2 ชั่วโมงที่แล้ว • วิทยาศาสตร์ & เทคโนโลยี

Super Tucano นักล่าจากแดนแซมบ้า

สวัสดีครับท่านผู้อ่านทุกท่าน ย้อนกลับไปเมื่อวันที่ 17 ธันวาคมค.ศ.2025 กองทัพอากาศโปรตุเกส ได้เสริมสร้างขีดความสามารถการฝึกและการรบของตนด้วยการนำเข้าประจำการอย่างเป็นทางการของเครื่องบินโจมตีน้ำหนักเบาเครื่องยนต์ใบพัด Embraer A-29N Super Tucano ชุดแรกจำนวน 5 เครื่องจากทั้งหมด 12 เครื่อง
เพื่อเติมเต็มภารกิจการสนับสนุนทางอากาศโดยใกล้ชิดสำหรับการปฏิบัติการผสมในสถานการณ์ภัยคุกคามต่ำที่แอฟริกา การนำเข้าประจำการ Super Tucano ของกองทัพอากาศโปรตุเกสจึงทำให้เครื่องบินแบบนี้ถูกจับตามองไม่น้อย เรื่องราวจะเป็นอย่างไร ไปติดตามกันครับ
ในอดีตบริษัท Embraer เคยสร้างเครื่องบินฝึกขนาดเบา EMB-312 Tucano ซึ่งได้รับความนิยมอย่างมากในตลาดเครื่องบินฝึกขั้นพื้นฐานของกองทัพอากาศในระยะหนึ่ง เมื่อในช่วงทศวรรษ 1990 บริษัท Embraer จึงตัดสินใจพัฒนาเครื่องบินรุ่นที่มีประสิทธิภาพและทันสมัยกว่าเดิม
แผนดังกล่าวสร้างความพึงพอใจให้กับกองทัพอากาศบราซิลเช่นกัน และจากนั้นโครงการ ALX ก็ถือกำเนิดขึ้น ซึ่งจะทำหน้าที่ทดแทนเครื่องบินฝึกไอพ่น EMB-326 Xavante ซึ่งเป็นรุ่นที่ได้รับสิทธิบัตรให้ผลิตจาก Aermacchi 326
เครื่องบินโจมตี EMB-314 Super Tucano ได้ถูกสร้างขึ้นให้มีลำตัวที่ใหญ่ขึ้น ติดตั้งเครื่องยนต์ PT6 ที่ให้สมรรถนะดีกว่าเดิม มีระบบอิเล็กทรอนิกส์ควบคุมการบินที่ทันสมัยขึ้น และมีขีดความสามารถในการติดตั้งอาวุธที่เพิ่มขึ้น นอกจากนี้ยังสามารถปฏิบัติภารกิจที่ Tucano ไม่เคยทำมาก่อนในการใช้งานจริงได้อีกด้วย
เที่ยวบินแรกเกิดขึ้นในปีค.ศ.1999 และเครื่องบินโจมตีขนาดเบา A-29 Super Tucano เข้าประจำการในกองทัพอากาศบราซิลในปีค.ศ.2003 เครื่องบินโจมตีแบบนี้สามารถปฏิบัติภารกิจหลากหลายตั้งแต่การฝึกนักบินรบไปจนถึงการตรวจการณ์ตามชายแดน โดยเฉพาะอย่างยิ่งการป้องกันการขนส่งยาเสพติดจากประเทศเพื่อนบ้าน
เครื่องบิน Super Tucano มีความยาว 11.38 เมตร ปัจจุบันมียอดสั่งซื้อมากกว่า 260 เครื่อง และมีชั่วโมงบินรวมมากกว่า 570,000 ชั่วโมง ซึ่งรวมถึง 60,000 ชั่วโมงในสถานการณ์การรบ
การออกแบบเครื่องบินแบบดังกล่าวประกอบด้วยระบบล็อกเป้าหมายที่แม่นยำ ระบบสื่อสารที่ครอบคลุม และระบบอิเล็กทรอนิกส์การบินขั้นสูง
เครื่องบินแบบนี้สามารถปฏิบัติการได้จากรันเวย์ที่ไม่ปูพื้นและในสภาพแวดล้อมที่ท้าทาย โดยเน้นการบำรุงรักษาที่ลดลง มีความน่าเชื่อถือสูง และต้นทุนตลอดอายุการใช้งานต่ำ
หลังจากขึ้นบินได้ไม่นานสมรรถนะของ Super Tucano ก็ดึงดูดความสนใจจากประเทศอื่นๆ อย่างรวดเร็ว และบางประเทศที่เคยใช้งาน Tucano ก็สนใจจัดหาเช่นกัน สำหรับลูกค้ารายแรกของเครื่องบินแบบนี้คือโคลอมเบียในปีค.ศ.2006 ตามมาด้วยชิลีในอีกสองปีต่อมา
สำหรับเครื่องบินโจมตีเบาใบพัด A-29N Super Tucano ที่กองทัพอากาศโปรตุเกสพึ่งได้รับเข้าประจำการ มีการปรับปรุงระยะและเวลาการปฏิบัติการ เช่นเดียวกับระบบตรวจการณ์ electro-optical, การมอบขีดความสามารถการใช้กระเปาะจรวดอากาศสู่พื้น และอาวุธความแม่นยำสูง
ปืนกลอากาศ M3P ขนาด 12.7x99 mm สองกระบอกถูกติดตั้งเป็นมาตรฐานในตัวเครื่อง และชุดระบบป้องกันตนเอง อุปกรณ์สื่อสารต่างๆและระบบนำร่องมาตรฐาน NATO ที่จะได้รับการติดตั้งอย่างเช่น
วิทยุความถี่ VHF/UHF(Very-High-Frequency/Ultra-High-Frequency), ระบบสื่อสารดาวเทียม(SATCOM: Satellite Communication), ระบบช่วยการสนับสนุนทางอากาศใกล้ชิด digital(DACAS: Digitally Aided Close Air Support), ระบบข้อความทางยุทธวิธี VMF(Variable Message Format)
เครือข่าย Link 16 datalink, ระบบ video downlink ที่เข้ากันได้กับวิทยาการตัวรับวีดิทัศน์ควบคุมระยะไกล ROVER(Remote Operated Video Enhanced Receiver), อุปกรณ์ส่งสัญญาณระบบพิสูจน์ฝ่าย(IFF: Identification Friend-or-Foe) Mod 5 และระบบดาวเทียม GPS ทางทหาร
ในภูมิภาคอาเซียนกองทัพอากาศไทยไม่เคยมีประจำการด้วย Super Tucano แต่มี 2 ประเทศที่ประจำการได้แก่อินโดนีเซียและฟิลิปปินส์ ขอเริ่มจากกองทัพอากาศฟิลิปปินส์เป็นรายแรก กองทัพอากาศแห่งนี้ได้จัดหาเครื่องบินฝึกโจมตีเบา A-29 Super Tucano รวม 6 เครื่อง เป็นเงิน 99 ล้านเหรียญสหรัฐ เมื่อเดือนมิถุนายน ค.ศ.2017 สาเหตุมาจากห้วงเกิดการรบที่เมืองมาราวี (Battle of Marawi) ระหว่างวันที่ 23 พฤษภาคม – วันที่ 23 ตุลาคมปีเดียวกัน
กองทัพอากาศฟิลิปปินส์ไม่มีเครื่องบินโจมตีที่แท้จริงและพร้อมรบประจำการในขณะนั้น ปฏิบัติการโจมตีทางอากาศเรียกว่า สนับสนุนทางอากาศโดยใกล้ชิด (CAS : Close Air Support)
แต่ไม่ประสบความสำเร็จ จึงไม่สามารถที่จะลดขีดความสามารถในการรบของกองกำลังติดอาวุธกลุ่มมาอูเต้ (Maute) และกลุ่มอาบูซายัฟ (Abu Sayyaf) ที่ได้เข้ายึดเมืองมาราวี (Marawi) ไว้ได้ให้หมดสภาพอย่างรวดเร็วจึง เป็นการรบที่ยืดเยื้อ
กองทัพอากาศฟิลิปปินส์จึงได้จัดหา Super Tucano นำเข้าประจำการทดแทนเครื่องบินโจมตีรุ่นเก่าแบบ OV-10A Bronco ที่ประจำการตั้งแต่ปีค.ศ.1991 สังกัดฝูงบินที่ 16 ฐานทัพอากาศดานิโล อะเทียซ่า (Danilo Atienza) บนเกาะลูซอน ปัจจุบัน OV-10 มีปัญหาทางด้านการส่งกำลังและการซ่อมบำรุงจากสหรัฐอเมริกาทำให้ต้องปลดประจำการ โดยต่อมากองทัพอากาศฟิลิปปินส์ได้รับมอบเครื่องบินโจมตี Super Tucano เข้าประจำการปีค.ศ.2019
อีกที่หนึ่งคือกองทัพอากาศอินโดนีเซีย (TNI-AU) ประจำการด้วยเครื่องบินโจมตีเบา Super Tucano สังกัดฝูงบินที่ 21 ฐานทัพอากาศอับดุล รัชมัน ซาเลาะฮ์ (Abdul Rachman Saleh) จังหวัดชวาตะวันออก เพื่อทดแทนเครื่องบินโจมตีรุ่นเก่าแบบโอวี-10 (OV-10 Bronco)
สำหรับอินโดนีเซียเป็นประเทศใหญ่พื้นที่ขนาด 1.9 ล้านตารางกิโลเมตร มีเกาะประมาณ 18,307 เกาะ ชายฝั่งทะเลยาว 54,720 กิโลเมตร ความยาวจากทิศตะวันออก – ทิศตะวันตก ขนาด 5,120 กิโลเมตร และความกว้าง ทิศเหนือ – ทิศใต้ ขนาด 1,760 กิโลเมตร ดังนั้นการลาดตระเวนทางอากาศของ Super Tucano ร่วมกับ F-16 ที่อินโดนีเซียมีประจำการสามารถทำการบินตรวจการณ์ตามพื้นที่ได้อย่างรวดเร็ว เพื่อปกป้องพื้นที่ขนาดใหญ่ที่มีทรัพยากรอันสำคัญยิ่งต่อความมั่นคงและเศรษฐกิจของประเทศ
แม้ F-16 ของกองทัพอากาศอินโดนีเซียจะบินรวดเร็วและมีสมรรถนะสูงเพียงใด ก็ยังหาความเหมือนกับซูเปอร์ทูคาโนได้ยาก เพราะกองทัพอากาศอินโดนีเซียทำลวดลายเป็นรูปปากปลาฉลามที่ส่วนหน้าสุดของเครื่องบินโจมตีเบาแบบนี้ ซึ่งทำให้ผู้ที่พบเห็นต้องรำลึกถึงบรรยากาศเก่าๆ ยุคสงครามโลกครั้งที่ 2 และสงครามเอเชียบูรพาที่กองทัพอากาศสหรัฐฯ เคยแต่งหน้าทาปากเครื่องบินขับไล่ พี-51 มัสแตง (Mustang) “ไอ้ม้าป่า” ไปประจำการในอินโดนีเซีย
สำหรับการใช้งานในกองทัพอากาศอินโดนีเซีย เครื่องบินโจมตีขนาดเบา Super Tucano มีขีดความสามารถในการต่อต้านการโจมตีผู้ก่อการร้าย การชี้เป้าสำหรับการโจมตีทางอากาศของเครื่องบินรบ การสนับสนุนทางอากาศโดยใกล้ชิด การขัดขวางด้วยกำลังทางอากาศต่อฝ่ายตรงข้าม และการป้องกันภัยทางอากาศ
เครื่องบินแบบนี้ติดตั้งจุดติดตั้งอาวุธ 5 จุด สำหรับบรรทุกขีปนาวุธ จรวด และระเบิดขนาด 1.5 ตัน นอกจากนี้ยังมีปืนกลอากาศขนาด 12.7 มม. สองกระบอก เครื่องบินยังสามารถบรรทุกระเบิด MK 81 กระเปาะยิงจรวด ระเบิดนำวิถีด้วยเลเซอร์ ขีปนาวุธอากาศสู่อากาศแบบที่ Super Tucano ก็เป็นเเบบเดียวกับที่ F-16 ใช้เช่นขีปนาวุธอากาศสู่พื้น AGM-65 ขีปนาวุธอากาศสู่อากาศ AIM-9 Sidewinder, และ Python 4/5 และมีอุปกรณ์ติดตามเป้าหมายในเวลากลางคืน AN /AAQ-22 Safire
อีกหนึ่งจุดเด่นของ Super Tucano ที่ F-16 ซึ่งเป็นเครื่องบินขับไล่ที่มีสมรรถนะสูงที่สุดแบบหนึ่งของกองทัพอากาศอินโดนีเซียเทียบได้ยากคือด้านความสามารถในการบินที่ความเร็วต่ำ จึงทำให้เครื่องบินโจมตีเบาใบพัดที่ผลิตในบราซิลแบบนี้สามารถนำไปใช้ในการรบร่วมกับทหารราบหรือกองกำลังภาคพื้นดินได้ ในขณะที่ F-16 มีความเร็วสูงจึงอาจบินเลยเป้าหมายได้
ข้อมูลจำเพาะ Super Tucano
ประเภท : เครื่องบินโจมตีเบา
นักบิน: 2 นาย
ความยาว: 11.38 เมตร
ความกว้างช่วงปีก: 11.14 เมตร
ความสูง: 3.97 เมตร
พื้นที่ปีก: 19.4 ตร.ม.
น้ำหนักตัวเปล่า: 3,200 กิโลกรัม
น้ำหนักสูงสุดในการขึ้นบิน: 5,400 กิโลกรัม
เครื่องยนต์: เทอร์โบพร็อพ Pratt & Whitney Canada PT6A-68C ให้กำลัง 1,600 แรงม้า
ความเร็วสูงสุด: 590 กม/ชม. (320 นอต)
รัศมีทำการรบ: 550 กม.
พิสัยบินไกลสุด: 2,855 กม. (โดยไม่บรรทุกสิ่งใด)
เพดานบิน: 10,680 เมตร (35,000 ฟุต)
อัตราการไต่: 18 เมตร/วินาที
ระบบอาวุธ
ปืนกล: FN Herstal .50 นิ้ว จำนวน 2 กระบอก ติดตั้งฝังในปีก (กระสุน 200 นัดต่อกระบอก)
ตำบลติดอาวุธ: 5 จุด (ใต้ปีก 4, ใต้ลำตัว 1)
น้ำหนักบรรทุกอาวุธ: สูงสุด 1,500 กิโลกรัม
อาวุธ : ระเบิดไม่นำวิถี ระเบิดนำวิถีด้วยเลเซอร์ กระเปาะยิงจรวด ขีปนาวุธอากาศสู่อากาศและอากาศสู่พื้นเช่น AGM-65 ขีปนาวุธอากาศสู่อากาศ AIM-9 Sidewinder, และ Python 4/5
เครื่องบินโจมตี Super Tucano ถือว่าเป็นเครื่องบินโจมตีขนาดเบาที่มีนำมาใช้แล้วทำให้เกิดความคุ้มค่าและมีความยืดหยุ่นต่อสถานการณ์ปัจจุบัน เครื่องบินโจมตีแบบนี้แม้ความเร็วจะไม่มากนัก แต่มันก็มีประโยชน์ในการช่วยชีวิตทหารราบรวมทั้งการปราบปรามผู้ก่อการร้ายด้วยความเร็วเช่นนี้ สำหรับวันนี้ขอลาไปก่อน แล้วพบกันใหม่ปีต่อๆไป สวัสดีปีใหม่ครับ
Credit บทความและภาพประกอบ
asusspotter
Emmanuel Roy Hipe
PQR AVIATION PHOTOGRAPHY
KIOSQUE DA AVIAÇÃO
FLYING MAGAZINE
Jorge Penedo Photo
AAG_TH บันทึกประจำวัน
KOMPAS
หลักเมือง
เรียบเรียงโดย : จ่าหวาน เกรียงไกร
โฆษณา