18 พ.ย. 2019 เวลา 13:26 • วิทยาศาสตร์ & เทคโนโลยี
หลังจากทุ่มเทงบประมาณหลายพันล้านเหรียญฯ และเวลาเป็นสิบ ๆ ปีในการวิจัย ปัจจุบันอุปกรณ์ตรวจจับวัตถุระเบิดที่ดีที่สุดที่เรามีก็คือ..... "จมูกหมา" 😅
หน้าตาผมอาจงงๆ แต่เชื่อฝีมือผมได้นะคร๊อบบ.. 😉😊
เครื่องดมกลิ่นหาวัตถุระเบิดรุ่นล่าสุดกับอุปกรณ์ตรวจจับสี่ขาที่เราคุ้นเคย, เครดิตภาพ BOB O'CONNOR
แม้จะมีความพยายามค้นคว้าวิจัยอุปกรณ์ตรวจจับระเบิดที่แม่นยำ รวดเร็ว ไว้ใจได้ แต่จนวันนี้อุปกรณ์ตรวจวัตถุระเบิดที่ทรงประสิทธิภาพสูงสุดก็ยังคงเป็นสุนัข เจ้าเพื่อนยากของมนุษย์เราที่เอง
ซึ่งสุนัขนั้นมีความสามารถในการรับรู้และแยกแยะกลิ่นดีกว่ามนุษย์ 10,000 ถึง 100,000 เท่า 😯👍
ในปี 1997, Defense Advanced Research Projects Agency หรือ DARPA ของกระทรวงกลาโหมสหรัฐฯ อนุมัติงบวิจัยโครงการ Dog's Nose เพื่อสร้างอุปกรณ์ตรวจจับวัตถุระเบิดภาคสนามที่มีประสิทธิภาพ ด้วยงบประมาณเริ่มต้น 25 ล้านเหรียญสหรัฐฯ
อุปกรณ์ตรวจจับวัตถุระเบิดภาคสนาม, เครดิตภาพ C. Reding/NOMADICS
ซึ่งในปี 2001 ในการสาธิตอุปกรณ์ตรวจจับวัตถุระเบิดภาคสนาม ที่ให้ผลทดสอบดีเยี่ยมในห้องปฎิบัติการ แต่กลับให้ผลตรวจภาคสนามที่แย่กว่าสุนัขดมกลิ่นเป็น 10 เท่า และในบางครั้งยังให้ผลที่ผิดพลาดอย่างหนัก เช่น บอกว่าต้นไม้คือระเบิดเป็นต้น 😅
และ 10 ปีต่อมาในปี 2010 หัวหน้าศูนย์บูรณาการรับมือการโจมตีด้วยวัตถุระเบิดชนิดประกอบเอง หรือ JIEDDO ได้ออกมายอมรับว่าแม้จะใช้สินทรัพย์มูลค่ารวมกว่า 19,000 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ในระบบซึ่งประกอบไปด้วยโดรนสอดแนม เครื่องตัดสัญญาณวิทยุ และอุปกรณ์ตรวจจับบนเครื่องบิน แต่ประสิทธิผลในการตรวจพบและป้องกันการโจมตีด้วยระเบิดกลับอยู่แค่ 50% ในขณะที่สุนัขสามารถตรวจเจอได้กว่า 80% 😯👍
โดยในปี 2010 กองกำลังผสมในอัฟกานิสถานประสบปัญหาอย่างหนักจากการโจมตีด้วยระเบิดพลีชีพ เนื่องจากวัตถุระเบิดที่ทำจากปุ๋ยและสารเคมีที่ใช้ในชีวิตประจำวันใส่ในขวดพลาสติกแทบไม่สามารถตรวจจับด้วยเครื่องแสกนระเบิดแบบเดิมได้เลย ความหวังสุดท้ายจึงต้องอยู่ที่เจ้าตูบ
อุปกรณ์ไฮเทคสู้ผมไม่ได้หรอกนะเจ้านาย, เครดิตภาพ C. Reding/NOMADICS
แม้ปัจจุบันจะมีอุปกรณ์ตรวจวัตถุระเบิดที่มีความแม่นยำ รวดเร็ว ใกล้เคียงสุนัขแล้วแต่ก็เป็นอุปกรณ์ขนาดใหญ่ ซึ่งต้องนำวัตถุระเบิดมายังตัวเซนเซอร์เพื่อทำการตรวจจับ
แต่ทั้งนี้เครื่องตรวจวัตถุระเบิดตามสนามบินก็ยังมีส่วนสำคัญในการป้องกันเหตุร้ายได้อย่างมีประสิทธิภาพ
เครื่องตรวจระเบิดตามสนามบิน
ซึ่งทางสถาบันมาตราฐานเทคโนโลยีแห่งอเมริกา (NTIS) ก็ได้พัฒนาหัวเซนเซอร์ให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น
โดยหัวเซนเซอร์รูปแบบใหม่นี้จะเลียนแบบการทำงานของจมูกสุนัขโดยการปั๊มอากาศเข้าและออกร่วม 10 ครั้งต่อวินาที ซึ่งวิธีการสูดหายใจแบบนี้จะดูดเอาสารวัตถุระเบิดเข้าไปในอุปกรณ์ตรวจวัดได้มากกว่าการดูดอากาศเข้าอย่างเดียว
1
จมูกหมาเทียมเทียบเคียงสุนัข, เครดิตภาพ www.technologyreview.com
ก็ไม่น่าเชื่อนะครับว่าการสูดกลิ่นฟุดฟิดแบบที่เจ้าตูบทำมันช่วยดมกลิ่นได้ดีขึ้นจริง 😉
และในปี 2017 ทีมวิจัยของ MIT ได้พัฒนาชุดตรวจจับที่มีความแม่นยำและรวดเร็วเทียบเคียงสุนัข แต่ยังคงมีขนาดใหญ่เท่าตู้เสื้อผ้า ซึ่งทีมวิจัยก็ไม่ได้มุ่งหวังให้อุปกรณ์นี้มาแทนที่สุนัขแต่ไว้ใช้ฝึกพวกมันต่างหาก
ซึ่งจากการทดสอบทำให้ได้รู้ความจริงว่าการตรวจระเบิดพลาดเจอแต่กระป๋องเปล่าของเจ้าตูบนั้น แท้จริงแล้วเพราะกระป๋องนั้นเคยใส่สารวัตถุระเบิดมาก่อน และเจ้าตูบก็จมูกไวพอที่จะได้กลิ่นสารระเบิดจาง ๆ นั้น
ซึ่งวิธีนี้ผู้ก่อการร้ายใช้ในการดึงความสนใจ และทำให้เจ้าหน้าที่ควบคุมสุนัขเข้าใจผิดว่าสุนัขมีปัญหาในการดมกลิ่น
ดังนั้นด้วยเครื่องสอบเทียบนี้เราจะสามารถฝึกสุนัขให้รู้ถึงระดับความเข้มกลิ่นที่เหมาะสมและแยกออกว่ามีวัตถุระเบิดอยู่จริง ทำให้สามารถตรวจจับวัตถุระเบิดได้แม่นยำมากยิ่งขึ้น
ครับ สุดท้ายทุ่มเป็นล้านใช้เวลาเป็นสิบ ๆ ปี ก็ยังต้องพึ่งเจ้าตูบอยู่ดีเนอะ เพื่อนที่แสนดีของมนุษย์ 😁👍
ปล. ไม่ขอกล่าวถึงเครื่องตรวจระเบิดในตำนานนะครับ 😅
1

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา