั่ง มีที่จอดรถริมถนนเลย
เนื้อปูแน่น ๆ
ตอนบ่ายแวะอิ่มสุขเติมมัทฉะน้ำมะพร้าวอีกรอบ คราวนี้ได้เจอน้องลูกเจ้าของร้าน วันนี้น้องทำเรนโบว์เครปเค้ก เราเลยสั่งมาลอง นั่งทานไปอ่านหนังสือไป จอยมาก มัทฉะหมดก็สั่งชาร้อนมา ร้านก็มีชา Twinings ให้เลือกหลายรสชาติ เสิร์ฟมาเป็นกา พร้อมถ้วยชา ชิลมากอะ น้องลูกสาวเจ้าของอิ่มสุขฯตั้งใจทำขนมและยังเป็นคนเลือกมัทฉะเองอีกด้วย เค้กที่ร้านอร่อยเลยล่ะ ที่สำคัญคือหวานกำลังดี ตอนมาลองก็ไม่ได้คาดหวังอะไร แต่ผลลัพธ์ที่ได้คือเกินความคาดหวัง
วิวสวนที่อิ่มสุข
ตอนเย็นนัดน็อกเกอร์ตีเทนนิสอีกรอบ สนุกมาก น็อกเกอร์ปรับท่าและให้ลองตีหลายแบบ เลือดลมสูบฉีดดีมาก กว่าเหงื่อจะแห้งใช้เวลาพักใหญ่เลย และกว่าจะอาบน้ำอาบท่าเสร็จก็มืดค่ำ ไม่อยากออกไปไกล ลองทานอาหารค่ำที่อิ่มสุขดู ด้านนอกมีลูกค้ามานั่งจิบเบียร์ บรรยากาศดีลมเย็นสบาย
เรานั่งห้องแอร์ตามเคย ด้วยความที่มาเติมมัทฉะร้านน้องทุกวัน พนักงานเสิร์ฟเลยแนะนำอาหารเซ็ตให้มีจานหลักเป็นพวกข้าวราดผัดกระเพราต่าง ๆและเครื่องดื่ม เราเลือกกระเพราทะเลและแกงป่าปลาทรายแต่ขอเผ็ดน้อย สั่งน้ำแตงโมปั่น เซ็ตนี้ 250 บาท ทางร้านแถมมะละกอมาให้อีก 1 จาน
ข้าวกระเพราทะเล กุ้งและปลาหมึกเด้งมาก
สำหรับคนรักทะเลอย่างเรา มาทะเลแล้วจะไม่ลงทะเลก็เหมือนขาดอะไรไป ถ้าใครมาปราณ แนะนำให้ขับรถไปทางเขากะโหลกแล้วขับไปเรื่อย ๆ จะได้เห็นวิวทะเลหลังเขาที่สวยงามและเงียบสงบมาก มีร้านกาแฟและที่พักที่น่าลองอยู่หลายที่เหมือนกัน ทะเลหน้าหนาว คลื่นดี แดดแจ่ม เราเลือกลงทะเลที่หาดเขากะโหลก เช่าเก้าอี้ผ้าใบมานั่งมองทะเล สั่งน้ำมะพร้าวมากิน เดินเล่นถ่ายรูปสำรวจหาดริมเขา เล่นน้ำโต้คลื่นทะเล อย่างจอย เลือกมาวันธรรมดาด้วยนะ ความจอยจะได้เบิ้ลไปอีก
หาดเขากะโหลก อีกรูปเป็นอีกหาดติดกันที่มีนักไคท์เซิร์ฟมาเล่นกันเยอะ
ขากลับกรุงเทพฯ ไม่วายได้จอยอีกอย่างกับทุเรียนหมอนทองป่าละอูนอกฤดู หมอนทองป่าละอูเป็นทุเรียนอีกพันธุ์ที่รสชาติไม่หวานเกินไป เนื้อเนียนแน่น พ่อค้าแม่ค้าวางขายข้างทางอยู่หลายแผงเหมือนกัน สายทุเรียนแวะจอดได้เลยมีทั้งแบบแกะใส่กล่องกับแบบลูกให้เลือก
หมอนทองป่าละอูนอกฤดู
สุดท้ายแล้ว การเดินทางเพื่อรีเซ็ตหรือรีชาร์จ สิ่งที่เราต้องการก็แค่ช่วงเวลาสงบ ๆ เพื่อดูแลตัวเอง“ปราณบุรี”ตอบโจทย์นี้ได้อย่างลงตัว ทั้งความเรียบง่ายและบรรยากาศสงบนี่แหละฮีลใจ เหมาะสำหรับใครก็ตามที่ตุยจากใด ๆ หวังว่า ร้านรวงและกิจกรรมรีชาร์จคราวนี้ จะเป็นข้อมูลให้ได้ปักหมุดกัน ปีใหม่แล้วขอให้ทุกท่านมีความสุขกายสุขใจกันนะคะ
#ปราณบุรี #ปากน้ำปราณ #มัทฉะน้ำมะพร้าว
โฆษณา
- ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
- © 2025 Blockdit
