20 เม.ย. 2020 เวลา 12:00 • ยานยนต์
Carman ยินดีนำเสนอ
EP12 : วิเคราะห์ Honda Civic FC 1.8 เจาะลึกข้อดี-ข้อเสีย ภายใต้ยอดขายที่สวยงาม มีสัญญาณอันตรายซ่อนอยู่
*คำเตือน : บทความนี้มีการใส่ความคิดเห็นของผู้เขียนเพื่อเพิ่มอรรถรสในการรับชมเเละให้เห็นเเง่มุมอีกมุมหนึ่ง มิได้มีเจตนาบิดเบือนข้อมูล โปรดใช้วิจารณญาณในการรับชม หากผิดพลาดประการใด ขออภัยครับ
เเบบสรุปสั้นกระชับ
ข้อดี
1
+ดีไซน์ภายนอก-ภายในยังสปอร์ตสวยงาม
+ภายในกว้างขวางนั่งสบายที่สุดในกลุ่ม
+เบาะหลังมี headroom เยอะมาก
+เครื่องยนต์เเรงพอไหว ซ่อมง่าย สบายใจ
+ช่วงล่างนุ่มที่สุดในกลุ่ม ดีกว่า FB มาก
+พวงมาลัยน้ำหนักดี เเม่นยำ
+เบรกดีขึ้นกว่า FB มาก
+ออพชั่นภาพรวมค่อนข้างโอเค
ข้อเสีย
-ขนาดตัวถังต่างจาก City น้อยเกินไป
-อัตราเร่งเเซงด้อยกว่า City เเถมกินน้ำมันในเมือง
-เบาะหลังมี legroom เล็กกว่า City
-ความมั่นใจช่วงล่างยังด้อยที่สุดในกลุ่ม ใช้งานจริงเเอบตึงตังกว่า City
-ในขณะที่การเก็บเสียงของ City ดีขึ้นมาก
เเต่การเก็บเสียงของ Civic 1.8 นั้นเป็น
"การเก็บเสียงสไตล์ฮอนด้าของเเท้"
-การใช้วัสดุภายในเเละการประกอบนี่ไม่อาย City บ้างเลยหรอ
-งกของบางอย่างเเบบไม่เข้าท่า บางอย่าง
เเอบงกมากกว่า City
-ฟังก์ชันบางจุดอาจใช้งานได้ไม่ดีเท่า City
เเละนั่นละครับ คือ การวิเคราะห์ข้อดี-ข้อเสีย Honda Civic FC 1.8 เเบบสั้นกระชับรวดเร็วสำหรับท่านที่ต้องการความรวดเร็ว
คราวนี้สำหรับท่านที่ต้องการดูการวิเคราะห์เเละเจาะลึกข้อดี-ข้อเสียตามเเบบฉบับของ Carman เเล้วละก็ เลื่อนนิ้วลงไปอ่านด้านล่างเลยครับ
ความเดิมตอนที่เเล้ว
EP ก่อนหน้านี้เราได้เจาะลึกข้อดี-ข้อเสีย Mitsubishi Pajero Sport ไปเเล้ว ใครยังไม่ได้อ่าน คลิกได้ที่นี่ครับ
ย้อนกลับไปก่อนหน้านั้น หากใครจำกันได้
เราเคยเจาะลึกข้อดี-ข้อเสีย Honda City รถ B-Segment(ขนาดเล็กมาก) ไปเเล้ว ใครยังไม่ได้อ่าน เชิญได้ที่นี่ครับ
เเต่รถ Honda นั้นนอกจากรุ่นน้องเล็กอย่าง City เเละรุ่นใหญ่อย่าง Accord(D-Segment ถือว่าใหญ่ที่สุดใน Honda)
ยังมีอีกรุ่นนึงที่ชื่อเสียงโด่งดังเเละถ้าไม่มีรุ่นนี้อาจไม่มีเเบรนด์นี้เลยก็ได้ นั่นคือ Honda Civic(C-Segment)ที่คั่นกลางระหว่าง City เเละ Accord
หากจะเล่าถึงประวัติของ Civic นั้นคงยาวหลายชั่วโมงครับ ผมจะเล่าคร่าวๆนะครับ
Civic เป็นรถ Honda ที่ถ้าไม่มีรุ่นนี้ในตอนนั้นคงจะไม่มี"Honda"ทุกวันนี้อย่างเเน่นอน เพราะถือกำเนิดในช่วงต้นทษวรรษ 1970 ตอนนั้นต้องยอมรับว่าเเบรนด์ Honda ยังไม่มีชื่อเสียงโด่งดังมากนัก เเถมรถของตัวเองก็ขายไม่ดี จนเเบรนด์อยู่ในภาวะวิกฤติ ใกล้จะล้มละลาย เขาจึงต้องวางเเผนออกรถรุ่นใหม่มา หากรุ่นใหม่ไม่ประสบความสำเร็จ เเบรนด์ Honda ต้องจบสิ้นอย่างเเน่นอน
Civic Gen1 เกิดเมื่อวันที่ 11 กรกฎาคม 1972 โดยเป็นรถคันเเรกที่ผ่านมาตรฐานมลพิษของอเมริกาเเละเป็นรถญี่ปุ่นคันเเรกที่ขับหน้าเเล้วใช้ช่วงล่างอิสระ 4 ล้ออีกด้วย
ทำให้มากู้วิกฤติของ Honda ในตอนนั้นได้สำเร็จเเละหารู้ไม่ว่านั้นคือจุดเริ่มต้นความสำเร็จเเละจะกลายเป็นยุคเฟื่องฟูของ Honda(ที่ไทย) ในอีก 30 ปีต่อมา
ถือเป็นรถ Honda ที่มียอดขายสะสมสูงที่สุด ตอนนี้ขายไปเเล้วกว่า 18 ล้านคันอยู่ในอันดับที่ 6 ของรถที่ขายดีที่สุดในโลก เป็นรถที่มีอายุอานามมากที่สุดของเเบรนด์ เป็นรถรุ่นเเรกของเเบรนด์ที่ประสบความสำเร็จ เเละเป็นจุดกำเนิดให้กับรถ Honda อีกหลายรุ่นที่เกิดหลังจากนั้นทั้ง Accord(ปี 1976), CRV(ปี 1995), City(ปี 1996), HRV(ปี 1997),Jazz(ปี 2001) โดยทุกรุ่นที่กล่าวมานี้ก็ล้วนเเล้วเเต่มีจุดกำเนิดพื้นฐานเเนวทางหรือโครงสร้างมาจาก Civic ทั้งสิ้น
โดยมีปีที่จำหน่ายเเละรหัสรุ่นดังนี้ครับ
Gen1 : 1972-1979 รุ่น SB1
Gen2 : 1979-1983 รุ่น SL
Gen3 : 1983-1987 รุ่น AG
Gen4 : 1987-1991 รุ่น EF
Gen5 : 1991-1995 รุ่น EG
Gen6 : 1995-2000 รุ่น EK
Gen7 : 2000-2005 รุ่น ES
Gen8 : 2005-2012 รุ่น FD
Gen9 : 2012-2016 รุ่น FB
Gen10 : 2016-ปัจจุบัน รุ่น FC
ในไทยนั้น
-รุ่นที่นำเข้ามาขายในไทยครั้งเเรก เครื่องยนต์ 1.5 ลิตร คือ รุ่น AG
*Civic AG ถูกนำมาขายในไทยคล้อยหลัง Accord Gen2 เพียงเเค่ 1 ปีเท่านั้น(ที่นำมาขายช้ากว่าเพราะ Civic SL ตกรุ่นไปเเล้วในตอนที่มี Honda Thailand จึงต้องรอ Civic AG นั่นเอง)
-รุ่นที่เริ่มเป็นที่รู้จักมากขึ้นในไทย ฉายาสองชั้น ยังคงเครื่องยนต์ 1.5 ลิตร คือ รุ่น EF
*Civic EF ถูกนำกลับมาดัดเเปลงหน้าตาภายนอก-ภายในใหม่(เปลี่ยนเปลือก) เเละวางเครื่องยนต์ใหม่ ขายในชื่อ City Gen1 นั่นเอง(1996-2002) เป็นจุดกำเนิดของ City
-รุ่นที่มีโครงสร้างใหม่ดีไซน์โค้งมน ฉายาเตารีด มีทั้งเครื่อง 1.5 เเละ 1.6 ลิตร มีตัวถัง 3 ประตู ราคาเเค่ 3.6 เเสน สร้าง
ปรากฎการณ์ยอดจอง 3 วัน 10,000 คัน เป็นที่ถูกใจวัยรุ่นมากจนถึงทุกวันนี้ คือ รุ่น EG
*ตั้งเเต่ Civic AG ถึง EG เป็นยุคเริ่มต้นของ Honda ในยุคนั้น Honda มีรถขายในไทยเเค่ 2 รุ่น คือ Civic เเละ Accord
-รุ่นที่ใช้เครื่องหัวฉีดทั้งหมด 1.6 ลิตร ฉายา ตาโต เพิ่มถุงลมนิรภัย ABS ดิสก์เบรก 4 ล้อ ดีไซน์หรูขึ้น คือ รุ่น EK
*Civic EK ถูกนำพื้นฐานรถไปดัดเเปลงยกสูงเป็น SUV วางเครื่อง 2.0 ลิตร ขายในชื่อCRV Gen1(1995-2002) เป็นจุดกำเนิดของ CRV(เเละทุกวันนี้ CRV ยังคงใช้โครงสร้างร่วมกับ Civic ในยุคเดียวกัน)เเละถือเป็นครั้งเเรกที่รถ Honda มี CRV เเละ City เข้ามาขาย เป็นสมาชิกน้องใหม่
-รุ่นที่เริ่มใช้โครงสร้างนิภัย G-CON ใช้เครื่อง 1.7 ลิตร i-VTEC ครั้งเเรก เเละเพิ่มเครื่อง 2.0 ลิตร i-VTEC พรัอมเกียร์ Auto 5 speed ปรับภายในให้หรูขึ้น คือ รุ่น ES
*Civic ES เป็นรุ่นสุดท้ายที่มีเกียร์ Auto 4 speed(ในรุ่น 1.7 ลิตร)เเละใช้โครงสร้างตัวถังเดียวกับรุ่น EG เเละ EK
-รุ่นที่เปลี่ยนโครงสร้างใหม่ ขยายตัวถังใหญ่ ดีไซน์ล้ำยุคมาก ภายในใช้เเผงหน้าปัด 2 ชั้นเป็นครั้งเเรก มาพร้อมเครื่องยนต์ใหม่ 1.8 ลิตร i-VTEC เเละ 2.0 ลิตร i-VTEC เกียร์ Auto 5 speed ทุกรุ่น เพิ่มระบบ VSA เเละถุงลมด้านข้าง คือ รุ่น FD
*Civic FD ถือเป็น Civic ที่ขายดีที่สุดในไทย เเละขายดีทั่วโลก(ยกเว้นที่ญี่ปุ่นเพราะเรื่องของภาษี)
-รุ่นที่ใช้โครงสร้างเดิม เกียร์เดิม หดฐานล้อสั้นลง หน้าตาคล้ายเดิม เน้นใช้งานง่ายขึ้น เติม E85 ได้ เพิ่มระบบ Eco Assist ที่ช่วยประหยัดน้ำมันเเละ i-MID หน้าจออัจฉริยะรวมถึงม่านถุงลม คือ รุ่น FB(รถที่บ้านผมใช้ คือ Civic FB)
*Civic FB ถือเป็น Civic ที่มีอายุตลาดสั้นที่สุด โดนเลื่อนเปิดตัวเพราะน้ำท่วม เเถมต้องโดนรีบเร่งให้ตกรุ่น เพราะถือว่าไม่ประสบความสำเร็จที่สุดในบรรดา Civic ทุกรุ่น(ขายดีเเค่ 2 ปีเเรก)โดนด่าเรื่องวัสดุภายในเเละดีไซน์ เเต่ก็ถือเป็น Civic ที่ทนทานเเละปัญหาน้อยที่สุดเช่นกัน
-รุ่นปัจจุบัน ใช้โครงสร้างใหม่ ขยายตัวถังใหญ่ขึ้น (ที่จริงคือการนำโครงสร้าง Accord G9 มาประยุกต์)ดีไซน์สวยมาก นำเเนวทาง downsizing มาใช้เป็นครั้งเเรก เปลี่ยนมาใช้เกียร์ CVT เพิ่มระบบ Honda Sensing เเละสารพัดระบบ Safety คือ รุ่น FC
*Civic FC เป็น Civic ที่ขายดีที่สุดในไทยเหมือนรุ่น FD ขายได้เฉลี่ยเดือนละ 2000 คันต้นๆตั้งเเต่เปิดตัวจนถึงปัจจุบัน
จากการที่ Civic FB ไม่ประสบความสำเร็จเพราะดีไซน์นั้นคล้ายกับรุ่น FD เเต่ดูเรียบง่ายขึ้น จึงทำให้คนค่อนข้างอคติเพราะคาดหวังไว้สูง เเละโดนด่าเรื่องวัสดุภายใน เเถมเทคโนโลยีก็คล้ายๆกับ FD จนทำให้ Honda เเก้เกมส์อย่างที่ได้กล่าวไปข้างต้นครับ
ผลลัพธ์ คือ Civic FC ขายดีมากกก ตั้งเเต่ต้นปี 2016 ถึงปัจจุบัน ดีเเบบน่าตกใจ
มีการ Minorchange เมื่อปลายปี 2018 ซึ่งมีราคาดังนี้ครับ
รุ่น 1.8 E CVT 874,000
รุ่น 1.8 EL CVT 964,000
รุ่น 1.5 Turbo CVT 1,104,000
รุ่น 1.5 Turbo RS CVT 1,219,000
เเม้เเต่ Mazda3, Toyota Altis ที่เปิดตัวเมื่อปลายปีที่เเล้ว ยังทำอะไร Civic ไม่ได้เลย เเถมยังสะดุดขาตัวเองล้ม คือ ขายไม่ดีทั้งคู่ เเถม รุ่น FC ได้รับคำชื่นชมมากมายว่าสวยมาก เป็น Civic ที่ดีมาก
ขนาดรุ่นน้อง City Gen5 ที่เพิ่งเปิดตัวไปเน้นดีไซน์เรียบง่ายยังโดนด่าว่าห่วยเเตกเเละคนยังบอกกันอีกว่าเพิ่มเงินไป Civic ดีกว่า
เเต่จริงๆเเล้ว Civic FC 1.8 มันจะดีจริงอย่างที่คนส่วนใหญ่เขาว่าหรือ มันอาจจะมีเเง่มุมหรือสัญญาณอันตรายที่ซ่อนอยู่ก็ได้
วันนี้ผมจะขอเจาะลึกข้อดี-ข้อเสีย Civic FC เฉพาะตัว 1.8 ก่อนนะครับ เนื่องจากผมมองว่ามีรายละเอียดที่เเตกต่างจากตัว turbo เยอะพอสมควร จึงขอเเยกเป็น 2EP ครับ
โดยที่ผมจะนำไปเปรียบเทียบกับ น้อง City Gen5/รุ่นเก่า FB เเละคู่เเข่งทั้ง Toyota Altis เเละ Mazda3 ด้วยนะครับ
ข้อดี
-นับว่าเป็น hilight ที่สำคัญที่สุด คือ FC มีดีไซน์ที่สวยงามมากจนน่าหลงไหล เพราะมันดูใหญ่มากเมื่อมองด้วยตา ดูสวยทันสมัยสปอร์ตมีเกรด ครบเลยนะครับ เเถมภายในก็ออกไปในโทนสปอร์ตกว่า FD, FB ที่เน้นเเผงหน้าปัด 2 ชั้น ตอนนี้กลับมาเป็นชั้นเดียวเเล้ว ซึ่ง Altis ใหม่ก็ดูธรรมดาเกิน สวยสู้ไม่ได้ในสายตาของคนส่วนใหญ่ Mazda3 ก็คนละเเนวเน้นสปอร์ตพรีเมี่ยม ขณะที่ City Gen5 จะเน้นความเรียบง่าย ดูผู้ใหญ่กว่า ดีไซน์ FC เป็นสิ่งที่ดึงดูดคนซื้อมาก
-เเม้ขนาดภายนอกจะพอๆกันกับคู่เเข่งเเถมมีความสูงน้อยที่สุดในกลุ่ม เเต่อย่าลืมครับ ปรัชญา Man Maximum Machine Minimum ของ Honda ทำให้มันมีภายในที่กว้างขวางสะดวกสบายชวนนั่งมากที่สุดในกลุ่ม ไม่รู้สึกอึดอัดเหมือนความสูงภายนอก ส่วนหนึ่งเพราะตำเเหน่งเบาะนั่งที่ต่ำด้วย เเละมีพื้นที่เบาะหน้าเเละหลังที่สบาย มี legroom เบาะหลังเยอะมาก โดยตัวเบาะคู่หน้าก็มีเบาะรองนั่งที่ยาวกว่า FB เเละพนักพิงหลังที่ซัพพอร์ตดีกว่า FB ส่วนเบาะหลังก็ยังคงคล้าย FB คือ มีเบาะรองนั่งที่ยาวพอดี พนักพิงหลังมุมเอนค่อนข้างมาก ซึ่งโดยรวมภายในกว้างขวางกว่า FB เยอะ เเละเป็นจุดขายหลัก เพราะ Altis ดันทำภายในออกมาเล็กลงโดยเฉพาะเบาะหลังจนดูเเคบไป ขณะที่ Mazda3 นั้นภายในเล็กมากที่สุดในกลุ่มอยู่เเล้วตั้งเเต่สมัยก่อน ทำให้โดยรวม Civic FC นั่งสบายที่สุดในกลุ่ม
-นอกจากจะกว้างนั่งสบายเเล้ว สิ่งที่ amazing คือ มีพื้นที่ headroom เบาะหลังที่เยอะมาก ใกล้เคียงกับ Accord เลย เยอะกว่า FB, City, คู่เเข่งทุกคัน ซึ่งเป็นเพราะตำเเหน่งเบาะที่ต่ำมากเเละมุมเอนของพนักพิงหลังที่เอนมาก ทำให้เรามีพื้นที่เหนือศีรษะเยอะ เเม้เเต่คนสูง 180 ก็ยังนั่งได้ไม่อึดอัด
-เครื่องยนต์รุ่น 1.8(บล็อค R18) ยังคงเป็นเครื่องเดิมที่ลากใช้มาตั้งเเต่สมัย FD เพียงเเต่ว่าตอน FB ปรับให้เติม E85 ได้ พอมา FC ก็เปลี่ยนจากเกียร์ Auto 5 speed เป็น CVT ซึ่งตอนนี้ถือว่าเครื่องเก่าที่สุดในกลุ่ม เเต่ก็มีข้อดีตรงที่เรี่ยวเเรงยังใช้ได้ ไม่ได้อืดอาดกว่าคู่เเข่งมากนัก อัตราเร่งก็คล้ายๆเดิม ดีกว่า FB นิดหน่อยตรงที่ใช้ CVT ก็ทำให้การส่งกำลังไหลลื่นเเละเนียนมากขึ้น เเละประหยัดน้ำมันเวลาเดินทางไกล เเละที่สำคัญคือ เครื่องเก่ามีระบบกลไกไม่ซับซ้อน จึงทนทาน ซ่อมง่าย อะไหล่เยอะ หายห่วง
-ช่วงล่างของ Civic สมัยก่อนนั้น ES นี่ดีดเป็นลูกชิ้นโฮเด้ง พอมา FD,FB ก็ดีขึ้น เเต่ก็ยังถือว่าตึงตังอยู่ดี เเต่คราวนี้ด้วยโครงสร้างใหม่เเละการเซ็ตติ้งใหม่ ทำให้ FC 1.8 มีช่วงล่างที่นุ่มสบายที่สุดในกลุ่มเลย ซับเเรงสะเทือนได้ดีกว่ารุ่นก่อนๆมาก ทำให้ขับได้สบายมากขึ้น เเละยังเกาะถนน ให้ความหนึบดีกว่า FB มาก จนเพียงพอสำหรับลูกค้าทั่วไปที่ซื้อ Civic
-พวงมาลัยของ FB นั้นดีตรงที่คล่องตัวในเมือง ใช้ความเร็วต่ำ เเต่พอขับเร็วขึ้นเกินกว่า 80 รู้สึกว่าน้ำหนักมันเบาเกินไป จนทำให้เกร็งในความเร็วสูง มาคราวนี้น้ำหนักหนืดขึ้นนิดนึง เเต่ยังคงคล่องตัว เเละนิ่งขึ้นมากๆในความเร็วสูง เเละสั่งงานเเม่นยำมาก ดีพอที่จะเทียบกับคู่เเข่ง(น้ำหนักพวงมาลัยเหมือน City Gen5 เป๊ะๆเลย)
-ระบบเบรกดีขึ้นมาก โดยที่ระยะเบรกนั้นสั้นลงกว่า FB มาก มั่นใจมากขึ้น เเละสั่งเท่าไหร่เบรกเท่านั้น เบรกค่อนข้างที่จะไปตามเท้า เเม่นยำ ไม่ระยะเบรกยาวเหมือนเมื่อก่อน ดีใกล้เคียงกับคู่เเข่งเเล้ว
-เเม้จะเปิดตัวมานานเเล้วเเต่ก็มีการ Minorchange ไปเมื่อปลายปี 2018 เพื่อเพิ่มออพชั่น โดย Honda รู้ว่ารุ่นที่ขายดีที่สุด คือ 1.8 EL(ยอดขายร้อยละ 80 ของ Civic)จึงจัดออพชั่นมาค่อนข้างดีในราคา 964,000 หลักๆคุณได้ทั้ง Engine Remote Start, เบาะหนัง, ระบบปัดน้ำฝนอัตโนมัติ, พวงมาลัยมัลติฟังก์ชัน, ระบบ Criuse Control, เเอร์ Auto, มาตรวัด TFT, เครื่องเสียงหน้าจอสัมผัส Advanced Touch 7 นิ้วรองรับ Apple Carplay&Andriod Auto, ลำโพง 8 ตำเเหน่ง, เบาะคนขับปรับไฟฟ้า 8 ทิศทาง, เบรกมือไฟฟ้าพร้อม Auto Brake Hold, ABS+EBD+BA+VSA+TCS+HSA+ESS,
ถุงลมนิรภัย 6 ใบ, ระบบ Honda Lanewatch ถือว่าค่อนข้างคุ้มค่าทีเดียว
ทีนี้เรามาดูข้อเสียกันบ้างดีกว่า
-เป็นสิ่งที่เป็นมาทุกยุคทุกสมัยของ Civic คือ ขนาดตัวถังครับ เเม้จะบอกว่ารุ่นนี้ขยายใหญ่ขึ้นมาก ใช้โครงสร้าง Accord G9 เเต่พอ City Gen5 เปิดตัวออกมาใหญ่ขึ้น(ส่วนหนึ่งอาจเป็นเพราะ City เป็น B-Segment ที่ใหญ่มากจนเเทบจะใหญ่เกินด้วยซ้ำ)กลายเป็นมิติตัวถังมันดูต่างกันน้อยเกินไป เมื่อเทียบว่ามันคือรถคนละ Segment กัน Civic ดูใหญ่กว่าก็เเค่เรื่องฐานล้อกับความกว้าง
เเถมน้ำหนักตัวรุ่นนี้ส่วนต่างไม่ถึง 100 kg เเล้ว!!! จนขนาดมันดูใกล้จนเบียดกันเกินไป
Civic FC | City Gen5
ความยาว 4648 4553
ความกว้าง 1799 1748
ความสูง 1417 1467
ฐานล้อ 2698 2589
น้ำหนัก 1238 1165
(ใช้น้ำหนักของ Civic EL เเละ City RS)
-เเม้ขนาดตัวถังภายนอกจะต่างกันไม่เยอะ เเต่ด้วยความที่ฐานล้อต่างกันตั้งราวๆ 100 mm เเต่กลับกลายเป็นว่า FC มี legroom เบาะหลังที่เล็กกว่า City Gen5 !!! ซึ่งเป็นสิ่งที่ผมประหลาดใจมากว่าเป็นไปได้อย่างไร เเม้ legroom FC จะกว้างกว่า FB เเละคู่
เเข่งมากเเต่กลายเป็นเล็กกว่า City เฉยเลย ทั้งๆที่มันเป็นรถคนละ Segment นะครับ!!! อาจจะเป็นที่การออกเเบบคอลโซลหน้า City สั้นประหยัดพื้นที่กว่า?ก็ไม่น่าจะได้เปรียบอะไรขนาดนั้น มันก็ไม่น่าจะมีเหตุผลที่เขาออกเเบบภายในมามีพื้นที่เท่านี้เรื่องนี้ผมรู้จากงาน Motor EXPO ครับ ด้วยความอยากรู้ ลองนั่งเบาะหลัง City Gen5 ปุ๊ป อยากรู้ว่า legroom ต่างจาก FC เเค่ไหน จึงรีบกระโดดไปนั่ง FC ทันทีภายใน 1 นาที โดยปรับเบาะหน้าไว้ในตำเเหน่งที่ผมนั่งเหมือนกัน ชัดเจนเลยครับว่า legroom ของ FC เล็กกว่า เเถมบรรยากาศความกว้างภายในห้องโดยสารเเทบไม่รู้สึกต่างจาก City เลย เเถมด้วยความที่เบาะเตี้ยกว่ามาก จึงต้องเเลก
ด้วยการเข้า-ออกยากกว่า อาจไม่เหมาะกับพ่อตาเเม่ยายที่มีปัญหาเรื่องเข่า City นี่ไม่ใช่ครั้งเเรก ย้อนกลับไปสมัย FB ก็มี legroom เล็กกว่า City Gen4 เหมือนกัน ซึ่งมันไม่ได้นะครับ Civic เป็นรถที่ใหญ่กว่า ภายในต้องใหญ่กว่า ไม่ใช่เเย่ถึงขนาดเล็กกว่า(ผมลองให้เพื่อนที่ไม่รู้เรื่องรถ ทายจากรูปเบาะหลังว่าเป็นรถรุ่นอะไรระหว่าง City, Civic, Accord เพื่อนตอบ Accord ได้ชัดเจน เเต่ดันตอบสลับระหว่าง Civic กับ City !!!???//ส่วนหนึ่งอาจเพราะภายในของ City ใหญ่จนเเทบจะใหญ่เกิน Segment ไปเเล้ว)
-อัตราเร่ง โดยเฉพาะตอนเร่งเเซงนั้นด้อยกว่า City หลายคนอาจสงสัยว่าทำไม อาจเป็นเพราะ City ใช้เครื่อง 1.0 Turbo ตัวใหม่ล่าสุดมีเเรงม้าตั้ง 122 เเรงม้า เเรงบิด 173
นิวตันเมตร(Civic 1.8 มี 141 เเรงม้า เเรงบิด 174 นิวตันเมตร)เเม้เเรงม้าจะต่างกันเยอะ เเต่ด้วยความที่เเรงบิดมันเท่าๆกันเลยเนี่ย บวกกับตัวนี้เป็นเครื่องเก่ามาก เเรงดึงมาที่รอบปลาย เเต่ City เเรงบิดมาเป็นช่วงกว้างบวกกับน้ำหนักตัวที่เบากว่า ทำให้ City ได้เปรียบ เเละ FC ยังคงด้อยกว่าทั้ง Mazda3, Altis เเถมอัตราการกินน้ำมันในเมืองนั้นต้องทำใจ จากประสบการณ์ที่ใช้ FB นะครับ(เปิด ECON ด้วย)ไม่เคยเห็นเลขสองหลัก ส่วนมากจะอยู่ราวๆ 8.0-8.5 km/l ไม่เกินนี้ ต่อให้เป็น FC ก็ยังเป็นเครื่องบล็อคเดิม เเค่เปลี่ยนเกียร์ อัตราการกินน้ำมันก็เเค่ดีขึ้นนิดนึง ไม่ได้ประหยัดกว่าคู่เเข่งเเละไม่ประหยัดเหมือนตอนวิ่งทางไกลครับ(อาจเพราะ City มีเครื่องยนต์ที่เเรงที่สุดในกลุ่ม จนเเทบจะเเรงเกินราคาด้วยซ้ำ)
-เเม้ช่วงล่างจะดีขึ้นมาก หนึบขึ้นมาก เเต่ต้องยอมรับเลยว่าถ้าเทียบกับคู่เเข่งในเรื่องของความมั่นใจความหนึบเเล้วด้อยกว่าเขาหมด ยิ่ง Mazda3 ละก็ปล่อยเขาไปครับ รายนั้นช่วงล่างเทพมาก เเถม Altis นั้นเมื่อก่อนมีช่วงล่างที่สู้ Civic ไม่ได้ พอมาตอนนี้เปลี่ยนโครงสร้างเป็น TNGA ก็บอกเลยว่าช่วงล่างของทั้ง Altis, Mazda3 ชนะ FC 1.8 เเบบขาดลอย เเถมด้วยความที่น้ำหนักตัวรถต่างจาก City เกินไป ทำให้ความหนึบหรือความรู้สึกเวลาใช้จริงที่ความเร็วไม่เกิน 130 หรือไม่ได้เข้าโค้งนั้น ไม่ต่างกันเท่าที่ควร เเถมเป็นช่วงล่างอิสระที่เเอบเเข็งกว่าคานบิดด้วย งงเลยทีนี้ ซึ่งการที่ Civic หนึบกว่า City ผมว่าไม่ใช่เพราะเซ็ตติ้งดีกว่า เเต่เป็นเพราะ Civic ใช้ช่วงล่างอิสระไม่ใช่คานบิด เเถมทรงตัวรถที่กว้างกว่าเเละเตี้ยกว่าก็ได้เปรียบเต็มๆเพราะมันทำให้เกาะขึ้น หลักอากาศพลศาสตร์ดีขึ้น ไม่ใช่เพราะช่วงล่างดีกว่า(อาจเป็นเพราะ City มีช่วงล่างที่นุ่มสบายมากๆ เเละน้ำหนักรถมากจนเเทบจะเกินกลุ่มด้วยซ้ำ)
-ในขณะที่ City ใหม่มีการเก็บเสียงที่ดีขึ้นมากจนเป็นที่น่าพอใจในภาพรวม เเต่ตัดภาพมาที่ FC 1.8 เป็นการเก็บเสียง"สไตล์ฮอนด้าของเเท้" คือ เก็บทุกอย่างเข้ามาหมด Civic ที่ผ่านมาเสียงท่อนบนจะอยู่ในจุดที่พอรับได้ เเต่จะมีปัญหากับเสียงท่อนล่างที่ดังเข้ามามากซึ่งเเม้เขาจะบอกว่ามีการพัฒนาเเล้ว ใช้โครงสร้างใหม่ด้วย โอเคละครับมันเงียบกว่า ES เยอะ อันนั้นใช่ เเต่ก็เเทบไม่ได้ต่างจาก FB เลย เอาจริงๆคืออย่าว่าเเต่รถ Segment เดียวกันเลยครับ B-Segment หลายรุ่นยังเก็บเสียงดีกว่า FC 1.8 เลย
-จุดนี้ผมต้องขออนุญาตยาวเเละเเรงนิดนึงนะครับ ต้องขออภัยครับ เเต่เป็นจุดที่ผมเเทบจะรับไม่ได้จริงๆครับ คือ เรื่อง
วัสดุเเละการประกอบ ผมเคยชมไปว่า City Gen5 วัสดุภายในดีมาก รุ่นก่อนๆที่ดีอยู่เเล้ว ก็ดีขึ้นไปอีกตามยุคสมัย อยู่เเถวหน้าของ B-Segment เลย ตัดภาพมาที่ FC 1.8 คือ อะไรเนี่ย สมัย FB คนด่าเรื่องวัสดุเเละการประกอบมากๆ ซึ่งเอาจริงๆ FB ผมว่าที่ไม่ดีคือการประกอบครับ เเต่วัสดุผมว่าก็ใช้ได้ เเต่คนน่าจะอคติเพราะดีไซน์มากกว่า เพราะผมมองว่า FB หากเทียบกับ City Gen4 ในตอนนั้นถือว่าดูดีกว่าพอสมควรเลย ดูเป็นคนละ Segment กันจริงๆ พอมา FC ยุคสมัยผ่านไปวัสดุเเละการประกอบก็ควรจะต้องดีขึ้น เเถม FC เขาบอกว่าเขาปรับปรุงวัสดุภายในเเละการประกอบให้ดีเท่ารถยุโรป ทว่าเมื่อไปดูคันจริงเเล้วเเทบจะหงายหลังเลยครับ 1. รุ่น E จากที่ FD, FB เป็นเบาะหนัง พวงมาลัยหนัง เเผงประตูหนัง กลับลดสเปคมาเป็นผ้าทั้งหมด เเละใช้พวงมาลัยยูริเทน ซึ่ง 874,000 ควรจะเป็นเบาะหนังได้เเล้ว 2. ฟองน้ำเบาะนั้นนิ่มมาก บางมาก นิ่มจนไม่รู้จะนิ่มไปไหน อย่าว่าเเต่ FB เลยครับ B-Segment เกือบทุกคันฟองน้ำยังเเน่นกว่านี้เลยครับ โดยเฉพาะเบาะหลังนิ่มกว่าเบาะหน้าอีกครับ จนชวนให้เเอบสงสัยว่าหากใช้งานทุกวันบ่อยๆผ่านไป 4-5 ปี ฟองน้ำจะพังหรือไม่ เเถมนั่งทางไกลจะรู้สึกหลังจมไหม 3. งานประกอบคอลโซลกลาง FB, City โยกได้ยังไง FC ก็โยกเหมือนเดิม ไม่ได้ดีขึ้นเลย
4. คอลโซลกลาง City มีหุ้มหนังด้านข้างมาให้ ส่วน FC 1.8 เป็นพลาสติกล้วนๆเน้นๆ
5. วัสดุหุ้มเพดานจาก FB เป็นเหมือนผ้าหนานุ่มเนียนๆ มาคราวนี้เหมือนกระดาษสากๆคล้ายๆกับ City
6. พลาสติกบริเวณเหนือมาตรวัดนี่เเย่กว่า FB เยอะครับ ขยับนิดนึงนี่เคลื่อนเลย โยกทีนึงนี่มีส่ายเลย บางมาก
7. เบาะนั่งคู่หน้าในรุ่น Minorchange ตรงที่เป็นลายคาดเบาะนั้น หุ้มหนังไม่เต็มเบาะครับ เขาเปลี่ยนลายตรงนั้นจากหนังเป็นผ้า!!
8. วัสดุหุ้มเเผงประตูจากที่ FB บุนุ่มท่อนบนเเละบุหนังท่อนล่าง ส่วน City Gen5 บุหนังท่อนล่างมาให้ ย้ำว่าวัสดุเหมือนกันทุกบาน เเต่ FC 1.8 บุนุ่มมาอย่างดีเเค่คู่หน้า เเต่คู่หลังเป็นพลาสติก ไม่ใช่เเค่ท่อนบนนะคับ ทั้งเเผงเป็นพลาสติกขึ้นรูป!!! B-Segment หลายรุ่นเขายังไม่ลดต้นทุนตรงนี้เลยครับ
9. ห้องเครื่องเเม้จะเป็นบล็อคเดิม เเต่ FB ดูเก็บงานเรียบร้อยกว่า สายเสยไม่พันกันรกเเบบนี้ ดูรกกว่าห้องเครื่อง City มาก เเละที่สำคัญ FC 1.8 ตัดเเผ่นกันความร้อนออก!!! ในขณะที่ City มีมาให้ ผมว่า C-Segment ไม่น่าจะมาตัดอะไรตรงนี้เลย
10. ฝาท้ายมีวัสดุซับเสียงเหมือนเดิม เเต่ FC 1.8 ตัดพลาสติกหุ้มฝาท้ายออกเเบบเนียนๆทั้งที่ FD, FB มี จุดนี้กลายเป็นงานประกอบฝาท้ายไม่ต่างจาก City เลย
11. จุดนี้ฮาเเตกครับ ผมก็เพิ่งเคยเจอ นั่งเบาะหลังมาเป็นร้อยคัน เพิ่งเคยเห็น เบาะหลังหุ้มหนังไม่สุด คือ ไม่ว่าจะรถราคาถูกเเพง เบาะหลังก็ต้องหุ้มหนังเต็มเบาะสิครับ ไม่ใช่ปลายเบาะ 2 ข้างเป็นพลาสติกขนาดใหญ่เเบบนี้ ไม่รู้จะลดต้นทุนไปถึงไหน เขาบอกว่า version ต่างประเทศมีถุงลมด้านข้างเบาะหลังเลยต้องเป็นพลาสติกข้างเบาะหลัง คำถาม 1. ทำไม Camry ที่ไทยมีถุงลมตรงนั้นก็ยังหุ้มหนังมาสุดได้ 2. ในเมื่อ Version ไทยไม่มีถุงลมตรงนั้นเเล้วทำไมไม่หุ้มหนังมาให้สุดละ งงเลยจุดนี้ ผมว่ามันน่าเกลียดเกินไปครับ เเถมเวลาเรานั่งด้านข้างลำตัวเราก็มีสิทธิ์ที่จะไปโดนได้ ส่วนจุดที่ผมมองว่าดีขึ้นจาก FB คือ งานประกอบเเผงประตูที่ดูเเน่นขึ้นเเละวัสดุคอลโซลหน้าที่เพิ่มวัสดุนิ่มเข้ามา เเต่ภาพรวมนั้นในอดีตย้อนไปสัก 10 ปี Altis, Mazda3 วัสดุภายในเเละการประกอบดูเเย่มาก ไม่สมราคา มาวันนี้วัสดุเเละการประกอบดูดีขึ้นมาก ดูเเน่น สมราคา เเละดูดีกว่า FC มาก
-เเอบงกของบางอย่างที่พอรับได้เเละบางอย่างที่ไม่เข้าใจว่าจะงกทำไม 1. รุ่น E ตัดไฟตัดหมอกออก, เเกนพวงมาลัยจากสีเงินเป็นสีดำ ซึ่งก็ไม่ทราบว่าตัดเพื่ออะไร 2. ไฟหน้าต่อให้เป็นรุ่น EL ก็เป็นเเค่โปรเจคเตอร์ เเต่ City RS หรือ Altis, Mazda3 ในราคาใกล้ๆกันเขาใช้ไฟหน้า LED เเล้ว
3. เเผงบังเเดดคู่หน้า FB ไม่มีไฟ มาวันนี้ก็ยังเหมือนเดิม จุดนี้จะเหมือน B-Segment
4. เบาะหลังสมัย FB มีพนักพิงศีรษะเเค่ 2 อัน มาตอนนี้ก็ยังมีเเค่ 2 อันเหมือนเดิม ซึ่ง B-Segment หลายรุ่นมี 3 อันกันเเล้ว
5. ราวมือจับสมัย FB มีมา 4 อัน เเต่ FC 1.8 มีเเค่ 3 อัน ฝั่งคนขับไม่มี? คือ สำหรับ C-Segment มันไม่ควรจะกั๊กนะครับ จุดนี้จะเหมือน B-Segment นะครับ
6. ช่องใส่ของหลังเบาะหน้ามีมาข้างเดียวคือข้างซ้าย? คือ คนขวาไม่เก็บของหรอครับ จุดนี้งงมากเลย มันจะกลายไปเหมือน B-Segment เลย เพราะ C-Segment ก็มี 2 ข้างกันหมด FB ก็มี 2 ข้าง
7. ไฟเตือนคาดเข็มขัดมีเเค่ข้างเดียว คือ ฝั่งคนขับ ฝั่งคนนั่งหน้าไม่มี? สมัย FB 1.8 ไม่มี FC 1.8 ก็ไม่มีครับ งงมากว่ากั๊กตรงนี้ทำไม เเต่ City Gen5 มีมาให้ครบทุกรุ่นย่อย!!!
8. อุปกรณ์อำนวยความสะดวกหลังกล่องเก็บของคอลโซลกลาง City RS มีที่วางขวดน้ำขนาดใหญ่พร้อมช่อง Power Outlet 2 ตำเเหน่งมา Altis, Mazda3 มีช่องเเอร์หลัง ส่วน FC 1.8 นั้นเหมือน FB เลยครับ คือ ไม่มีอุปกรณ์อะไรให้มาเลย
1
-ฟังก์ชันบางจุดอาจใช้งานได้ไม่ดีเท่า City เช่น มาตรวัด TFT ที่ดูสวยล้ำเเต่เวลาใช้จริงเเอบอ่านยากนะครับ เพราะเล่นเอาความเร็วเเละวัดรอบมาติดๆกัน เเถมข้อมูลทุกอย่างก็อยู่ในช่องเดียวกัน กลายเป็นอ่านยากกว่ามาตรวัดของ City ที่คนบ่นๆกันว่าโบราณนั้นเอาเข้าจริงๆคือใช้งานง่ายกว่ามากครับ เเอร์ Auto ในรุ่น EL เป็นเเบบไม่มีจอเเสดงผล มันจะเเยกไปอยู่ที่จอเครื่องเสียง เวลาปรับเเบบละเอียดต้องปรับที่หน้าจอเครื่องเสียง ซึ่งเเม้จะดูล้ำเเต่การใช้งานดูวุ่นวายพอสมควรที่จะต้องกดตรงนี้ จอตรงนู้น อะไรต่างๆมากมาย เเถมหน้าจอเครื่องเสียงนั้นเเม้จะดูสวยงาม เเต่กลับไม่มีระบบ Honda Connect ที่เชื่อมต่อกับมือถือมาให้ ซึ่ง City RS มีครับ
สรุป-ดีกว่า City ตรงที่เเพงกว่า?
ในภาพรวม Civic FC 1.8 ก็ยังคงเป็น Civic ที่น่าใช้งานเหมือนเดิม มันดีกว่า FB หลายด้านค่อนข้างมาก ทั้งดีไซน์ที่ดูล้ำดูใหญ่(เมื่อมองด้วยตา)มากกว่าเดิม เครื่องยนต์ตอบสนองคล้ายเดิม เเต่เกียร์ CVT ทำให้ไหลลื่นขึ้นเนียนขึ้น ได้ออพชั่นเยอะขึ้น ภายในกว้างขวางขึ้น เบาะนั่งสบายขึ้น ช่วงล่างนุ่มเเละหนึบขึ้นมาก พวงมาลัยนิ่งเเม่นยำขึ้น เบรกดีขึ้น ขึ้นเกือบทุกอย่างเลย เเถมมาในราคาที่ถูกลงกว่า FB 1.8(ราวๆ 30,000 บาท)
ก็เหมือนกับหนุ่มหล่อหรือสาวสวยที่มีหน้าตาน่าหลงไหลยั่วยวนชวนสัมผัส ถูกใจวัยรุ่นยันวัยชรา เพราะกว้างขวางนั่งสบาย มีภายในที่ดูสวยงาม ดูเเพง(เมื่อมองด้วยตา)
จนขายดิบขายดีมาโดยตลอดอายุตลาด
กระนั้นเมื่อเราพิจารณาจริงๆจะพบว่าตัวรถมีจุดเด่นเเค่ดีไซน์ภายนอก-ภายในที่ดูเเพงกับออพชั่นที่ดูล้ำสมัยเท่านั้น เเต่ตัวรถโดยรวมไม่ได้เด่นกว่าคู่เเข่งเลย มันเป็นความดวงเฮงที่ Altis ดันทำดีไซน์ออกมาเชยเกินเเถมเบาะหลังมีขนาดเล็กลง ส่วน Mazda3 เบาะหลังก็ยังคงเล็กเเถมราคาเเพงเกินไป ทำให้ Civic FC 1.8 ยิ้มหวานเลยพอเจอเเบบนี้ เเถม City Gen5 ก็เน้นดีไซน์ที่เรียบง่าย ใช้งานง่าย เเละไม่เน้นบ้าออพชั่น เน้นไปที่งานวิศวกรรม จึงทำให้ FC 1.8 ยังดูเด่นอยู่ในสายตาของลูกค้าส่วนใหญ่
เเต่ในความจริงเเล้วผมว่ามันเป็นสัญญาณวิกฤติเลยก็ว่าได้ของ Civic FC 1.8 ในเมื่อตัวรถออกมาเเทบจะเรียกได้ว่าด้อยกว่า City Gen5 ไปเเล้วด้วยซ้ำหากเราพิจราณากันทีละด้านอย่างที่ผมได้กล่าวไปในข้อเสียครับ เหมือน FC 1.8 จะดีกว่า City เเค่ดีไซน์ที่ดูสวยดูใหญ่กว่า ออพชั่นที่มากกว่า ช่วงล่างที่หนึบกว่าเมื่อใช้ความเร็วเกิน 130 หรือเข้าโค้ง ตำเเหน่งเบาะที่เตี้ยกว่าถูกใจวัยรุ่น เเค่นี้จริงๆครับ เเต่ตัวรถหลายด้านกลับดูจะด้อยกว่า City ด้วยซ้ำซึ่งมันเป็นไปได้อย่างไร เพราะนี่คือ Civic รถที่ Segment สูงกว่า City เลยนะครับ เป็นเรื่องที่น่าเศร้ามากสำหรับรถที่มีประวัติศาสตร์ยาวนานที่สุดเเละยอดขายสูงที่สุดของเเบรนด์
ต้องยอมรับเลยว่าการที่ City Gen2 ไม่ประสบความสำเร็จเพราะมีดีไซน์ที่ไม่ลงตัวเเละการขับขี่สมถรรนะที่ไม่ดี จนทำให้ City ตั้งเเต่ Gen3 ทำออกมาดีมากๆ ดีสุดๆ ดีจนเเทบจะดีเกินไปด้วยซ้ำ ดีกว่า B-Segment ของคนอื่นไปไกลมาก
เเล้วเเต่ละรุ่นก็จะมีจุดสำคัญในด้านต่างๆที่มีการพัฒนาก้าวกระโดดด้วย
ช่องว่างระหว่าง Civic กับ City ดูจะเล็กลงเรื่อยๆๆจนพอมาตอนนี้ผมมองว่า Civic เเพ้ City เรียบร้อยเเล้ว
ความห่างชั้นของตัวรถตามมุมมองของผม
City Civic Accord
ตอนนี้ Civic ยังมีเรื่องของความเชื่อ ภาพลักษณ์ ดีไซน์ที่ดูดีกว่า City ในลูกค้าส่วนใหญ่อยู่ เเต่ในระยะยาวมันไม่ใช่ไงครับ จะมาขายดีเพราะดีไซน์กับลูกเล่นไม่ได้นะครับ
ตอนนี้ดูเหมือนหนังจะฉายซ้ำเเล้วนะครับ
