22 เม.ย. 2020 เวลา 02:09 • ธุรกิจ
ประวัติ Jho Low ตอนที่ 3 : Mubadala
การเดินทางสู่ประเทศอเมริกา ดินแดนแห่งอิสระภาพ Jho Low เลือกเรียนที่ Wharton School ที่มุ่งเน้นไปยังด้านธุรกิจโดยตรง ที่นี่มีศิษย์เก่าชื่อดังมากมาย ทั้ง Warren Buffett พ่อมดแห่งโลกการเงิน (เคยเข้าเรียน) รวมไปถึง ประธานาธิบดีคนล่าสุดของอเมริกาอย่าง Donald Trump
ประวัติ Jho Low ตอนที่ 3 : Mubadala
มันเป็นความตั้งใจของ Low อย่างแท้ที่จริงที่ต้องการที่จะเรียนรู้กลไกของระบบทุนนิยม เพื่อนร่วมชั้นของเขาหลายคนเป็นนักเรียนที่มีครอบครัวที่ร่ำรวยจากทั่วทุกมุมโลก ซึ่งทุกคนที่มาเรียนที่นี่ ต่างใฝ่ฝันถึงอาชีพใน Wall street ที่เงินถูกเสกออกมาได้เหมือนเวทย์มนต์
แต่ Low ไม่ได้คิดเหมือนเพื่อนร่วมชั้นคนอื่น ๆ เขาตั้งใจเรียนอย่างหนักในช่วงปีแรก ๆ ด้วยการที่เป็นคนที่มีความจำที่ดีเยี่ยม ทำให้เขาประสบผลสำเร็จในการเรียนปีแรกใน Wharton ได้อย่างไม่ยากเย็นนัก และเขากำลังมองไปถึงอนาคต เพราะที่ Wharton เป็นสถานที่สำคัญที่สุดในการสร้าง Connection ของเขาในอนาคตนั่นเอง
แน่นอนว่าด้วยพื้นฐานของครอบครัวที่เป็นเศรษฐีย่อม ๆ ในขณะที่เรียนอยู่ที่ Wharton พ่อของเขา Larry Low โอนเงินมาให้เขาหลายหมื่นดอลลาร์ ซึ่งเป็นของกำนัลจากพ่อเขาที่ Low นั้นประสบความสำเร็จในด้านการเรียน
แม้จะเรียนหนัก แต่ชีวิตอีกด้านของ Low ก็ใช้มันอย่างเต็มที่เช่นเดียวกัน Low เริ่มหาแก๊งค์เพื่อน ๆ ในเอเชียและตะวันออกกลาง และรวมตัวกันจ้างรถลิมูซีนเพื่อพาไปเล่นการพนันที่แอตแลนติกซิตี้ ซึ่งที่นั่นเขาติดการพนันอย่างหนัก และผลาญเงินของพ่อเขาอย่างเต็มที่เช่นเดียวกัน
และที่ Wharton นี่เองที่ Low ได้แสดงให้เห็นถึงตัวตนของเขาอย่างแท้จริง เขาเริ่มพยายามแสดงตัวตนใหม่ ด้วยการขับรถเปิดประทุน SC-430 ของ Lexus มีการลือกันในมหาลัยว่าเขาคือ “เจ้าชายแห่งมาเลเซีย” แต่ Low เองก็ไม่คิดจะแก้ข่าวในเรื่องนี้แต่อย่างใด แม้จะเป็นเรื่องตลกสำหรับเพื่อนร่วมชั้นชาวมาเลเซียก็ตามที
Wharton School สถานที่ที่ Low ได้เริ่มแสดงตัวตนที่แท้จริงออกมา
เขามุ่งมั่นสู่แวดวงสังคม มีการสร้างภาพตัวเองว่าเป็นนักเรียนที่ร่ำรวย และ ทำให้เขาได้ไปรู้จักกับ Hamad Al Wazzan ลูกชายของเจ้าสัวด้านพลังงานจากคูเวต และ ทำให้ตัวเขาได้เริ่มเข้าไปพัวพันกับพันธมิตรจากตะวันออกกลางหลังจากนั้น
2
และในปี 2003 Low ได้มีโอกาสครั้งสำคัญ ในการไปพบกับ Yousef Al Otaiba ซึ่งเป็นที่ปรึกษานโยบายต่างประเทศของประเทศสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ Low ในวัยเพียงแค่ 22 ปีนั้น มีความกระตือรือร้นเป็นอย่างมากในการสืบหาข้อมูลโครงสร้างอำนาจในสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์
และ Otaiba คือชายที่ Low กำลังมองหา เพื่อเชื่อมต่อเขาไปยังศูนย์กลางทางการเงินของตะวันออกกลาง Low พยายามคุยโวเรื่องของประเทศมาเลเซียของเขา ว่า เป็นประเทศที่มีเศรษฐกิจที่กำลังเติบโต และน่าลงทุนเป็นอย่างยิ่งกับ Otaiba
แม้ตัว Low จะยังไม่เคยมีประสบการณ์ใด ๆ ในการทำข้อตกลงทางธุรกิจ หรือ การ Deal ธุรกิจกับใครก็ตาม แต่ต้องบอกว่า โวหารของเขานั้น ไม่เป็นสองรองใคร ทำให้ Otaiba รู้สึกทึ่งกับการการคุยเกี่ยวกับเรื่องศักยภาพทางธุรกิจที่เป็นไปได้ในประเทศมาเลเซีย และ เขาก็เริ่มเปิดประตูให้ Low ในการก้าวเข้าสู่ อาบูดาบี
ไม่นานหลังจากการพบกันครั้งแรก Otaiba ได้แนะนำ Low ให้รู้จักกับ Khaldoon Khalifa Al Mubarak ซึ่งเป็นชายหนุ่มผู้มีความทะเยอทะยาน และเป็นหนึ่งในคนที่ดูแลกองทุนเพื่อการลงทุนขนาดใหญ่ของ อาบูดาบี อย่าง Mubadala Development ซึ่ง Al Mubarak นั้น ก็คล้ายกับ Otaiba ที่เป็นผู้ช่วยและที่ปรึกษาในอาหรับ ของเจ้าชาย Mohammed Bin Zayed Al Nahyan ผู้ทรงอำนาจสูงสุดแห่ง อาบูดาบี
แม้ที่ Wharton ตัว Low เองนั้น จะไม่ได้ขยันมากนัก แต่ที่ อาบูดาบี เขาได้รับการศึกษาอย่างแท้จริงว่าโลกทุนนิยม นั้นทำงานอย่างไร โดย อาบูดาบี นั้นได้ก่อตั้งกองทุน Mubadala Development ขึ้นในปี 2002 เพื่อกระจายตัวทางด้านเศรษฐกิจ และลดการพึ่งพาน้ำมันลง ในแผนระยะยาวของประเทศ
Low สามารถเข้าไปสู่ใจกลางอำนาจใน อาบูดาบี
ความคิดคือ การระดมทุนจากตลาดต่างประเทศ และนำเงินเข้าสู่อุตสาหกรรมอื่น ๆ เช่น อสังหาริมทรัพย์ และ อุปกรณ์เซมิคอนดักเตอร์ ต้องบอกว่า Low เองนั้น ก็ได้เข้าไปสู่จุดศูนย์กลางของอำนาจที่ควบคุมเศรษฐกิจขนาดใหญ่ของอาบูดาบีได้สำเร็จ
Mubadala Development เป็นตัวอย่างหนึ่งของโครงการที่รัฐที่ร่ำรวยอย่าง อาบูดาบี ที่กำลังเข้าไปมีบทบาทมากขึ้นในเศรษฐกิจโลก แม้กองทุนความมั่งคั่งแห่งชาตินั้นจะมีมาตั้งแต่ปี 1950 ในยุคที่ ซาอุดิอาระเบียและคูเวตจัดตั้งหน่วยงานเพื่อหาวิธีลงทุนจากความมั่งคั่งที่ได้รับจากน้ำมันของพวกเขาในระยะยาวก็ตาม
แต่ Mubadala นั้นแตกต่าง แทนที่จะลงทุนเพียงแค่นำผลกำไรจากน้ำมัน เพื่อรักษาความมั่งคั่งให้กับคนในรุ่นต่อไป แต่กองทุน Mubadala มีการกู้ยืมเงินจากตลาดโลก และ พยายามที่จะขับเคลื่อนเศรษฐกิจไปในทิศทางใหม่ด้วย
สิ่งที่ Low ได้มองเห็นจากอาบูดาบี ถือเป็นจุดเปลี่ยนครั้งสำคัญของเขา เขามองว่าแม้มาเลเซียนั้นจะมีกองทุนความมั่งคั่งอย่าง Khazanah Nasional แต่มันไม่มีอะไรเหมือนกับที่ Mubadala ทำ
เขามองไปยังอนาคต และเห็นตัวเองเป็นเหมือน Al Mubarak ที่จะเข้าไปควบคุมกองทุนในประเทศบ้านเกิดของเขา แน่นอนว่าเขาได้แนวคิดที่สำคัญจากการมาเยือน อาบูดาบีครั้งนี้เป็นที่เรียบร้อยแล้วนั่นเอง
ตัดกลับมาที่ Wharton เมื่อเข้าสู่ปีสุดท้ายของการเรียน Low ได้จัดตั้งบริษัทแรกของเขาที่ชื่อว่า Wynton Group ซึ่งเป็นบริษัทที่จดทะเบียนใน British Virgin Islands แม้ในปีสุดท้าย เพื่อน ๆ หัวกะทิที่จบการศีกษาจะแข่งขันกันเพื่อหางานที่ Goldman Sachs หรือ McKinsey & Company หรือ บริษัทชื่อดังอื่น ๆ
แต่นั่นไม่ใช่สิ่งที่ Low ต้องการ เพราะเขาคิดว่า ไม่มีเวลามากพอสำหรับการไปเป็นลูกจ้างของใคร ซึ่ง บริษัท Wynton Group ของเขานี่เองที่เขาสร้างมาเพื่อเป็นตัวขับเคลื่อนที่สำคัญสำหรับนักลงทุนจากตะวันออกกลางเพื่อเข้าร่วมโครงการในประเทศมาเลเซียบ้านเกิดของเขา
และเมื่อการเรียนปีสุดท้ายของเขาสิ้นสุดลงในปี 2005 Low ก็มีแผนการในใจเป็นที่เรียบร้อย เขาจะกลับไปยังบ้านเกิดที่ประเทศมาเลเซีย และมองหาวิธีในการทำธุรกิจกับเหล่า Connection ของเขาที่ตั้งใจสร้างมาทั้งที่ Wharton และ Harrow
ถึงตอนนี้เขามีความพร้อมเกือบจะทุกอย่างแล้ว เขาเพียงต้องการผู้สนับสนุนที่ทรงอิทธิพลที่บ้านเกิดของเขาเพียงเท่านั้น ซึ่งนั่นก็ไม่ใช่ใครที่ไหน เพราะ Jigsaw ชิ้นสำคัญที่สุดของ Low ก็คือ ครอบครัวที่กำลังมีอำนาจและทรงอิทธิพลของประเทศมาเลเซีย ซึ่งนั่นก็คือ ครอบครัวของ Najib Razak ที่กำลังจะก้าวขึ้นสู่จุดสูงสุดของอำนาจในประเทศมาเลเซียในอีกไม่นานนั่นเอง
ถึงตอนนี้ ต้องบอกว่า Low กำลังจะกลับมาประเทศบ้านเกิดของเขา เพื่อทำตามความฝันและความทะเยอทะยานของเขา แล้ว จะเกิดอะไรขึ้นต่อที่บ้านเกิดของเขาในประเทศมาเลเซีย โปรดอย่าพลาดติดตามตอนต่อไปครับผม
อ่านตอนที่ 4 : Done Deal
Credit แหล่งข้อมูลบทความ
ช่องทางติดตาม ด.ดล Blog เพิ่มเติมได้ที่

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา