เมื่อวาน เวลา 14:04 • วิทยาศาสตร์ & เทคโนโลยี

Abrams ของขวัญจากทรัมป์

สวัสดีครับท่านผู้อ่านทุกท่าน ขณะนี้เรายังอยู่กันที่อีก 1 จุดความขัดแย้งที่กำลังรอปะทุขึ้นเป็นสงครามต่อจากไทย-กัมพูชา ณ ประเทศไต้หวันที่กำลังถูกล้อมจากการฝึกขนาดใหญ่จาก 4 เหล่าทัพของจีนได้แก่ กองทัพบก กองทัพเรือ กองกำลังขีปนาวุธ และกองทัพอากาศ
ทางกองทัพไต้หวันจึงต้องแสวงหาความช่วยเหลือจากประเทศที่ใครๆก็เรียกว่า "ลุงแซม" นั่นคือสหรัฐอเมริกา เพื่อป้องกันประเทศไม่ให้ถึงกาลอวสานเพราะนโยบายจีนเดียว ดังนั้นจึงทำให้มีการประจำการอวุธอันทันสมัยที่หลากหลายรวมถึงรถถังที่จะกล่าวถึงนับจากนี้ด้วย เรื่องราวนี้จะเป็นเช่นไร ไปติดตามกันครับ
จุดเริ่มต้นของกองทัพรถถัง Abrams ในกองทัพบกไต้หวันต้องย้อนกลับไปในปีค.ศ.2019 เมื่อรัฐบาลของโดนัลด์ ทรัมป์ อนุมัติการขายรถถัง M1A2T Abrams จำนวน 108 คัน มูลค่ากว่า 2,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ให้แก่กองทัพบกไต้หวัน
การส่งมอบรถถังแบบนี้ถูกแบ่งเป็น 3 ล็อต โดยล็อตแรกเริ่มมาถึงในช่วงปลายปีค.ศ.2024 และจะครบทั้งหมดในปีค.ศ. 2026 รถถังเหล่านี้เปรียบเสมือนสัญลักษณ์แห่งความร่วมมือจากสหรัฐอเมริกา ในการปรับปรุงกองทัพไต้หวันให้ทันสมัย เพื่อทดแทนรถถังรุ่นเก่าอย่าง M60A3 และ M41 ที่ใช้งานมาตั้งแต่ยุคสงครามเย็น
รถถังรุ่นใหม่ป้ายแดงของกองทัพบกไต้หวัน
ในมุมมองเชิงมหภาคการที่สหรัฐฯ ภายใต้ยุคทรัมป์รวมถึงแนวโน้มในอนาคต สนับสนุนอาวุธหนักให้ไต้หวันท้้งรถถัง เรือรบ และเครื่องบินทำให้นักวิชาการด้านการทหารมองว่าไม่ใช่แค่เรื่องการป้องกันตัว แต่เป็นส่วนหนึ่งของ "สงครามเชิงยุทธศาสตร์"
ซึ่งเป็นการยั่วยุเพื่อทำลายขวัญกำลังใจกองทัพจีน มาตรการนี้อาจสร้างความสั่นคลอนให้กับจีนในหลายด้าน ทั้งการขึ้นภาษีและการซ้อมรบรับมือกับพันธมิตรอย่างฟิลิปปินส์ เวียดนามหรืออินโดนีเซียที่มีปัญหาข้อพิพาทเรื่องหมู่เกาะ เพื่อดึงให้จีนต้องทุ่มงบประมาณไปกับการทหารในขณะที่เศรษฐกิจภายในประเทศยังอ่อนแอ
การที่จีนต้องเตรียมพร้อมรับมือกับการเสริมอาวุธของไต้หวันและพันธมิตรสหรัฐฯ อาจทำให้จีนต้องเติมเงินเข้าสู่การพัฒนาทหารชาติตนเองจนกลายเป็นหลุมดำที่ดูดกินทรัพยากรทางเศรษฐกิจ ซึ่งจีนเองยังไม่พร้อมทำสงครามเต็มรูปแบบกับไต้หวันหรือประเทศใดๆที่มีปัญหาข้อพิพาททางทะเล ตราบใดที่ปัญหาเศรษฐกิจและพลังงานยังไม่คลี่คลาย
ทีนี้ย้อนกลับมาที่รถถังหลักรุ่นที่ 3 อย่าง M1 Abrams ผลิตโดย General Dynamics และได้รับการตั้งชื่อเพื่อเป็นเกียรติแก่พลเอก Creighton Williams Abrams Jr. อดีตผู้บัญชาการกองทัพสหรัฐฯ ในสงครามเวียดนาม
กองทัพบกไต้หวันถือเป็นชาติล่าสุดที่ประจำการด้วย Abrams
จุดเริ่มต้นของ M1 Abrams เกิดขึ้นในช่วงปี 1960 จากความร่วมมือระหว่างสหรัฐฯ และเยอรมนีในโครงการ MBT-70 เพื่อสร้างรถถังใหม่มาแทนที่รถถัง M60 และ Leopard 1 โดยมีเป้าหมายหลักคือการรับมือกับรถถัง T-62 ของสหภาพโซเวียต แม้ MBT-70 จะมีเทคโนโลยีล้ำสมัยอย่างระบบช่วงล่างไฮโดรนิวเมติกและเครื่องยนต์ 1,500 แรงม้า แต่ด้วยงบประมาณที่บานปลายถึง 5 เท่าของที่คาดการณ์ไว้ ทำให้โครงการถูกยุติลงในปีค.ศ.1969
อย่างไรก็ตาม สหรัฐฯ ไม่ได้ละทิ้งความพยายาม โดยได้พัฒนาโครงการต่อยอดเป็น XM803 และในที่สุดคือโครงการ XM815 ต่อมาเปลี่ยนชื่อเป็น XM1 ภายใต้การนำของพลตรี เดซี โดยกำหนดเป้าหมายใหม่ให้มีความทนทานต่อปืนโซเวียตในระยะ 800 เมตร และต้องมีราคาต่อหน่วยไม่เกิน 577,000 ดอลลาร์
ในการแข่งขันเพื่อคัดเลือกแบบรถถังต้นแบบในปี 1973 สองบริษัทยักษ์ใหญ่อย่าง Chrysler (ต่อมาส่งกิจการให้ General Dynamics) และ General Motors  ได้นำเสนอการออกแบบที่แตกต่างกันในส่วนของเครื่องยนต์ โดย Chrysler เลือกใช้เครื่องยนต์ Gas Turbine AGT-1500 ขณะที่ GM เลือกใช้เครื่องยนต์ดีเซล
แม้ในตอนแรกผลการทดสอบจะบ่งชี้ว่าแบบของ GM มีความได้เปรียบในด้านระบบควบคุมการยิงและความน่าเชื่อถือ แต่กระทรวงกลาโหมสหรัฐฯ กลับกดดันให้เลือกใช้เครื่องยนต์เทอร์ไบน์, ส่งผลให้ในที่สุด Chrysler เป็นผู้ชนะสัญญาและเริ่มสายการผลิต M1 รุ่นแรกในปีค.ศ.1979
M1 Abrams ขณะมาถึงไต้หวันช่วงแรกๆ
หัวใจสำคัญที่ทำให้ M1 Abrams กลายเป็น "ม้าเหล็กสมัยใหม่" ที่ศัตรูครั่นคร้ามคือ เกราะเบอร์ลิงตัน (Burlington) หรือที่รู้จักกันในชื่อ เกราะช็อบแฮม (Chobham) ซึ่งเป็นเกราะผสมคอมโพสิตหลายชั้นประกอบด้วยโลหะและเซรามิก ช่วยดูดซับและกระจายพลังงานจากการโจมตีได้อย่างดีเยี่ยม
นอกจากนี้ M1 ยังมีระบบป้องกันที่ครอบคลุม อาทิระบบ CBRN ป้องกันอาวุธนิวเคลียร์ ชีวภาพ และเคมี ระบบพรางตัวมีการติดตั้งเครื่องยิงลูกระเบิดควัน M250 และระบบฉีดเชื้อเพลิงเข้าท่อไอเสียเพื่อสร้างม่านควันหนาทึบ ส่วนการความปลอดภัยภายในรถถัง มีการติดตั้งระบบดับเพลิงอัตโนมัติและเซ็นเซอร์ตรวจจับรอบคันเพื่อลดจุดอับสายตา
ปีค.ศ.1991 M1 Abrams พิสูจน์ความแข็งแกร่งครั้งแรกในสงครามอ่าวช่วงปฏิบัติการพายุทะเลทราย (Operation Desert Storm)  โดยเฉพาะรุ่น M1A1 ที่อัปเกรดมาใช้ปืนใหญ่ลำกล้องเรียบขนาด 120 มม. ในสงครามนี้ M1A1 แสดงให้เห็นถึงความเหนือกว่าอย่างขาดลอยต่อรถถังตระกูล T-54, T-55, T-62 และ T-72 ของอิรัก โดยสามารถทำลายศัตรูได้จากระยะไกลกว่า 2.5 กิโลเมตร ซึ่งเป็นระยะที่ปืนของรถถังโซเวียตยังยิงไม่ถึง
ปัจจุบัน M1 Abrams ยังคงได้รับการพัฒนาอย่างต่อเนื่องจากรุ่น M1A1 สู่ M1A2 ที่เพิ่มระบบตรวจจับความร้อนและจอแสดงผลดิจิทัล จนถึงรุ่น M1A2 SEP ที่ล้ำสมัยที่สุดในปัจจุบัน, และล่าสุดในเดือนกันยายน 2023 กองทัพสหรัฐฯ ได้ประกาศโครงการใหม่ M1E3 ซึ่งมุ่งเน้นไปที่การลดน้ำหนักและเพิ่มความคล่องตัว เพื่อให้พร้อมรับมือกับความท้าทายในอนาคต
M1A2T Abrams ถือเป็นกำลังรบหลักในการปกป้องไต้หวันนับจากนี้
ในขณะที่เศรษฐกิจจีนกำลังลุ่มๆดอนๆ กองทัพไต้หวันมีของดีที่ยากจะหาชาติในเอเชียเทียบเทียมนั่นคือ M1A2T Abrams รถถังรุ่นนี้มีรหัส "T" (Taiwan) ซึ่งมีการปรับแต่งให้เหมาะสมกับภูมิประเทศของเกาะไต้หวัน
โดยเฉพาะขีดความสามารถในการรบเป็นเช่นไร ทำไมจึงเหมาะสมกับกองทัพบกไต้หวัน History World ให้ข้อมูลว่ารถถังหลัก M1A2T มีศักยภาพใกล้เคียงกับรุ่น M1A2 SEPv2 ของกองทัพบกสหรัฐฯ โดยใช้ปืนใหญ่ประจำรถถังขนาด 120 มม. ซึ่งเหนือกว่าปืนใหญ่ประจำรถถังขนาด 105 มม. รุ่นเดิมอย่างมาก
แม้จะถูกถอดเกราะป้องกันความเสื่อมจากยูเรเนียม ออกจากตัวรถถังเนื่องจากเป็นความลับสูงสุดของสหรัฐฯ แต่ไต้หวันได้รับเกราะคอมโพสิตแบบหนาพิเศษ (Heavy Export Armor Package - EAP) เข้ามาทดแทน
มีการติดตั้งระบบ Hunter-Killer และกล้องตรวจจับความร้อน (FLIR : Forward Looking Infrared) รุ่นที่ 2 ช่วยเพิ่มโอกาสรอดชีวิตและความแม่นยำในการยิง
ไต้หวันไม่ได้จัดหาแค่รถถัง M1A2T แต่ยังมีการจัดหา F-16 ฝูงใหม่เข้าประจำการด้วย
บทบาทในสนามรบนับจากนี้ของ M1A2T เป็นเรื่องน่าสนใจอย่างยิ่ง เพราะรถถังสมัยใหม่แห่งกองทัพบกไต้หวันแบบนี้ไม่ใช่การแค่การจอดนิ่งในค่ายทหาร แต่นี่คือการจัดตั้งกองกำลังตอบโต้เร็ว เพื่อทำลายหัวหาด (Counter Invasion) เมื่อกองทัพเรือจีนพยายามยกพลขึ้นบกด้วยยานเกราะเบาหรือยานสะเทินน้ำสะเทินบกที่มีเกราะบาง รถถัง Abrams จะใช้หมัดหนักคือกระสุนและปืนใหญ่ที่ร้ายแรงยิ่งกว่ารถถังแบบใดๆที่กองทัพบกไต้หวันเข้าบดขยี้ก่อนที่ศัตรูจะตั้งตัวจนยึดไต้หวันทั้งประเทศได้
แม้จะเป็นอาวุธที่ทรงพลังและทันสมัยที่สุดในกองทัพบกไต้หวัน แต่ M1A2T ก็เผชิญกับเสียงวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนัก โดยเฉพาะเรื่องน้ำหนักมหาศาลที่มีมากถึง 70 ตัน อาจทำให้การเคลื่อนที่บนดินอ่อนนุ่มอย่างนาข้าว หรือการข้ามสะพานในไต้หวันทำได้ยากลำบาก
ภาระต่อมาคงหนีไม่พ้นปัญหาสำคัญนั่นคือ เครื่องยนต์ก๊าซเทอร์ไบน์กินน้ำมันมหาศาลและต้องการการบำรุงรักษาที่ซับซ้อน ซึ่งอาจเป็นจุดอ่อนหากถูกจีนปิดล้อมเกาะ
