Blockdit Logo
Blockdit Logo (Mobile)
สำรวจ
ลงทุน
คำถาม
เข้าสู่ระบบ
มีบัญชีอยู่แล้ว?
เข้าสู่ระบบ
หรือ
ลงทะเบียน
สงคราม story
•
ติดตาม
28 ธ.ค. เวลา 12:31 • วิทยาศาสตร์ & เทคโนโลยี
จาก L-39 ถึง AT-6TH การส่งมอบหน้าที่การปกป้องท้องฟ้าเชียงใหม่ครั้งสำคัญ
“รักชาติไทย ใส่ใจโลก”
คำขวัญวันเด็กแห่งชาติพ.ศ.2569
สวัสดีครับท่านผู้อ่านทุกท่าน ช่วงนี้สถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา ก็น่าจับตาอยู่ ต่อให้หยุดยิงไปแล้วก็ยังคงไว้ใจกัมพูชาไม่ได้ ในขณะเดียวกันก็มีอีกหนึ่ง Event ที่น่าจับตามองไม่แพ้กันคืองานวันเด็กแห่งชาติพ.ศ.2569 หากท่านใดไปเที่ยวชมวันเด็กที่กองบิน 41 จังหวัดเชียงใหม่ ท่านจะพบกับเครื่องบินแบบหนึ่งที่ทุกท่านคุ้นเคยกันดี ส่วนอีกแบบคือผู้พิทักษ์น่านฟ้าน้องใหม่แห่งดินแดนล้านนา
เครื่องบินฝึกไอพ่น L-39 เดิมทีเคยทำหน้าที่โจมตีอากาศ ลาดตระเวนและฝึกนักบินเช่นเดียวกับเครื่องบินโจมตีขนาดเบา AT-6TH ที่พึ่งมาประจำการ ณ กองบิน 41 เชียงใหม่ได้เกือบ 2 ปีแล้ว วันนี้ทุกท่านจะรู้ที่ไปที่มาของ L-39 ว่ามีความเป็นมาอย่างไร แล้วทำไมจึงไม่ได้กลับมาบินบนฟ้าในปัจจุบัน แล้วผู้สานต่ออย่าง AT-6TH มีสมรรถนะอย่างไร ขอเชิญทุกท่านติดตามเนื้อหาต่อไปนี้ครับ
ย้อนกลับไปเมื่อพ.ศ.2534 กองทัพอากาศไทยยังคงใช้เครื่องบินฝึก T-33 สำหรับนักบินที่จะไปขับเครื่องบินรบทุกแบบรวมถึง F-16 ที่มีสมรรถนะสูงมากที่สูงในยุคนั้น จึงได้จัดหาเครื่องบินฝึกไอพ่น Aero L-39 Albatros จากบริษัท แอโร โวโดโชดาย เนชันแนล ประเทศเชโกสโลวาเกีย เพื่อนำมาใช้ฝึกบินทดแทน T-33 ที่โครงสร้างเริ่มอ่อนล้าไปตามกาลสมัย
ก่อนหน้าที่จะมี T-50TH L-39 ใช้ฝึกนักบินที่จะไปขับ F-16 ที่สมรรถนะสูงกว่า
เครื่องบิน L-39 เป็นเครื่องบินเจ็ตฝึกมาตรฐานสำหรับกองทัพอากาศในกลุ่มประเทศกติกาสนธิสัญญาวอร์ซอ ซึ่งรุ่นในกองทัพอากาศไทยจะใช้ชื่อว่า L-39ZA/ART โดยกำหนดชื่อทางราชการเป็น “เครื่องบินขับไล่และฝึกแบบที่ 1” หรือ “บ.ขฝ.1” โดยได้รับการปรับปรุงให้มีขีดความสามารถในการใช้อาวุธแบบตะวันตกโดยอิสราเอล (IAI) อาทิ ระบบการใช้อาวุธ จรวดนำวิถีอากาศสู่อากาศ แบบ AIM-9 ไซด์ไวด์เดอร์ และลูกระเบิดแบบต่างๆ ที่มีใช้อยู่ในกองทัพอากาศ เพื่อใช้เป็นเครื่องบินฝึกนักบินขับไล่ (Fighter Lead-In Trainer) ที่จะไปทำการบินกับ F-16
วันที่ 17 ธันวาคมพ.ศ.2534 ครม.ได้อนุมัติให้กองทัพอากาศจัดซื้อเครื่องบินฝึกไอพ่น L-39 ZA/ART จำนวน 36 เครื่อง พร้อมทั้งอะไหล่ บริภัณฑ์ภาคพื้น และเครื่องช่วยฝึก โดยแผนเดิมนั้น กองทัพอากาศไทยมีความต้องการเครื่องบินแบบดังกล่าว 50-60 เครื่อง เพื่อบรรจุประจำการใน 5 ฝูงบิน แต่รัฐบาลขณะนั้นตัดงบประมาณลงดังกล่าวเพื่อความเหมาะสมตามสภาวะเศรษฐกิจ
ทั้งนี้ในช่วงระหว่างวันที่ 22-26 กันยายน พ.ศ.2536 ซึ่งกระทรวงกลาโหม ร่วมกับ บริษัท ชินเป้า แอนด์ เซมส์ (ประเทศไทย) จำกัด จัดนิทรรศการและการแสดงการบิน “THAI AIRSHOW’93” ณ ฐานบินกำแพงแสน โรงเรียนการบิน บริษัทผู้ผลิตได้ส่งเครื่องบินเครื่องแรกหมายเลข 10111 มาร่วมแสดง และทำการบินสาธิตในงาน
ปี พ.ศ. 2537 กองทัพอากาศทำการรับมอบและบรรจุประจำการเครื่องบินฝึก L-39 ZA/ART จำนวน 36 เครื่อง (ภายหลังจัดซื้อเพิ่มเติมอีก 4 เครื่อง) โดยรับมอบชุดสุดท้ายเมื่อวันที่ 2 ธันวาคม พ.ศ.2537 เครื่องบินทั้งหมดแบ่งเข้าบรรจุประจำการในฝูงบิน 101, ฝูงบิน 102 กองบิน 1 นครราชสีมา และฝูงบิน 401 กองบิน 4 ตาคลี นับตั้งแต่นั้นเป็นต้นมามีนักบิน L-39 จำนวนมากที่ได้ทำการบินกับ F-5 , F-16 รวมถึง Gripen จากการฝึกบินกับเครื่องบินแบบนี้ในฐานะที่เครื่องบินฝึกแบบดังกล่าวได้รับการยกย่องให้เป็นครูของนักบินรบ
ช่างเครื่อง L-39 ถ่ายรูปหมู่
นอกจาก L-39 จะปฏิบัติหน้าที่ฝึกนักบินขับไล่พร้อมรบสำหรับการเตรียมตัวก่อนบิน F-16 แล้ว ฝูงบิน 401 กองบิน 4 และ ฝูงบิน 411 กองบิน 41 ยังคงปฏิบัติหน้าที่ค้นหาและช่วยชีวิตในพื้นที่การรบ เข้าร่วมการฝึก COBRA GOLD และ COPE TIGER โดยมีผลงานเด่นในการได้รับรางวัลชนะเลิศในหลายประเภทของการแข่งขันการใช้อาวุธทางอากาศ ตั้งแต่ปี 2537 ปีแรกที่ประจำการมาจนถึงปีพ.ศ.2563
หลังจากใช้งานมานาน กองทัพอากาศได้ทำการปรับปรุงเครื่องบิน L-39 โดยบริษัทอุตสาหกรรมการบินไทย เพื่อยืดอายุการใช้งานออกไปอีก 10 ปี เพื่อรอนำเครื่องบินฝึกรุ่นใหม่จากเกาหลีใต้ T-50TH เข้ามาทดแทน L-39 ที่เก่าและประจำการมานานกว่า 20 ปี เมื่อ T-50TH เข้าประจำการครบ 16 เครื่อง ก็มีการโอนย้าย L-39 ของฝูง 401 ที่เหลือทั้งหมดไปรวมกับฝูง 411 ที่กองบิน 41 จ.เชียงใหม่ โดยประจำการอยู่ในฝูงบินขับไล่ยุทธวิธี 411
วันที่ 31 มีนาคม พ.ศ.2564 คำว่า ''งานเลี้ยงย่มมีวันเลิกรา" ได้เกิดขึ้นจริงเมื่อครูของบรรดานักบินไอพ่นถึงเวลาต้องปลดประจำการ เครื่องบินฝึกไอพ่น L-39ZA/ART สังกัดฝูงบิน411 กองบิน 41 เชียงใหม่ จำนวน 2 เครื่องได้แก่ หมายเลข 41111 และ 41120 ได้ทำการบินครั้งสุดท้าย
หลังจากที่ลงจอดและได้รับการสลุตด้วยเครื่องฉีดน้ำดับเพลิง เครื่องบินฝึก L-39 หมายเลข 41111 และ 41120 ได้ถูกนำมาจอดแสดงร่วมกับ L-39ZA/ART หมายเลข 41122, 41125 และ 41130 ซึ่งทั้งหมดเป็น 5 เครื่องสุดท้ายที่ประจำการในฝูงบิน411 แต่ทว่านี่ไม่ใช่การปิดตำนานฝูงบินรบหลักแห่งล้านนา
ฝูงบิน 411 ได้รับมอบเครื่องบินโจมตีขนาดเบาใบพัด Beechcraft AT-6TH Wolverine ทดแทน L-39ZA/ART ในปีพ.ศ.2567 จากที่ถูกใครต่อใครด้อยค่าว่าทำไมไม่ไปซื้อเครื่องบินขับไล่ ทำไมต้องซื้อเครื่องบินยุคสงครามโลก AT-6TH ได้ลบคำสบประมาทออกไปจากการรบกับกัมพูชาครั้งล่าสุด
เครื่องบินโจมตีเบา AT-6TH (เอทีซิกส์ทีเอช)
สำหรับขีดความสามารถของ AT-6TH ที่มาบรรจุประจำการทดแทน L-39 ฝูงบิน 411
นั้นคือก้าวสำคัญในการเสริมสร้างขีดความสามารถของกองทัพอากาศ เพื่อภารกิจที่หลากหลาย อาทิการโจมตีทางอากาศ การลาดตระเวนติดอาวุธ การช่วยเหลือค้นหาและกู้ภัย การสนับสนุนภาคพื้นดิน การปราบปรามยาเสพติดและป้องกันชายแดน
ไม่เพียงแต่ด้านการทหารเครื่องบินแบบนี้ยังเหมาะสมในด้านการบูรณาการร่วมกับหน่วยงานอื่นเพื่อช่วยเหลือประชาชนในยามปกติสุข เช่น ควบคุมไฟป่าและบรรเทาสาธารณภัย สะท้อนถึง ความพร้อม และความร่วมมือไทย–สหรัฐฯ ในการปกป้องอธิปไตยและสร้างความมั่นคงให้แก่ชาติ
เครื่องบินโจมตีขนาดเบา AT-6TH (เอทีซิกส์ทีเอช) มีความทันสมัยอย่างมากด้วยด้วยห้องนักบิน digital Glass Cockpit โดยมีจอดแสดงผลอเนกประสงค์สี และจอภาพตรงหน้า(HUD: Head-Up Display) ใช้คันบังคับและคันเร่งแบบ HOTAS(Hands on Throttle-and-Stick) เหมือนเครื่องบินขับไล่ F-16 ระบบ Avionic และระบบควบคุมอาวุธเช่นเดียวกับที่ใช้เครื่องบินโจมตี A-10C และขีดความสามารถการใช้ระบบอาวุธความแม่นยำสูงต่างๆ
รวมถึงระเบิดนำวิถี Laser Paveway II และ LIZARD III, จรวดอากาศสู่พื้นนำวิถี APKWS และอาวุธปล่อยนำวิถีอากาศสู่พื้น AGM-114 Hellfire รวมถึงจรวดนำวิถีที่จะพัฒนาในไทยและอาวุธปล่อยนำวิถีอากาศสู่อากาศ IRIS-T เครื่องบินโจมตีเบา AT-6TH ยังมีระบบ datalink ถึงสามแบบทั้ง Video Downlink, LINK TH และ AERONet
นักบิน AT-6TH รุ่นแรกมีการคัดเลือกนักบิน F-16 และนักบิน Alpha Jet ไปทำการฝึกบินที่อเมริกา
ในปีพ.ศ.2568 เครื่องบินโจมตีแบบที่ 8 บ.จ.8 หรือที่คุ้นเคยกันดีในชื่อ AT-6TH Wolverine ได้มีการฝึกนักบินพร้อมรบและมีส่วนร่วมในการปฏิบัติการทางทหารต่างๆของกองทัพไทยอย่างต่อเนื่อง ตั้งแต่การสนับสนุนการดับไฟป่าและการตรวจการณ์ชายแดนทางภาคเหนือและภาคตะวันตกของไทยซึ่งจนถึงปัจจุบันสถานการณ์สงครามกลางเมืองในพม่าระหว่างกองทัพพม่ากับกองกำลังกลุ่มต่อต้านรัฐบาลพม่าและกลุ่มชาติพันธุ์ต่างๆยังคงมีความรุนแรงสูงอย่างต่อเนื่องแม้ว่าจะไม่ปรากฎข่าวในสื่อหลักนัก
ผลงานเด่นของเครื่องบินโจมตีขนาดเบา AT-6TH Wolverine นั่นคือการมีส่วนร่วมในการปะทะกรณีข้อพิพาททางพรมแดนระหว่าไทยและกัมพูชาทั้งรอบแรกในเดือนกรกฎาคมและรอบ 2 ที่บานปลายเป็นสงคราม นี่เป็นการยืนยันต่อนานาชาติได้ว่ากองทัพอากาศไทยเป็นผู้ใช้งานรายแรกที่นำเครื่องบินโจมตีเบา Wolverine ไปใช้ในการรบจริง
โดยที่มีที่ตั้ง ณ กองบิน 41 เชียงใหม่ ในการทดแทนเครื่องบินขับไล่และฝึกแบบที่1 บ.ขฝ.1 L-39ZA/ART ที่ปลดประจำการจากฝูงบิน411 ไปในปี พ.ศ.2564
ข้อดีเพิ่มเติมของเครื่องบินโจมตีเบา AT-6TH นั้นคือขณะทำการบินมีเครื่องยนต์ความเงียบมาก จึงสร้างมลภาวะทางเสียงรบกวนน้อยกว่าและประหยัดค่าใช้จ่ายกว่าเครื่องบินรบเครื่องยนต์ไอพ่น ทั้งยังติดตั้งระบบตรวจจับและการป้องกันตนเองที่ล้ำสมัยสามารถใช้อาวุธนำวิถีความแม่นยำสูงจากระยะไกล
ช่างเครื่องฝูงบิน 401 ยืนคู่กับ L-39
⏩ข้อมูลจำเพาะ L-39
ผู้สร้าง : บริษัท แอโร โวโดโชดาย เนชันแนล (เชคโกสโลวาเกีย)
ประเภท : เครื่องบินฝึกไอพ่นขั้นต้น 2 ที่นั่งเรียงกัน
นักบิน : 2 นาย
เครื่องยนต์ : เทอร์โบแฟน วอร์เธอร์ ไตตัน (ลีฟเชนโก เอแอล-25 ทีแอล) ให้แรงขับ 1,720 โลกรัม 1 เครื่อง
กางปีก : 9.45 เมตร
ยาว : 12.32 เมตร
สูง : 4.72 เมตร
พื้นที่ปีก : 18.80 ตารางเมตร
น้ำหนักเปล่า : 3,330 กิโลกรัม
น้ำหนักรวมปกติ : 4,570 กิโลกรัม
น้ำหนักวิ่งขึ้นปกติ : 5,270 กิโลกรัม
ความเร็ว : 700กิโลเมตร/ชั่วโมง ที่ระดับน้ำทะเล
780 กิโลเมตร/ชั่วโมง ที่ระยะสูง 6,000 เมตร
อัตรเร็วเดินทาง : 680 กิโลเมตร/ชั่วโมง ที่ระยะสูง : 5,000 เมตร
อัตราไต่ขั้นต้น : 22 เมตร/วินาที
เพดานบินใช้งาน : 11,500 เมตรภายในลำตัวเมื่อใช้เชื้อเพลิง
พิสัยบินไกลสุด : 850 กิโลเมตร
น้ำหนักภายในลำตัว :
1,600 กิโลเมตร เมื่อติดตั้งถังเชื้อเพลิงอะไหล่ขนาด 350 ลิตร 2 ถัง
อาวุธ : อาวุธปล่อยอากาศสู่อากาศ
กระเปาะจรวดขนาด 57 มม. กระเปาะละ 16 นัด 2 กระเปาะ
สามารถติดตั้งปืนใหญ่อากาศ ขนาด 23 มม. 1 กระบอก และลูกระเบิดขนาดต่างๆ ที่ใต้ปีก 4 ตำบล รวมเป็นน้ำหนัก 1,100 กิโลกรัม
L-39 ฝูงบิน 401 กองบิน 4 ตาคลี
⏩ข้อมูลจำเพาะ AT-6TH
ประเภท : เครื่องบินโจมตีใบพัดขนาดเบา
นักบิน : สองนาย
ความยาว : 10.16 ม.
ความกว้างช่วงปีก : 10.40 ม.
ความสูง : 3.25 ม.
พื้นที่ปีก : 16.60 ตร.ม.
น้ำหนักตัวเปล่า : 2,671 กก.
น้ำหนักสูงสุดในการขึ้นบิน : 4,536 กก.
ความจุถังเชื้อเพลิงภายใน : 677.5 ลิตร (149 แกลลอน)
เครื่องยนต์ : เทอร์โบพร็อป PT6A-68D ให้กำลัง 1,600 แรงม้า (1,193 กิโลวัตต์)
ตัวขับเคลื่อน : ใบพัดสี่แฉก เส้นผ่าศูนย์กลาง 2.46 เมตร
ความเร็วสูงสุด : 586 กม/ชม.
พิสัยบินไกลสุด (เมื่อติดตั้งถังเชื้อเพลิงภายนอก) : 3,194 กม.
เพดานบิน : 31,000 ฟุต (9,449 ม.)
ตำบลติดอาวุธ: 7 จุด น้ำหนักภารกรรมบรรทุก 1,864 กก. (4,110 ปอนด์)
กระเปาะปืนกลอากาศ FN HMP-400 ขนาด .50cal ความจุ 400 นัด
ระเบิดนำวิถีด้วยเลเซอร์
ระเบิดไม่นำวิถี
กระเปาะจรวด LAU-131/A สำหรับจรวดอากาศสู่พื้นไม่นำวิถี Hydra 70
มิสไซล์อากาศสู่พื้น AGM-114 เฮลไฟร์
ขีปนาวุธอากาศสู่อากาศ
แม้นเสียง AT-6TH จะเงียบกว่า L-39 หน้าที่การปกป้องน่านฟ้าไทยก็ยังคงไม่ลดลงไปตามยุคสมัย
จาก L-39 สู่ AT-6TH ถือว่าเป็นการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ของฝูงบินโจมตีฝูงสำคัญของกองทัพอากาศไทยอย่างฝูงบิน 411 กองบิน 41 เชียงใหม่ หากสนใจความวินเทจท่านสามารถไปเยี่ยมชม L-39 ตัวจริงที่จอดตั้งแสดงได้ที่กองบิน 4 ตาคลี กองบิน 41 เชียงใหม่ และพิพิธภัณฑ์กองทัพอากาศ สำหรับท่านใดที่รอติดตามชมลีลาการบินของ AT-6TH อย่าลืมไปรับชมได้ที่กองบิน 41 เชียงใหม่ กองบิน 6 ดอนเมือง และฝูงบิน 416 เชียงราย กันเยอะๆนะฮะ
สุดท้ายนี้ขอฝากถึงท่านผู้อ่านที่มีบุตรหลานทุกท่านว่า ถ้าท่านพลาดงานนี้ ก็ต้องรออีกทีปีต่อไป ส่วน AT-6TH บินโชว์โดนใจเด็กหรือไม่ จึงขอเชิญชวนให้ไปรับชมตัวจริง แค่เห็นภาพยิ่งน่าเกรงขามแล้ว ถ้าเป็นตัวจริงบินโชว์จะน่าตื่นเต้นขนาดไหน สำหรับวันนี้ขอลาไปก่อน สวัสดีครับ
Credit บทความและภาพประกอบ
เอกพล นาคพุ่ม
วิกิพีเดีย
ไทยรัฐออนไลน์
JSTCNX
Watit Koi
Fire Modeler. & Photo aviation
ธรรมวัฒน์ รัชต์ รัตนวิจารณ์
PPTVHD36
เรียบเรียงโดย : แดง ภูมะเขือ
สงคราม
ทหาร
ประเทศไทย
บันทึก
2
2
โฆษณา
ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
© 2025 Blockdit
เกี่ยวกับ
ช่วยเหลือ
คำถามที่พบบ่อย
นโยบายการโฆษณาและบูสต์โพสต์
นโยบายความเป็นส่วนตัว
แนวทางการใช้แบรนด์ Blockdit
Blockdit เพื่อธุรกิจ
ไทย