1 ก.ย. 2020 เวลา 04:47 • สุขภาพ
ด่วน !!โควิด-19 เข้าไทยผ่านช่องทางธรรมชาติ ที่จังหวัดกาญจนบุรี รอยืนยันผลตรวจไวรัสจากผู้หลบหนีเข้าเมืองที่มีไข้สูง
มีรายงานข่าวว่า เมื่อวานนี้(31สค2563)
ที่รพ.สต.ลิ่นถิ่น(โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล) พบชายเมียนมาร์ 2 คน อายุ 17,20 ปี
มาโรงพยาบาลด้วยอาการไข้สูง 39-40 องศาเซลเซียส และเมื่อได้ทำการตรวจหาเชื้อมาลาเรีย ซึ่งเป็นสาเหตุที่ทำให้เกิดไข้สูงบ่อยในแถบนี้ พบว่าผลเป็นลบ
โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล
จึงเข้าข่ายน่าสงสัยว่า อาจจะเป็นโควิด-19 เพราะชายทั้งสองคนนี้ หลบหนีเข้าเมืองมาทางช่องทางธรรมชาติ ไม่ได้ผ่านการตรวจคัดกรองโรค และทำการกักตัว 14 วัน
โดยเข้ามาทางตำบลห้วยยาง อำเภอทองผาภูมิ จังหวัดกาญจนบุรี และมาพักอยู่ที่บ้านไม่มีเลขที่ หมู่ที่ 3 บ้านพุล่อ ตำบลลิ่นถิ่น
1
ตำแหที่ตั้ง รร.บ้านกุยแหย่
และในบ้านหลังเดียวกันนั้นเอง ยังพบเด็กชายอายุหนึ่งขวบ มีไข้สูง 39 องศาเซลเซียสเช่นเดียวกัน
นอกจากนั้น ปรากฏว่ามีนักเรียน 3 คน จากโรงเรียนบ้านกุยแหย่ ซึ่งอยู่หมู่ที่ 2 ตำบลเดียวกัน สัมผัสใกล้ชิดกับชายเมียนมาร์ทั้งสองคนดังกล่าวด้วย
จึงทำให้ทางโรงเรียนต้องประกาศปิดโรงเรียนทันทีเป็นเวลา 3 วัน(1-3กย.2563) และขอให้นักเรียนทุกคนงดออกจากบ้าน และไม่ไปในที่ชุมชนแออัด
โดยเฉพาะนักเรียน 3 คนดังกล่าว ให้กักตัวเองเป็นเวลา 14 วัน
โรงเรียนบ้านกุยแหย่ มีนักเรียนทั้งสิ้น 857 คน จาก 29 ห้องเรียน มีครูและบุคลากร 45 คน ทั้งหมดนี้จะต้องระมัดระวังเรื่องโควิด-19 จนกว่าผลตรวจหาไวรัสจะออกมาเสียก่อน
รร.บ้านกุยแหย่ อ.ทองผาภูมิ
โดยชายทั้งสองคนนั้น ถูกส่งต่อจากโรงพยาบาลตำบล ไปยังโรงพยาบาลอำเภอทองผาภูมิ และได้ทำการตรวจเก็บตัวอย่างเพื่อตรวจหาเชื้อไวรัสโคโรนาแล้ว คงต้องรอผลต่อไป
ก็หวังว่าจะให้ผลออกมาเป็นลบ เพราะถ้าคนใดคนหนึ่งมีผลโควิด-19 เป็นบวก ก็จะทำให้ชุมชนในตำบลลิ่นถิ่นทั้งหมด รวมทั้งผู้ที่เกี่ยวข้องในโรงเรียนบ้านกุยแหย่จะอยู่ในกลุ่มเสี่ยง ต้องมีการสอบสวนติดตาม เพื่อควบคุมการระบาดของโรคต่อไป
ต้องขอชมเชยหลายฝ่าย ที่สามารถทำให้ตรวจพบเรื่องนี้ได้รวดเร็ว ได้แก่ โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล โรงเรียนบ้านกุยแหย่ และเจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครอง ที่ได้ประสานงานกันอย่างรวดเร็ว ตรวจพบผู้มีไข้สูงและควบคุมดูแล ตลอดจนส่งต่อไปที่โรงพยาบาลอำเภอเพื่อตรวจสอบหาสารพันธุกรรมไวรัสโคโรนา และโรงเรียนปิดทำการสามวันทันที เพื่อรอผลการตรวจหาไวรัส
อย่างไรก็ตาม การผ่านเข้ามาทางช่องทางธรรมชาตินั้น เกิดขึ้นอยู่เป็นประจำ ไม่ว่าจะเป็นทางด้านลาว กัมพูชา หรือเมียนมาร์
เมื่อไม่นานมานี้ ก็มีคนชาวลาวผ่านมาทางช่องทางธรรมชาติที่จังหวัดหนองคาย และเสียชีวิตไป โชคดีที่ตรวจพบว่าเป็นวัณโรค ไม่ใช่โควิด-19
ครั้งนี้ก็เช่นกัน แม้ผลสุดท้ายจะออกมาเป็นลบ ก็เป็นอุทาหรณ์เตือนใจว่า โควิด-19 จากประเทศเพื่อนบ้านที่กำลังมีการระบาดเพิ่มขึ้นนั้น เป็นความเสี่ยงที่จะทำให้ประเทศไทยมีการระบาดรอบสองได้
นอกจากเราจะต้องระมัดระวังเรื่องการใส่หน้ากาก เรื่องการรักษาระยะห่างทางสังคม เรื่องการล้างมือบ่อยบ่อยแล้ว ซึ่งทั้งหมดเป็นการป้องกันเชิงรับ
คงมีความจำเป็นที่ประเทศไทยต้องทำการป้องกันเชิงรุกด้วย โดยการสร้างความสัมพันธ์กับประเทศเพื่อนบ้าน และเสนอที่จะสนับสนุนให้ความช่วยเหลือทั้งเครื่องมือบุคลากรในการตรวจคัดกรองการติดเชื้อไวรัสโควิด-19 ในประเทศเพื่อนบ้าน
เพราะถ้าประเทศเพื่อนบ้านควบคุมได้ดี ก็จะทำให้ประเทศไทยมีความเสี่ยงจากโควิด-19 ลดลง และขณะเดียวกันก็ได้ความสัมพันธ์ระหว่างประเทศที่ดีมากด้วยครับ
Reference
โฆษณา