หลังจากที่ FD ขายดีมาตลอดเพราะดีไซน์เเละลูกเล่นตัวรถบวกกับประสิทธิภาพดีขึ้นมากกว่า ES พอมา FB ปุ๊ป ผมอยากจะบอกนะครับว่ารถอะไรก็ตามที่ดีไซน์สวยฉีกเเนวจากรุ่นเก่าล้ำไปไกลมาก ต้องทำใจไว้เลยว่ารุ่นต่อจากนั้นจะมีดีไซน์ที่คล้ายๆเดิมเเค่ปรับให้ลงตัวขึ้น เพราะมันไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะดีไซน์พลิกโลกบ่อยๆนะครับ ถ้าหากล้ำไปมากมันก็จะอวกาศเเล้ว มันบิดดัดไปมากกว่านี้ไม่ได้เเล้ว ส่งผลให้ FB มีหน้าตาที่คล้าย FD เเต่เรียบง่ายลงตัวขึ้น มันทำให้โดนคนก่นด่าอย่างนักในเรื่องของดีไซน์ บวกกับ ตอนนั้น City Gen4 อัดออพชั่นมาบ้าเเถมคู่เเข่งก็มีดีไซน์สวยฉีกเเนวมาก จน FB ขายไม่ดี ซึ่งผมรู้สึกว่า Civic Gen11 ที่จะออกในอีก 1-2 ปีข้างหน้าจะกลับไปฉายหนังซ้ำเหมือนกับ FB นะครับ
ผมคาดหวังว่า Civic Gen11 จะต้องดีขึ้นทุกด้านจริงๆจังๆ ทั้งขนาดภายในห้องโดยสารที่ใหญ่ขึ้น ช่วงล่างที่นุ่มเเละหนึบขึ้น การเก็บเสียงที่ดีขึ้น อัตราเร่งเเละอัตราสิ้นเปลืองที่ดีขึ้น วัสดุเเละการประกอบภายในที่ไม่ลดต้นทุนเเบบนี้ การกั๊กออพชั้นที่น้อยกว่านี้ ให้เหมาะกับศักดิ์ศรีคำว่า Civic เป็นรถคนละ Segment กับ City จริงๆ ไม่ได้ดีเเค่หน้าตา
อาจจะเห็นว่า EP นี้ผมตำหนิค่อนข้างมากเเต่ก็ต้องตามตรงบอกว่าเพราะมันเป็น Honda ครับ เเละโดยเฉพาะอย่างยิ่ง นี่คือ Civic เป็นรถที่เคยกู้วิกฤติเเบรนด์เเละทำให้เเบรนด์มีวันนี้ได้ ในฐานะที่ผมเป็นเเฟน Honda ผมก็รัก Civic มากที่สุดครับที่ทำให้ผมเริ่มเข้ามาติดตามวงการรถยนต์เเละเป็นเเฟน Honda
ยิ่งรักมาก ก็ต้องอยากให้เขาดีมากครับ ผมคาดหวังให้ Civic Gen11 เป็น Civic ที่ดีที่สุดเเละสมศักด์ศรีอย่างเเท้จริง
สุดท้ายนี้เหมือนเดิมครับ ทุกครั้งที่เจาะลึกรถ Honda ขอฝากถึงทาง Honda ครับที่ผ่านมานั้นในเรื่องของ defect ต่างๆของตัวรถนั้นเรารู้ว่าทาง Honda มีความพยายามในการเเก้ไขเเล้ว เเต่ต้องยอมรับว่าในช่วงตั้งเเต่ปี 2012 ขึ้นมานั้น รถ Honda มี defect จุกจิกค่อนข้างเยอะ มีข้อผิดพลาดในเรื่องที่ไม่ควรเกิด เช่น ยางขอบประตูติดมาไม่ดี การประกอบที่ดูไม่เนี๊ยบ รวมถึงศูนย์บริการที่ดร็อปลงกว่าเมื่อก่อน สิ่งเหล่านี้เป็นสิ่งที่อยากให้ทาง Honda นำไปปรับปรุงเเก้ไขให้ดีเหมือนยุค 1990 ที่ Honda เข้ามาตลาดเมืองไทยใหม่ๆโดยชูจุดขายเรื่องบริการหลังการขายเเละความทนทานครับ Honda มีวันนี้ได้เพราะวันนั้น ซึ่งอยากให้ Honda ไม่ลืมอดีตของตัวเองครับว่าทำไมถึงมีวันนี้ ย้อนกลับไปดูรากเหง้าของตัวเองสมัยก่อนเเละไม่ละทิ้งมัน ในฐานะที่เป็นเเฟน Honda คือ ไม่อยากให้ Honda ด้อยลงเพราะเรื่องเเบบนี้ครับ อยากให้ Honda นำไปเเก้ไข ดู
จากเเฟนของ Honda อย่าง Izuzu เป็นตัวอย่างที่เขามีศูนย์บริการที่ดีมากที่สุดเลยก็ว่าได้ในทุกเเบรนด์ เรื่องของความทนทาน ไว้ใจได้ เเละเอาใจใส่ลูกค้า เป็นหัวใจสำคัญที่ทำให้เขาเป็นยักษ์ใหญ่เบอร์ 2 ในตลาดรวมมาหลายสิบปีจนถึงทุกวันนี้ คนซื้อก็พากันติดอกติดใจ ส่วน Honda ที่ทุกวันนี้รถขายได้เพราะตัวรถครับ รวมถึงความเชื่อเรื่องศูนย์บริการดี เเต่ถ้าในอนาคต Honda ไม่ได้ปรับปรุงเรื่องนี้อาจทำให้ตำเเหน่งยักษ์เบอร์ 3 ในตลาดรวมที่ตัวเองครองมาตั้งเเต่ช่วงปี 2000 เเละเจ้าตลาดรถเก๋งสูญเสียไปเเบบกู่ไม่กลับเหมือนยี่ห้ออื่นๆในสมัยก่อนครับ ถ้าปรับปรุงเรื่องบริการเเละความทนทานได้เเละตัวรถยังคงทำมาดีขึ้นเรื่อยๆต่อไปเเบบที่กำลังทำอยู่จะทำให้ Honda ยั่งยืนเเข็งเเกร่งในเมืองไทยตลอดกาลครับ
อยากเห็น Civic อยู่ไปนานๆนะครับ ตราบใดที่โลกใบนี้ยังมีรถยนต์อยู่ Civic ก็จะต้องคงอยู่ตลอดไป รักนะครับ Civic ❤❤❤
เเละทั้งหมดนั่นละครับ คือ การเจาะลึกข้อดี-ข้อเสีย Honda Civic FC 1.8
อย่าลืมนะครับ ถ้าชอบบทความเเบบนี้ อย่าลืมกดไลค์ กดเเชร์ กดฟอลโลว์กันนะครับ
อีกช่องทางการติดตาม FB : Carman
ไปกดไลค์ กดติดตามกันได้นะครับ
ใครมีความรู้สึกยังไง, มีข้อเสนอเเนะสามารถคอมเม้นลงมาที่ด้านล่างนี้เลยนะครับ ขอบคุณที่ติดตามรับชมครับ
เวลาใหม่!!!
ติดตามบทความใหม่ทุก EP ของ Carman
ทุกวันจันทร์เเละวันศุกร์ เวลา 19.00
วันนี้ลาไปก่อนครับ สวัสดีครับ

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา