29 ม.ค. 2019 เวลา 05:32 • ธุรกิจ
ธุรกิจแมวเก้าชีวิต |Part 3|
The Crisis (ชีวิตสุดสุด)
รูปภาพจาก pixabay.com
มาต่อ Part 3 ประสบการณ์ธุรกิจของคุณ อาร์ท กันครับ
หลังจาก Part 2 ผมขยายตัวจนบวมเต็มที่ครับ ทำทั้งร้านตู้แช่มือสอง 1 ร้าน ร้านเครื่องใช้ไฟฟ้า 2 ร้านตามอำเภอ ร้านกาแฟอีก 1 ร้านเสื้อผ้าของน้องสาวอีก 2 ร้าน คือ มันเอาเงินทั้ง OD และเงินกู้ที่ได้จาก SME อัดลงไปเต็มที่ครับ
ช่วงนั้น เศรษฐกิจยังดีครับ ผมทำกำไรได้จากเกือบทุกธุรกิจ มากน้อยว่ากันไป กำลังขาขึ้นเลยครับ ขึ้นหลังเสือแล้วดันเป็นเสือติดปีกอีก มันเลยมองไปบนยอดเขาอย่างเดียวครับ ไม่มองระหว่างทางเลย
"ทะเลสวยเพราะมีคลื่น ชีวิตจะราบรื่นต้องมีอุปสรรค" คำนี้ใช้ได้เสมอครับ ตอนนั้นเข้าสู่ช่วงวิกฤตการเมือง เล่นกีฬากลางเมือง แถมด้วยจุดดอกไม้ไฟกันเปรี้ยงปร้าง ตามด้วยงานวันเด็ก รถถังเต็มเมือง
ชิบหาย...ซิครับ ธุรกิจหลักของผมคือ รับเหมางานจากพวกห้าง ห้างไม่ขึ้น ไม่ขยาย เงียบกริบ เงียบเป็นป่าช้า งานหายเกลี้ยง รายได้หลักหายไปในวับตา เหลือแต่ร้านขายของหน้าร้านเล็กๆน้อยๆ ซึ่งมันพยุงงวดเงินกู้ไว้ไม่ไหว
ผมรีบหาทางออก ด้วยการจัดเงินก้อนสุดท้าย มองหาธุรกิจเสริมทันที อาหารครับ ต้องทำอาหาร ถึงยังไงคนก็ต้องกินวันยังค่ำ เลยพยายามลองเลือกแฟรนไชส์ต่างๆที่จะเอามาลงที่อุดร
ซึ่งเลือกไปเลือกมา ไปเจอะกับแฟรนไชส์นึง ซึ่งจริงๆ เค้าก็ไม่ได้ขายแฟรนไชส์จริงจังหรอก เค้าทำของเค้าเอง แต่มันปัง ขยายสาขาไวมาก ก็เลยลองไปเจรจาดู เค้าตอบตกลง เลยได้สิทธิ์ซื้อแฟรนไส์กันเจ้าแรกเลย เป็นร้าน คั่วไก่แสนสะท้าน ซึ่งตอนนั้นทั้งอุดรหาคั่วไก่กินยากมาก
Foodtruck ก๋วยเตี๋ยวคั่วไก่
จะเปิดร้านอาหารทั้งที อย่าเหมือนคนอื่น ผมเลยตั้งว่ามันต้องเป็นสตรีทฟู้ดแนวๆนะ ผมเอารถทรงแครี่คันนึงมาดัดแปลง ใส่ป้าย ใส่ไฟ ใส่หลังคา เวลาเปิดไฟตอนจอดข้างถนน มันจะเด่นมาก (เด่นจนมีคนเอามีดมากรีดอ่ะ 555)
ตอนแรกไปขอร้านเจ๊ที่รู้จัก ขอวางขายหน้าร้าน เจ๊แกก็ใจดี ให้ขายฟรีๆ วันแรกที่เปิด ขายไป 16000 บาท ตอนนั้น หลังแทบขาด ดีใจมากครับ ยอดขายช่วงแรก วันละหลักหมื่นขึ้นครับ ขายไปได้ไม่กี่วัน เจ๊เจ้าของมาขอให้ย้าย เพราะลูกค้าเยอะเกิน กวนทางเข้าร้านแก และควันเข้าร้านแก
เอ้า ดิ้นรนหาที่ขายกันใหม่ ไปเจอที่ถัดมาหน่อย หน้าลานจอดรถ ทำเลดี แต่ค่าเช่าแพงอิ๊บอ๋าย ขนาดหน้าลานจอดรถเป็นฟุตบาทแท้ๆ คิดหมื่นนึงแน่ะ แต่แลกกับทำเลดีๆ เลยลองสู้ดู ผมจ้างเด็ก 4 คนทำร้านนี้ ไปดูบ้างบางวัน เพราะสลับดูร้านอื่นๆด้วย ร้านนี้ทำรายได้ในเกณฑ์ที่ดีเลยครับ ขายเฉลี่ย 8 พันต่อวันตลอด ยิ่งขายคนยิ่งติด ลูกค้าเยอะขึ้นเรื่อยๆ
แต่สภาพเศรษฐกิจโดยรวมมันทรุดตัวลง ร้านกาแฟผมไปก่อนเพื่อน เริ่มขายไม่คุ้มค่าเด็กค่าเช่า เลยต้องปิดกิจการก่อน
กับสงสัยว่า เด็กโกงนับแก้วด้วย เลยปิดไปเลยตัดปัญหา ไม่มีเวลาดูแลจริงๆ ผมเลยต้องยอมครับ (ไม่ดูร้าน โอกาสโดนโกงสูงมากครับ) เก็บของกลับมากองที่โกดังหลังร้านตู้แช่ไว้
ต่อมา ร้านเครื่องใช้ไฟฟ้าครับ เนื่องจากเราร้านใหม่ในพื้นที่ แถมสายป่านไม่ยาว ไม่สามารถปล่อยผ่อนแบบร้านเก่าแก่ได้ เน้นขายสดราคาถูก แต่ของออกไว พอราคายางพาราตกเหลือโลละไม่กี่บาท กำลังซื้อในต่างอำเภอหายเกลี้ยงครับ (แถบอุดรนี่สวนยางพาราเยอะมากนะครับ)
ประกอบกับ หัวหน้าเซลล์ลาออกไปร้องหมอลำ ไม่มีคนวิ่งดูสาขา ยอดขายก็ร่อแร่ๆ ผมเลยตัดสินใจปิดทั้งสองสาขาต่างอำเภอ โละของขายทิ้งต่ำกว่าทุนเกือบหมด เอามาถือเป็นเงินสดในมือไว้ก่อน
ร้านเสื้อผ้าของน้องสาวผม ตามไปด้วยครับ คนเดินแทบไม่มี คนจะใช้เงินยิ่งยาก เลยตัดสินใจปิดทั้งสองร้านครับ น้องสาวผมหันไปทำงานประจำในอุดรแทน โชคดีได้งานดี ตอนนี้เลยสบายไปเลย แต่พวกค่าลงทุนแต่งร้าน มัดจำต่างๆ จมหายไปเยอะครับ ตอนนั้นนี่อารมณ์เหมือนพึ่งถอนฟันคุดอะครับ กลืนน้ำลายทีไร มีแต่เลือด
1
ตามมาด้วยช่วงพายุเข้า อุดรนี่เป็นบ้าอะไรก็ไม่รู้ หน้ามรสุมก็ตกดีจังเลย ตกทุกวี่ทุกวัน มันกระทบร้านคั่วไก่ผมเต็มๆเพราะเราขายข้างถนน จากได้ทุกวัน เป็นอาทิตย์นึงได้ขาย 3-4 วัน ที่เหลือฝนตก
ผมเลยตัดสินใจ ย้ายเข้าตึก เพื่อเปิดเป็นร้านจริงจัง 1 คูหา ได้ขายได้แม้วันฝนตก ปัญหาที่ตามมาอีก คือ พ่อครัวมันไม่นิ่ง เปลี่ยนเข้าออกเป็นว่าเล่น พอย้ายเข้าตึก ผมเลยตัดสินใจเข้าคุมครัวเองเลย ว่าง่ายๆ ลงมือทำเองนั่นแหละ
ช่วงเข้าวิกฤตนี้ ผมเริ่มรายได้ไม่พอจ่ายงวดเดือนละ 1.3 แสนแล้วครับ ผมเลยเข้าไปเจรจากับกสิกร ขอผ่อนชำระแค่ดอกเบี้ยไปก่อน กสิกรยอมครับ เลยเหลือจ่ายเดือนละ 6-7 หมื่นพยุงไป 2 ปีครับ
ตอนนี้ พ่อกับแม่ผมรู้แล้วว่า ลูกชาย ลูกสาวเกิดปัญหาอยู่ที่อุดร ท่านก็ตัดสินใจขายบ้านที่สมุทรปราการ เพื่อหวังให้ผมมาใช้หนี้บ้าง แต่ผมไม่เอา ผมบอกว่า มันบ้านพ่อแม่ ให้เก็บไว้เถอะ ผมยังไปได้ ไม่ตายง่ายๆหรอก
แต่แล้วท่านก็ขายบ้านจนได้ และย้ายขึ้นมาอยู่ตึกแถว 2 คูหาที่เป็นหน้าร้านขายตู้แช่กับผมและน้องสาว ถึงแม้จะคับแคบและไม่มีสวนที่พ่อชอบทำ แกก็ยอมมา
ผมเลยยกร้านตู้แช่มือสองให้พ่อคุมร้านทั้งหมด ตอนนั้นเหลือลูกน้องอยู่ 2-3 คน ผมให้ออกไปเกือบหมด เพราะไม่มีงานให้ทำ รถกระบะเหลือ 2 คันไว้พอส่งตู้แช่ ส่วน Ford Ranger ผมรีบขายแบบยกให้ไปผ่อนต่อทันที เงินดาวน์ไม่เอาสักบาท เวลาผมขาลง ผมรีบตัดภาระทันทีครับ เราแบกไว้ไม่ไหว ไม่งั้นจมทั้งหมด ไม่มีรถใช้ ไม่ตายครับ ใช้กระบะแครี่เอา
ส่วนตัวผมย้ายมานอนบนร้านคั่วไก่ที่ไปเช่าตึกแถว 1 คูหา เพราะต้องตื่นไปตลาดซื้อของแต่ตี 5 ให้พวกพ่อครัวไปซื้อไม่ได้ แม่งโกงเราอีก
ตอนนั้นเลยทำเองเกือบหมดครับ ตื่นตี 5 เข้านอนเที่ยงคืน วนลูปไปแบบนี้ พอเข้าช่วงหลังๆ ไอ้ร้านแฟรนไชส์ที่ไปซื้อมา เริ่มมีปัญหาการส่งของครับ เส้นใหญ่ น้ำมันหอยสูตรเฉพาะ เริ่มส่งบ้างไม่ส่งบ้าง ผมก็พอเดาได้ครับ
1
เพราะทางเค้าก็ขยายสาขาเองเยอะ พอของน้อย ก็เอาใช้ในสาขาตนเองก่อน ของก็เริ่มมาถึงผมน้อยลง ช้าลง ผมก็ต้องแก้ปัญหาด้วยการหาของในพื้นที่ทดแทน สิ่งที่ตามมาคือ รสชาติครับที่เปลี่ยนไป เปลี่ยนไปจนลูกค้ารับรู้ได้เลยครับ
เดือนหลังๆของปีที่ย้ายมาอยู่ตึก ลูกค้าน้อยมาก น้อยจนนับได้เลยครับ ผมก็ไปต่อไม่ได้ครับ ต้องตัดสินใจ พับฐาน ย้ายออกตอนครบปีพอดี
ยกของทั้งหมดกลับไปไว้โกดังหลังร้านตู้แช่เหมือนเดิม หมดไปเยอะครับ เจ็บไปเยอะ ทั้งเงินลงทุน ค่ามัดจำ ค่าเช่าต่างๆ ถ้าเทียบเป็นโรค ก็ ไข้เลือดออกอ่ะครับ ออกแม่งทุกรูจนแทบหมดตัว
ตอนนั้น เงิน OD ผมหมดบัญชี 2.8 ล้าน ใช้เกลี้ยง เหลือเงินติดบัญชี หมื่นนึงได้ ธุรกิจหายหมด เหลือแค่ร้านตู้แช่มือสองที่ตึกแถว 2 คูหาอย่างเดียวครับ
สรุป Part 3 ช่วงนี้มันส์สุดของชีวิตผมล่ะครับ ครบรสชาติ สะใจเกินคำบรรยายครับ แต่สิ่งหนึ่งที่ผมได้มาคือ ทักษะการตัดสินใจกับ Sunk Cost ครับ Sunk Cost คืออะไร คือ ต้นทุนที่จมลงทุกวัน
เปรียบเช่น หุ้นที่กำลังตก คนถือจะขายช่วงไหนแค่นั้น แต่สำหรับผม ผมตัดใจขายทิ้งทุกอย่างก่อนจะสายเกินแก้ครับ ไม่ปล่อยจนเน่าเละทะ พอดูแล้วมันเริ่มลง รีบตัดจบครับ เปลี่ยนทุกอย่างให้เป็นเงินสดถือไว้ แล้วหาช่องทางเริ่มใหม่ ตอนนี้ผม Sunk Cost Decision +9 เลยครับ (ภูมิใจดีไม๊เนี่ย 55555++)
ติดตามต่อ Part 4 นะครับ The Resurrection
ทุก Like คือกำลังใจ ❤️
ท่านใดยังไม่ได้อ่านตั้งแต่เริ่มต้น อ่านย้อนหลังได้ตามลิงค์นี้ครับ👇
Part 1
Part 2
#ลุงแมน
โฆษณา