Blockdit Logo
Blockdit Logo (Mobile)
สำรวจ
ลงทุน
คำถาม
เข้าสู่ระบบ
มีบัญชีอยู่แล้ว?
เข้าสู่ระบบ
หรือ
ลงทะเบียน
มนุษย์กล่อง
•
ติดตาม
22 ก.พ. 2019 เวลา 09:41 • ไลฟ์สไตล์
แชร์ประสบการณ์ งบน้อยก็เป็นเด็กนอกได้ กับ โครงการ
Work and Holiday ประเทศ Australia 🇦🇺
ตอนที่ 3 เริ่มต้นหางานและทำงาน
คราวนี้เราจะมาแชร์เรื่องหางาน และการทำงานที่ Melbourne กันค่ะ
Photography by J.Mahaudomchab
ก่อนอื่นต้องเล่าถึงเงื่อนไขวีซ่า WAH ก่อนค่ะ ว่าทำอะไรได้บ้าง
1) เรียนภาษาได้ ระยะไม่เกิน 4 เดือน
2) ทำงานได้ Full Time ไม่จำกัด
3) ระยะเวลาทำงาน 6 เดือน ต้องเปลี่ยน นายจ้างใหม่
4) เสียภาษี 15% ตั้งแต่ ดอลลาร์แรกที่หาได้
5) ท่องเที่ยวได้
สามารถต่อวีซ่าปี 2 ได้ โดยมาเงื่อนไขต้องไปทำงานตามที่รัฐบาลออสเตรเลียกำหนด ในพื้นที่ที่รัฐบาลกำหนด เป็นระยะเวลาไม่ต่ำว่า 3 เดือนค่ะ
และเมื่อปลายปีที่ผ่านมา มีเปิดต่อวีซ่าปี 3 ด้วยค่ะ
เงื่อนไขต้องไปทำงานตามที่รัฐบาลออสเตรเลียกำหนด ในพื้นที่ที่รัฐบาลกำหนด เป็นระยะเวลาไม่ต่ำว่าระยะเวลาเป็น 6 เดือน
มาเข้าเรื่องของเราต่อดีกว่าค่ะ 😊
ครั้งแรกที่ไปก็จะกลัวเรื่องภาษา รู้สึกไม่มั่นใจมากๆเพราะฟังสำเนียงออสซี่ยาก แถมที่นั่นไม่มีแค่ออสซี่ มีอินเดีย จีน เอเชียแบบเราๆ และยุโรปด้วยค่ะ มีหลากหลายชาติมากๆ
เราเริ่มต้นหางานจากเว็บที่หาบ้านนั่นแหละ คือ เว็บ
http://www.aussietip.com/
เราสมัครงานกับร้านไทยไปหลายที่แต่ก็เงียบ ส่วนใหญ่เขาอยากได้คนมีประสบการณ์ เคยเจองานล้างจานยังขอคนมีประสบการณ์เลยค่ะ 😅 ไม่ว่าที่ไหนก็หางานยากจริงๆ
และเราก็ลองสมัครงานตามเว็บ
https://www.seek.com.au
เว็บนี้จะเป็นงานของคนที่นั่นและสำหรับคนได้ภาษาค่ะ ซึ่งเราสมัครงานไปก็เงียบหายตลอด
สิ่งหนึ่งที่เราได้เรียนรู้จากงานสมัครงานจากเว็บนี้คือ พวกวุฒิการศึกษา และ certificate ที่เขาระบุส่วนใหญ่รับคนเรียนจบที่ออสเตรเลียค่ะ ต่อให้จบหรูหรา มีประสบการณ์ทำงานในไทยเยอะ หรือเก่งแค่ไหนก็มีโอกาสน้อยค่ะที่จะได้งานค่ะ
แต่ไม่ใช่ไม่มีโอกาสนะคะ มีเพื่อนในโครงการเดียวกันได้ทำงานออฟฟิศก็มีนะคะ เป็นเพียงส่วนน้อยมากค่ะ
เราเคยโดนปฏิเสธงานบริษัทด้วยเหตุผล เงื่อนไขวีซ่าเรา ทำงานได้แค่ 6 เดือน ต่อนายจ้าง
เขาบอกเราว่าเขาต้องเสียเงิน เสียเวลาในการเทรนงานเรา พอเราเป็นงาน พอทำได้แค่ 6 เดือนก็ต้องเปลี่ยน
แต่ชีวิตเรามันต้องกินต้องใช้ เราจะมามัวเลือกงานไม่ได้ค่ะ เพราะค่าใช้จ่ายมันมาจ่อเป็นสัปดาห์ต่อสัปดาห์ค่ะ เราต้องหางานให้ได้เพื่อลดภาระการใช้เงินทุนของเราไปมาก
อารมณ์งานอะไรก็ทำขอแค่ได้เงินก็พอ
แล้วงานอะไรที่อย่างเราทำได้บ้าง?
หลักๆคืองานร้านไทย ไม่ว่าจะร้านนวด ร้านอาหาร ร้านคาเฟ่ ที่มีเจ้าของเป็นคนไทย เรามีโอกาสได้งานง่ายกว่างานอื่นๆค่ะ ยิ่งร้านที่ให้ค่าแรงตามกฎหมายเราก็ยิ่งต้องไปแย่งชิงค่ะ
ประสบการณ์ทำงานที่นั่นก็สำคัญมากค่ะ เพราะส่วนใหญ่ก็อยากได้คนมีประสบการณ์ ไม่ว่าจะเสริฟหน้าร้านหรืองานในครัว งานนวดก็เช่นกันค่ะ
ต่อให้อยู่ไทยเราทำงานเก่งมาก มีความสามารถเยอะ หรือ เคยเป็นระดับหัวหน้างานก็เถอะ แต่อยู่นี่ทุกคนเท่ากันค่ะ มานี่ก็เหมือนมาเริ่มต้นใหม่ งานที่พวกเราทำได้สำหรับที่นั่นคือพวก worker ใช้แรงงานค่ะ
แต่ถ้ามีทักษะพิเศษ หรือความสามารถเฉพาะทางก็มีโอกาสหางานได้ค่าแรงดีขึ้น เช่นเพ้นท์เล็บ สักคิ้ว ต่อขนตา
เราเคยโดนว่าเจ้าของร้านคนไทยว่าด้วยค่ะ
เขาพูดว่าเราว่า “จ้างให้มาใช้แรงงานมีหน้าที่ทำตามคำสั่งเท่านั้นไม่มีสิทธิ์มีความคิดใดๆนอกจากทำตาม สั่งให้ทำอะไรต้องทำเดี๋ยวนี้”
เราใช้เวลาหางานอยู่ 3 สัปดาห์ นับจากวันแรกที่มาเหยียบแผ่นดินออสเตรเลียเลยนะคะ
ซึ่งเราโชคดีมากค่ะ มีเพื่อนรุ่นพี่ในโครงการเดียวกัน เรารู้จักกันตอนไปยื่นเอกสารที่ ดย.
เราแลกไลน์กันไว้และแชร์พวกแพลนเดินทางและพวกฟอร์มแปลเอกสารกันค่ะ เราเลยมีเพื่อนค่ะ ไม่เหงาโดดเดี่ยวตัวคนเดียวเท่าไหร่
และเป็นโชคดีที่บ้านใหม่เรากับพี่เขาอยู่ใกล้ๆกัน
พี่เขาและโรงงานทำขนมปังค่ะ และโชคดีก็มาเยือนเรา โรงงานพี่เขาทำงานเปิดรับคนงานเพิ่มพอดี พี่เขาก็ดึงเราเข้าไปทำด้วย เราเลยได้งานนี้ค่ะ แต่เป็นงานลูกจ้างชั่วคราวนะคะ โรงงานอยู่แถวชาญเมือง นั่งรถไฟไปต่อบัส
Photography by J.Mahaudomchab
รูปด้านบนคือตอนออกไปนั่งรอรถไฟมา ตอน ตี 5 ค่ะ
วิธีหางานอีกวิธีหนึ่งคือ connection ค่ะ จากเพื่อนๆเรานี่แหละชวนกันไปแนะนำกันไป
แต่เราก็ใช่ว่าจะเจอเพื่อนดีเสมอไปนะคะ อย่าลืมว่าคนที่ไปที่นั่นมีจุดมุ่งหมายคือไปหาเงิน ก็จะมีคนที่ไม่ช่วยคนอื่นเพราะกลัวตัวเองถูกลดชิฟเวลางานก็มีค่ะ
ในความคิดเราถ้าเจ้าของร้านเขาประเมินแล้วว่าคนไม่พอสุดท้ายเขาก็รับคนเพิ่มอยู่ดี ถ้าไม่แนะนำเพื่อนเรา เขาก็รับคนอื่นอยู่ดีค่ะ แต่คนเรานานาจิตตังคะ ต่างคนต่างความคิด
งานที่เราได้เป็นงาน Full Time 8.30 ชั่วโมง ต่อวัน ทำ จันทร์-ศุกร์ งานเข้า 6.00น. เลิก 14.30น. ค่าแรงชั่วโมงละ 25$ ค่ะ ฟังดูดีใช่มั้ยค่ะ ค่าตอบแทนดีมากๆ แต่!! อย่าเพิ่งดีใจไปเพราะความลำบากที่แท้ทรูกำลังเริ่มต้นจากนี้ค่ะ
ด้วยตัวโรงงานอยู่ไกล เราต้องตื่น ตี 4 ทุกวัน มาล้างหน้าแปรงฟัน แต่งตัว เตรียมข้าวเช้าไปกินบนรถไฟ เตรียมข้าวกลางวันกับขนมสำหรับเบรคเช้าบ่ายใส่กระเป๋า และออกไปขึ้นรถไฟเที่ยวแรกให้ทัน เวลา 5.08น.
ลงรถไฟ ไปต่อ บัส และ เดินต่อไปที่โรงงานอีก
ถึงที่ทำงานก็ 6.00น. พอดีเป๊ะค่ะ
รวมเวลาเดินทางทั้งหมดก็ชั่วโมงพอดีค่ะ
(ด้านล่างคืออาหารกล่องที่ทำเตรียมไว้สำหรับไปทำงานวันถัดไปค่ะ)
หลังเลิกงานเรามักจะแวะไปตลาดเอเชียค่ะ ไปซื้อผัก ซื้อไก่ ซื้อปลา และผลไม้มาตุนไว้ทำอาหารค่ะ
Photography by J.Mahaudomchab
นี่แหละชีวิตน้อยๆในต่างแดนของเรา
ตอนเราอยู่ กทม. เราต้องแย่งชิงวินตอนเช้าไปปากซอยไปแย่งชิงเบียดคนเข้ารถไฟฟ้าเพื่อให้ไปทำงานทัน ระยะเวลาเดินทางก็พอๆกันค่ะ ดังนั้นเรื่องความลำบากในการเดินทางไม่ใช่ปัญหาค่ะ แค่ตื่นเช้ามากๆไปหน่อย 😅
ลักษณะงานที่ทำก็ไม่ยากค่ะ แค่ยืนขาแข็ง ก้มหน้า ปิ้งขนมปังวันละ 7.3 ชั่วโมงเอง 😅 เขาจะมีเบรคเช้า 15 นาที เบรคกลาง 30 นาที และ เบรคบ่าย 15 นาที
งานของเราคือมีหน้าที่เอาขนมปังแท่งยาวๆใส่เครื่องหั่น แล้วเอาขนมปังที่หั่นวางบนสายพานเครื่องปิ้ง ถ้าวางไม่ทันมือเราก็จะเข้าไปชิดเครื่องปิ้งก็จะร้อนหน่อย ดังนั้น
สโลแกนเราคือ ปิ้งให้เร็ววางให้ไว ถ้าทำได้เรารอดตัวค่ะ 😅
ถ้าทำไม่ทันจะถูกหัวหน้าที่เป็นคน ติมอร์ตะวันออก ต่อว่าค่ะ และถ้าโดนว่าหลายๆครั้งอาจถูกเลิกจ้างเลยก็ได้ค่ะ
คนงานในโรงงานส่วนใหญ่เป็นเอเชียค่ะ ส่วนใหญ่เป็นคนไทยและก็เวียดนาม กับ กัมพูชา มีเกาหลีบ้างแต่น้อย ส่วนออฟฟิศก็เป็นออสซี่ค่ะ อารมณ์เหมือนต่างด้าวตามชาติไทยเข้ามาทำงานที่ไทยแหละค่ะ
เราก็ไปเป็นต่างด้าวของออสเตรเลีย อารมณ์เดียวกันแป๊ะๆ
แต่เราก็สู้เพื่อเงินค่ะ และงานลูกจ้างชั่วคราว มันไม่แน่ไม่นอนจริงๆค่ะ
พอเราทำได้ไปประมาณ 1 เดือน อยู่ๆเราก็ถูกเทค่ะ เราถูกเลิกจ้างกระทันหัน ในวันถนัดมาค่ะ โรงงานให้เหตุผลว่าไม่มี Order แล้ว
ทุกคนถูกเทหมดค่ะ แยกย้ายไปหางานใหม่ 😭
จากเหตุการณ์ที่เจอ
เรามานั่งนึกย้อนดูตัวเราเองค่ะ มานั่งพิจารณาดู
ตอนอยู่ไทยถ้าเข้างานเช้าขนาดนี้ ให้มาทำงานแรงงานแบบนี้เราไม่มีทางทำนี้แน่นอนค่ะ
อยู่ไทยเราเป็นคนจัดว่าเป็นคนเลือกงานคนหนึ่งเลย
แต่อยู่นี่เราแทบเลือกงานไม่ได้เลย มีโอกาสเข้ามาต้องรีบคว้าไว้ เราได้เข้าใจคนที่เขาไม่มีโอกาสเลือกงานแบบเราเลยค่ะได้เข้าใจในความลำบากดิ้นรนเพื่อความอยู่รอด
และนั่งสงสารตัวเองทุกวันเลยค่ะที่ต้องมาทนลำบากแต่มาแล้วต้องสู้ค่ะ ถ้าเราไม่มาเราก็จะไม่รู้รสชาติชีวิตเป็นอย่างไร เราจะไม่ได้เห็นมุมมองชีวิตด้านอื่นๆ
เมื่อเราตกงานแบบกระทันแล้ว ตอนต่อไปเราต้องหางานใหม่ทำ คราวนี้เราจะได้เจอโลกความจริงอีกด้านค่ะ
ตอนต่อไปเราจะเล่าถึงการเอาเปรียบเด็กไทยจากคนไทยด้วยกันค่ะ รอติดตามกันนะคะ
ปล. เงินเดือนออกเป็นรายสัปดาห์ โอนเข้าบัญชี
และตามเงื่อนไขวีซ่าเราคือ ที่เราหามาได้จะถูกหักภาษีให้รัฐบาล 15% ค่ะ
เราถูกหักเงินมากกว่า 100 ดอลลาร์ทุกสัปดาห์เลยค่ะ
หาเงินได้มากก็ถูกหักมากเช่นกันค่ะ 😔
จะว่าหาเงินได้เยอะ แต่ก็ถูกหักเยอะเช่นกันค่ะ
ขอบคุณมากอ่านจนจบ และติดตามเพจเรานะคะ
พบกันใหม่ในตอนหน้านะคะ สวัสดีค่ะ
#มนุษย์กล่อง
สามารถย้อนอ่านตอนอื่นๆได้ตามลิ้งค์ด้านล่างค่ะ
ตอนที่ 1
https://www.blockdit.com/articles/5c6d353927e76348eb4d6613
ตอนที่ 2
https://www.blockdit.com/articles/5c6e310818df4b029592ffee
2 บันทึก
10
5
7
ดูเพิ่มเติมในซีรีส์
Work and Holiday Visa พาฉันไป Australia 🇦🇺
2
10
5
7
โฆษณา
ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
© 2025 Blockdit
เกี่ยวกับ
ช่วยเหลือ
คำถามที่พบบ่อย
นโยบายการโฆษณาและบูสต์โพสต์
นโยบายความเป็นส่วนตัว
แนวทางการใช้แบรนด์ Blockdit
Blockdit เพื่อธุรกิจ
ไทย