สงครามในยุคปัจจุบันกำลังเปลี่ยนไปสู่ "สงครามอสมมาตร" (Asymmetric Warfare) ซึ่งอาวุธราคาถูกอย่างโดรนพลีชีพ (FPV) หรือขีปนาวุธต่อต้านรถถังเจฟลิน สามารถทำลายรถถังราคาแพงได้ นักวิชาการด้านการทหารบางกลุ่มจึงมองว่าเงิน 2,000 ล้านดอลลาร์นี้อาจคุ้มค่ากว่าหากนำไปซื้ออาวุธขนาดเล็กจำนวนมากแทน
⏩ข้อมูลจำเพาะรถถังหลัก M1 Abrams
บทบาท: รถถังหลัก
สัญชาติ: สหรัฐ
ประจำการ :ค.ศ.1980 – ปัจจุบัน
ผู้ออกแบบ : เจเนรัล ไดนามิกส์
บริษัทผู้ผลิต: ลิมา อาร์มี แทงค์ แพลนท์ (ค.ศ. 1980-ปัจจุบัน)
ดีทรอยท์ อาร์เซนอล แทงค์ แพลนท์ (ค.ศ. 1982-1996)
มูลค่า :65.21 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (เอ็ม1เอ2) (88.92 ล้าน เมื่อปรับค่าเงิน ค.ศ. 2016)
น้ำหนัก : 68.3 ตัน
ความยาว : รวมปืนที่ยื่นออกไปข้างหน้า 9.77 เมตร
ตัวถัง : 7.93 เมตร
ความกว้าง : 3.66 เมตร
ความสูง: 2.44 เมตร
กำลังพล : 4 นาย (ผู้บังคับการรถถัง พลปืน พลบรรจุ และพลขับ)
เกราะ: เกราะช็อบแฮม เกราะอาร์เอช แผ่นเหล็กป้องกันยูเรเนียม
อาวุธหลัก :ปืนใหญ่ลำกล้องเกลียวเอ็ม68 ขนาด 105 ม.ม. (เอ็ม1)
ปืนใหญ่ปัจจุบันไร้เกลียวเอ็ม256 ขนาด 120 ม.ม.(เอ็ม1เอ1 เอ็ม1เอ2 เอ็ม1เอ2เอสอีพี)
อาวุธรองปืนกลหนักเอ็ม 2 บราวนิง ขนาด 12.7 ม.ม.หนึ่งกระบอก
ปืนกลเอ็ม 240 ขนาด 7.62 ม.ม.สองกระบอก (หนึ่งกระบอกบนฝาครอบ หนึ่งกระบอกข้างปืนหลัก)
เครื่องยนต์: ฮันนีเวลล์ เอจีที1500ซี ให้แรงขับ 1,500 แรงม้า
กำลัง/น้ำหนัก: 24.5 แรงม้า/ตัน
ระบบส่งกำลัง : อัลลิสัน ดีโอเอ เอ็กซ์-1100-3บี
ระบบช่วงล่าง : ทอร์ชั่นบาร์
ระยะห่างระหว่างตัวถังกับพื้น : 0.48 เมตร (เอ็ม1 เอ็ม1เอ1)
0.43 เมตร (เอ็ม1เอ2)
ความจุเชื้อเพลิง : 500 แกลลอน
พิสัย: 465.29 กิโลเมตร
ความเร็ว: บนถนน 68-72 กิโลเมตรต่อชั่วโมง
นอกถนน: 40.3 กิโลเมตรต่อชั่วโมง
แม้ Abrams จะเป็นรถถังรุ่นที่ทันสมัยสำหรับกองทัพบกไต้หวันแต่ก็มีข้อวิพากษ์วิจารณ์จากนักวิชาการด้านการทหารบางกลุ่ม
รถถัง M1 Abrams ถือว่าเป็นเขี้ยวเล็บใหม่ที่กองทัพบกไต้หวันได้รับมาเสริมความแข็งแกร่ง ท่ามกลางการมุ่งเป้าของจีนเพื่อครอบครองไต้หวันตามนโยบายจีนเดียว ไม่ใช่แค่การมาถึงของรถถังแบบนี้ สหรัฐฯยังมีความพยายามที่จะส่งอาวุธยุทโธปกรณ์ให้ไต้หวันต่อไปเพื่อรับมือหากวันหนึ่งถูกจีนรุกราน ขณะนี้ขอลาไปก่อนสวัสดีครับ
Credit บทความและภาพประกอบ
Zona Militar
Army Recognition
Taiwan News
History World
วอร์โซน เรื่องราวสงคราม
The National Interest
มติชน
เรียบเรียงโดย : แดง ภูมะเขือ
โฆษณา