25 ต.ค. 2020 เวลา 03:00 • นิยาย เรื่องสั้น
MovieTalk ภูมิใจเสนอ "บางบอกดิก 2" ตอนที่ 8
บางบอกดิก 2 ตอนที่ 8
***ในตอนนี้อาจมีคำพูดไม่สุภาพ ทั้งนี้เพื่อให้เป็นไปตามความเหมาะสมของเนื้อเรื่องครับ กราบขออภัยมา ณ ทีนี้
ร้าน เจสกลคนเหล้าเรื่อง
ยามค่ำคืนใกล้เวลาตีสองในร้าน “เจสกล คนเหล้าเรื่อง”
ใจดีนั่งฟุบอยู่บนเคานเตอร์บาร์ในสภาพที่เมามายเต็มที่ ปากก็ร่ำร้องให้บาร์เทนเดอร์รินเหล้าใส่แก้วให้เขา
ตั้งแต่มีปากเสียงกับเนิ้ต หลังจากนั้นใจดีก็พยายามไปไปง้องอนขอปรับความเข้าใจ แต่ทุกครั้งก็จบลงที่มีปากเสียงกันในเรื่องเดิม ๆ คือเรื่องที่เนิ้ตต้องไปดูแลหมอเวทย์ และใจดีรับไม่ได้อย่างแรง
ใจดี ชนแดน
เขาพยายามขอร้องแกมบังคับให้เนิ้ตลาออกไปอยู่กับเขาที่ไร่ดอยกาแฟ แต่การที่ใจดีทำแบบนั้นก็ไม่ต่างจากการรดน้ำมันลงไปในไฟ เนิ้ตเริ่มเห็นความเจ้าอารมณ์ ไม่มีเหตุผลของใจดีมากขึ้น ในที่สุดเนิ้ตก็พูดสิ่งที่ทำให้ใจดีมาอยู่ในสภาพนี้
“พี่ใจดีคนที่เนิ้ตจำได้ดี คนที่ตอนเด็ก ๆ เคยดูแล ช่วยเหลือ มีน้ำใจกับทุกคน หายไปไหนแล้วคะ บางทีเนิ้ตอาจติดอยู่กับภาพในอดีตจนไม่ได้มองปัจจุบันตามที่เป็นจริงอย่างนั้นเหรอ?” เนิ้ตถามเพื่อดึงสติใจดี คนที่เนิ้ตรู้จัก
“เนิ้ตพูดวกไปวนมา ยกเหตุผลมาเพื่ออะไร? จะบอกเลิกกับพี่ใจดีก็บอกมาตรง ๆ ไม่ต้องมารักษาน้ำใจกันอีกแล้ว ก็ในเมื่อพี่ห้ามไม่ให้ไปยุ่งกับไอ้หมอเวทย์ เนิ้ตก็ยังไม่ฟัง จะต้องมาแคร์กันอีกทำไม” ใจดีบอกกับเนิ้ตด้วยความโมโหแกมน้อยใจ
เนิ้ตที่ฟังและพยายามใช้สติอดกลั้น เธอพยายามจะเตือนสติใจดี เพราะการที่ไม่มีเหตุผล และดื่มเหล้าก่อนมาคุยกับเธอ มันมีแต่จะทำให้สถานการณ์แย่ลงกว่าเดิม
สำหรับใจดี เขาก็คิดว่าการดื่มเหล้าย้อมใจก่อนไปหาเนิ้ต น่าจะทำให้เขามีความกล้ามากขึ้น แต่ใจดีไม่ได้แค่จิบแค่แก้วสองแก้ว แต่กว่าจะไปหาเนิ้ต ใจดีก็เริ่มเมากรึ่ม ๆ แล้ว
“ก็บอกมาเลย...ว่าจะเลิกกัน ก็แค่นั้น” ใจดีท้าด้วยอารมณ์
“ค่ะ...เราเลิกกัน” เนิ้ตพูดด้วยน้ำเสียงเด็ดเดี่ยว “และต่อไปนี้พี่ใจดีอย่ามาหาเนิ้ตอีกนะคะ เนิ้ตไม่อยากพบอยากเจอ”
ใจดีใจสะท้าน ตัวชาวูบ แทบจะหายเมาเป็นปลิดทิ้ง ภาพสุดท้ายคือเขาเห็นเนิ้ตหันหลังเดินกลับเช้าตึกผู้ป่วย และรปภ.ก็ไม่อนุญาตให้เขาตามเข้าไป
ใจดีไม่ได้พบกับเนิ้ตอีกเลย เธอไม่ลงมาที่ร้านเจเจ้มีตามสั่ง ฝากเพื่อนพยายบาลซื้อขึ้นไปให้แทน เวลากลับหอก็กลับพร้อมกับเพื่อนพยาบาลตลอด
ใจดี ชนแดน จึงมาอยู่ในสภาพแบบนี้ทุกค่ำคืนในร้าน “มีเรื่องเหล้า” บางคืนก็ฟุบหลับอยู่ตรงเคานเตอร์บาร์ ดังเช่นคืนนี้
ชายฉกรรจ์กลุ่มหนึ่งยืนมองอยู่ด้านหลังใจดี พวกมันหันมาหัวเราะฮิฮะกันอย่างสนุกสนาน ชายคนที่เป็นหัวหน้าเดินเข้าไปทักทาย
“เป็นไงบ้างวะ ไอ้ใจดี” ชายคนนั้นเอ่ยทัก
เต้ เบียร์วุ้น
ใจดีงัวเงียผงกศีรษะขึ้นมองดูหน้าชายคนนั้น ความเมาทำให้ตาเขาเริ่มเห็นเป็นสองคน แต่ก็ยังพอจำแนกออก
“ไอ้เต้ เบียร์วุ้น...เอ็งมาทำอะไรที่นี่วะ”
“อ้าว...ถามโง่ ๆ แล้ว...นี่มันร้านเหล้านะโว๊ย ก็ต้องมาแดกเหล้าสิ ใช่ไหมพวกเรา?” เต้หันไปพยักเพยิดถามลูกน้อง
“ใช่ ๆ ๆ” พิภพ หัวล้านสนับสนุน ก่อนที่เสียงหัวเราะกวน ๆ จะดังขึ้นในกลุ่ม
“ได้ยินมาว่า เอ็งโดนนางฟ้าชุดขาวทิ้งไปหาไอ้หมอบอด ถ้าจะจริงล่ะสิ ถึงมาเมาเป็นหมาแบบนี้ทุกคืน” เต้เอ่ยพร้อมกับยิ้มเยาะ
“ข้าจะเป็นอะไรก็เรื่องของข้า หมาแบบเอ็งไม่เกี่ยว” ใจดีตอบเสียงอ้อแอ้
เต้พรวดพราดลุกขึ้นจนเก้าอี้ที่นั่งล้มลง “พูดกวนส้นตีนแบบนี้ ก็สวยสิวะ”
“คราย..คราย...สวย...คนอย่างข้า ใจดี ชนแดน หล่อเกินพิกัดโว๊ย” ใจดีพูดจากวนต่ออีก
บรรดาเหล่าลูกน้องของเต้ ประกอบด้วย พิภพ หัวล้าน, ศักดิ์ หยักศก, กฤษณะ เหลี่ยมจัด, ยักษ์ ปักเลน, จิ้นเหลน เหล่าดง, เบิ้ม บางตาล, เป้า แปดหลอด พากันถีบเก้าอี้ที่อยู่รอบ ๆ จนกระเด็น อันเป็นธรรมเนียมปฏิบัติของเหล่าอันธพาลครองเมือง
คนในร้านเหล้าที่เหลือหันมามอง พร้อมกับคิดในใจว่า “ความซวยมาเยือนแล้ว” หลายรายรีบจ่ายเงินแล้วเผ่นออกจากร้านทันที
เจ สกลคนเหล้าเรื่อง เจ้าของร้านรีบวิ่งเข้าไปยืกั้นกลางระหว่างใจดีกับเต้ พร้อมกับห้ามปราม
“พ่อเลี้ยงเต้ครับ...พี่ใจดีครับ...อย่ามีเรื่องกันเลยครับ ผมขอล่ะ” เจบอกพลางยกมือไหว้ทั้งฝั่งเต้และฝั่งใจดี
เจ สกลคนเหล้าเรื่อง
“ข้าไม่ได้เป็นฝ่ายเริ่มก่อนนะโว๊ยไอ้เจ ไอ้ใจดีต่างหากมันมาพูดจากวนข้าก่อน”
เจคิดในใจ “ก็ถ้าเอ็งไม่เข้ามาก่อกวนเขาก็ไม่มีเรื่องหรอก” แต่ก็ไม่กล้าพูดออกไปให้โดนรุมยำสหบาทา “พ่อเลี้ยงเต้เป็นผู้มีเมตตา ใจกว้างอย่างกับแม่น้ำโขง อย่าไปถือสาคนเมาเลยครับ นึกว่าปล่อยลูกนกลูกกาให้มันซดเหล้าในร้านต่อไปเถอะครับ”
เจใช้วาทะศิลป์กับเต้ เขารู้ดีว่าลูกค้าแต่ละคนมีนิสัยอย่างไร และก็ได้ผล เต้ยิ้มกริ่มด้วยความพอใจ
“เอาเถอะ...เห็นแก่หน้าเอ็งนะไอ้เจ ข้าก็ใจกว้างพอจะไม่ถือสาคนเมาเหมือนหมาแบบมัน”
เต้พูดจบก็หันหลังเดินจากไป แต่เดินไปได้แค่สองก้าวก็ต้องหยุด เพราะมีเสียงอ้อแอ้จากใจดีไล่หลังมา
“หมาก็อยู่ส่วนหมาสิวะ...เสือกมาเห่าหอนใส่คนทำไม”
เท่านั้นล่ะ เต้ เบียร์วุ้นก็หมดความอดทน มองหน้าเหล่าลูกน้อง พร้อมกับสั่ง
“กระทืบมัน”
บรรดาเหล่าลูกน้องทั้งหมดกรูเข้าหาใจดีทันที
เจรีบวิ่งไปหลบหลังเคาน์เตอร์บาร์พร้อมกับบ่นเสียงดัง “ฉิบหายแล้วร้านกู”
พวกของเต้ล้อมกรอบใจดีไว้ ในขณะที่ใจดีหลังพิงเคาน์เตอร์ ส่วนด้านหน้าถูกล้อมไว้ด้วยสมุนของเต้ ใจดียืนปักหลักโงนเงนไปมาด้วยฤทธิ์แห่งความเมา แต่ก็ยังยกแขนขึ้นตั้งการ์ด
เป้า แปดหลอดพุ่งเข้าใส่ใจดีก่อน ใจดีเห็นเงาร่างของเป้าพุ่งเข้ามาก็ปล่อยหมัดแย็ปออกไป แต่จั่วลมเพราะความเมา ตนเองเลยโดนกำปั้นของเป้าเข้าเต็มหน้า แต่ใจดีก็ยังมีปฏิกริยาที่ไวพออันเนื่องมาจากการฝึกทักษะการต่อสู้ ใจดียกเท้าถีบใส่เป้าเต็มแรงจนกระเด็นออกไป
เบิ้ม บางตาล กับ จิ้งเหลน เห่าดง ปรี่เข้าปา ใจดีเห็นเงาคนสองคนพุ่งเข้ามาหาตน จึงกระโดดตวัดเตะเท้าขวาตามด้วยเท้าซ้ายเต็มแรง แข้งของใจดีปะทะเข้ากับชายโครงของเบิ้ม และจิ้งเหลนตามลำดับ จนทั้งสองเจ็บร้าวลงไปนอนทรุด
ยักษ์ ปักเลนเดินดุ่ม ๆ ย่างสามขุมเข้าหาใจดี ใจดีเห็นเงาร่างใหญ่โตเดินเข้ามาก็ระดมปล่อยหมัดเข้าใส่ ทุกหมัดถูกเข้าที่ท้องของยักษ์ แต่เหมือนต่อยไปที่กระสอบทรายมันไม่รู้สึกอะไร
ยักษ์เงื้อมมือทั้งสองข้างเข้าไปจับข้อมือใจดีไว้แลบีบอย่างแรง เสียงกร๊อบดังขึ้น ใจดีร้องลั่นด้วยความเจ็บปวด มันแทบจะทำให้หายเมาเป็นปลิดทิ้ง แต่ยักษ์อ้อมไปด้านหลังในขณะที่ใจดียังมีอาการเจ็บ และล็อคแขนทั้งสองข้างไว้
ศักดิ์ หยักศก กับ กฤษณะ เหลี่ยมจัด สบข่องหัวเราะร่า เข้าไปถลุงหมัดใส่ใจดีเป็นชุด ก่อนที่พิภพ หัวล้านจนปิดท้าย
พิภพเอามือลูบหัวล้านสองที ก่อนจะวิ่งเข้าหาใจดี ใจหัวล้านของตัวเองกระแทกเข้าที่ท้องใจดีเต็มแรง
ใจดีทรุดลงไปนอนกองกับพื้นร้านเหล้า
เต้ เบียร์วุ้นเดินเข้ามาหยุดยืนตรงร่างใจดีที่ฟุบกับพื้น กวาดตามองสภาพน่วมไปทั้งตัวของใจดี ก่อนจะหยิบขวดวิสกี้ที่ตั้งอยู่หลังเคาน์เตอร์ขึ้นมา
เต้ย่อตัวนั่งยอง ๆ ตรงหน้าใจดี พร้อมกับเทวิสกี้ในขวดราดรดศีรษะของใจดีจนหมดขวด แล้วเต้ก็ใช้มือขยุ้มผมบนหัวใจดี เพื่อยกขึ้นมา
“เอ้า...อยากเมานัก อาบมันเลยแล้วกันนะไอ้ใจดี ใจหล่อนักนะเอ็ง ที่เหมือนหมาน่ะข้าว่าน่าจะเป็นเอ็งนะใจดี”
ใจดีที่สภาพตาบวมปิด เลือดไหลเป็นทางตามแผลแตก ยังมีแรงด่า
“หมาน่ะพวกเอ็งไอ้เต้ ....หมาหมู่”
“ยังไม่สิ้นฤทธิ์อีกนะมึง” เต้มองด้วยสายตาดุดัน พร้อมกับกดศีรษะใจดีลงกระแทกพื้น ก่อนจะลุกขึ้น
“เฮ้ย กระทืบมันต่อ”
ลูกสมุนของเต้ กรูเข้ามาล้อมลง ยกเท้าขึ้นเตรียมจะกระทืบ
“เฮ้ย...หยุดนะ...ไอ้พวกหมาหมู่”
เท้าที่เตรียมจะกระทืบใจดีหยุดกึกทั้งหมด พร้อมกับหันไปมองตามเสียงห้าม
เสก ก้าวเล็ก กับ บี บางรัก ยืนจังก้าอยู่ตรงนั้น
ทั้งสองเห็นสภาพของเพื่อนรักแล้วก็อดสะท้อนใจไม่ได้ ผู้ชายที่เคยรวมพลังกันต่อสู้กับซันเจิ้น ผู้ชายใจนักเลงคนนั้นตอนนี้หมดสภาพอย่างแท้จริง
เหล้าไม่ได้ทำให้ผู้ชายคนนี้หมดสภาพ แต่เป็นความรักที่ทำให้ผู้ชายคนนี้หมดสภาพ
เต้หรี่ตามองชายทั้งสองคน พลางครุ่นคิดในใจ
“ฝ่ายมันสองคน ฝ่ายเรามีแปด...”
แล้วเต้ก็เอ่ยทัก
“นึกว่าใคร เสก เล็กทั้งตัว กับ บี รักไปเรื่อยเองเหรอวะ”
เสกสะดุ้งตัวโก่งเพราะถูกเรียกผิด “เสก ก้าวเล็กโว๊ย ไอ้เต้เบียร์บูด” เสกยังต่อด้วยการปะทะคารม
เสก ก้าวเล็ก
“อ้าว...จะไปรู้เหรอ ก็ได้ยินข่าวลือกันให้แซ่ดในโชโกะเลาจน์ว่า “เล็กทั้งตัว” ไม่ใช่เหรอวะ” เต้พูดจบหันมาทางลูกน้อง
เหมือนรับลูกคู่ พวกสมุนพากันหัวเราะชอบใจ ศักดิ์ หยักศกเอ่ยขึ้น
“ถ้าเล็กทั้งตัวแบบนี้ ฉันอายแย่เลยล่ะพ่อเลี้ยง”
เสียงหัวเราะดังขึ้นอีก ส่วนเสกหน้าแดงก่ำ
“แล้วมาถูกคู่ด้วยนะ ไอ้บี รักไปเรื่อยนี่ล่ะ ที่ทำคุณหนูพิมเสียใจร้องไห้หนีไปอังกฤษ ไม่กลับมาอีกเลย ถ้าคุณหนูพิมหันมามองคนดี ๆ อย่างพี่เต้ล่ะก็ จะสนองให้สนั่นไปเลย” เต้พูดพลางเลียริมฝีปาก
พิภพหัวล้านรีบถูหัวล้านเลียริมฝีปาก “พ่อเลี้ยงเต้จะยัดเยียดความเป็นสามีให้ใช่ไหมครับ”
บีที่ทนฟังอยู่ เขารู้สึกผิดอยู่ในใจที่ทำร้ายจิตใจของพิมโดยไม่รู้ตัว และมันกลายเป็นตราบาปในใจของเขา แต่พอได้ยินเต้พูดจาไม่ให้เกียรติกับพิมแบบนี้ บี บางรักก็เหลืออด
เขาไม่รอ ไม่ทน ปรี่เข้าใส่ทันที ทำให้เสก ก้าวเล็ก ที่กำลังทั้งฉุนและดูเชิงต้องรีบตามเข้าไป
การตะลุมบอนของทั้งสองฝ่ายเริ่มขึ้น
บีปล่อยหมัดฮุคเข้าใส่เต้ ส่วนเต้ก็ไวพอที่จะกระชากร่างของพิภพที่ยืนข้าง ๆ ออกมากันเป็นโล่ห์แทน
บี บางรัก
พิภพโดนหมัดฮุคของบีเข้าเต็มที่ หมัดฮุคกระแทกเข้าที่แก้มข้างขวาของพิภพจนหน้าหัน
แต่เต้ก็อาศัยจังหวะที่สมุนตัวเองโดดนต่อย ปล่อยหมัดเข้าใส่บีจนหน้าหงายไปเหมือนกัน
ส่วนเสก ที่ตรงเข้าไปต่อยซ้ายที ขวาที สลับกับเตะเข้าใส่ ศักดิ์ กับ กฤษณะ เพื่อจะเบิกทางเข้าไปช่วยใจดี
แต่เบื้องหน้าของเสกตอนนี้ร่างใหญ่โตกว่าสองเมตรของงยักษ์ ปักเลน
เสกเงยหน้ามอง ความสูงของเขาแค่ระดับอกของยักษ์เท่านั้นเอง เสกต่อยเข้าที่ท้องของยักษ์ แต่คล้ายกับต่อยใส่กำแพง เสียงดัง ‘ตึ้บ’ แต่ไม่สะเทือน
ยักษ์เงื้อแขนใหญ่โตทั้งสองข้างโอบรัดเสกไว้ด้วยท่าแบร์ฮํค มันใช้ท่อนแขนทั้งสองรีบรัดตัวเสกจนเขาเจ็บปวดไปหมด
เสกร้องโอยโอย พยายามดิ้นตัวเองให้หลุดแต่ไม่เป็นผล เขาเปลี่ยนเป็นใช้สันมือฟันไปที่ต้นแขนทั้งสองข้างของยักษ์ แต่ก็ไม่ได้ทำให้ยักษ์เจ็บปวดอะไร มิหนำซ้ำยักษ์ยังใช้แรงแขนบีบรัดแน่นกว่าเดิมอีก
บีพยายามจะหันไปช่วยเพื่อน แต่ตรงหน้าเขายืนขวางไว้ด้วย จิ้งเหลน เห่าดง, เป้า แปดหลอด และ เบิ้ม บางตาล
บีกวาดตามอง พิภพนอนกุมปากที่เลือดกลบปากอยู่ คงทำอะไรไม่ได้ เต้คงไม่เข้ามาแลกด้วย คงรอตอนสบโอกาสหลังลูกน้องยำเขาแล้ว ส่วนทางเสกเองก็ตึงมือโดนรัดจากยักษ์ ปักเลน แล้วยังมีศักดิ์ หยกศก กับ กฤษณะ เหลี่ยมจัด รอซ้ำอยู่ตรงนั้น สถานการณ์แบบนี้ หนักหนาอยู่
“แปดต่อสองมันเกินไปมั้ง?” เสียงดังขึ้น
ทุกคนหันไปมอง คนที่พูดขึ้นมาคือ แมน เมืองชล คนสองเมียสองลูก
แมน เมืองชล
ในมือของแมนโอบไว้ด้วยนมผงกระป๋องตราหมีที่แม่เพ็ญใช้ให้ไปซื้อมาชงให้ลูก ๆ ทาน
ระหว่างเดินกลับ แมนเดินผ่านหน้าร้านมีเรื่องเหล้า เห็นนักเที่ยววิ่งหนีกันออกมา เลยสอบถามพบว่า ข้างในกำลังมีเรื่องคนตีกัน แมนเลยลอบเข้ามาดูเพราะเป็นห่วงเจ สกลนครเจ้าของร้านเหล้าที่รู้จักกัน ก็เลยทันเหตุการณ์นี้พอดี
เต้หันไปมองเพื่อนรักของตัวเอง และร้องทักด้วยความดีใจ
“ไอ้แมนเพื่อนรัก เป็นไงบ้างวะ?”
แมนเดินเข้ามาใกล้กับเต้ เอ่ยตอบ “ก็เรื่อย ๆ ตามประสาคนหาเช้ากินค่ำล่ะวะ”
บีหัวใจหล่นไปกองกับพื้น เขารู้ดีว่าแมนกับเต้เป็นเพื่อนรักกันมานานตั้งแต่อยู่กับพ่อเลี้ยงก้อม บีคิดในลำพังแปดคนก็ตึงมือมากแล้ว นี่เพิ่มแมน เมืองชลมาอีกคน เขา เสก และใจดี คงไม่รอดคืนนี้เป็นแน่
“เอ็งมาก็ดีแล้ว มาช่วยข้ากระทืบไอ้สามตัวนี้หน่อย” เต้ชักชวนเพื่อนรัก
“ทำไมต้องลงไม้ลงมือกันด้วย เอ็งไม่เห็นใจไอ้เจมันบ้างเหรอ ร้านมันพังหมดแล้ว” แมนกวาดตามองสภาพเละเทะในร้าน
ขณะที่ความสนใจพุ่งไปที่แมน เมืองชล เสกที่ถูกยักษ์รัดไว้ด้วยท่อนแขนก็สบช่อง เข้าใส่ฝ่ามือทั้งสองเข้างตะปบไปที่บ้องหูซ้ายขวาของยักษ์ ปักเลนเต็มแรง
“โอ๊ยยยยย” เสียงร้องลั่นดังขึ้นจากปากยักษ์ ท่อนแขนคลายออก เสกถีบตัวออกมาพร้อมกับยันร่างยักษ์ล้มลงไปกองกับพื้น ก่อนที่ตนเองจะกลิ้งตัวมาสมทบกับบี
เต้หัวเสียที่เสกหลุดออกมาได้ แต่ก็หันมาพูดกับแมนต่อ
“ไอ้แมน เราสองคนมารวมพลังกันเหมือนวันเก่า ๆ สั่งสอนบทเรียนให้ไอ้บีกับไอ้เสกกันดีกว่า”
แมนปรายตามองไปทางบีกับเสก ก่อนจะหันกลับมามองเต้
“แยกย้ายกันไปเถอะวะไอ้เต้ พอแค่นี้ดีกว่า”
“อ้าว...ไหงเอ็งพูดแบบนั้นวะไอ้แมน” เต้ฉุน “ตั้งแต่เอ็งมีลูกสองนี่ใจฝ่อเลยเหรอวะเพื่อน?” ถามไปหัวเราะเยาะเย้ยไป
แมนตอบกลับด้วยสีหน้าเรียบเฉย “เปล่า...ข้าไม่ชอบรังแกคนทำมาหากิน ไม่ชอบหมาหมู่เอ็งก็รู้”
“เห็นแก่ความเป็นเพื่อนและลูก ๆ ของเอ็งนะ เอ็งออกไปก่อนเลยไอ้แมน” เต้ข่มอารมณ์
“ตกลง แต่ข้าขอพาใจดีไปหาหมอก่อนนะ”
“ไม่ได้” เต้ตวาด “ถ้าเอ็งพามันไปก็เป็นศัตรูกับข้า” เต้ยื่นคำขาด
“เอ็งจะพาลแบบนี้เหรอวะไอ้เต้” แมนย้อนถาม
เพื่อนรักทั้งสองมองตากันเขม็ง ไม่มีใครหลบตาใคร ในแววตาของเต้เหมือนเป็นคำตอบ มันเต็มไปด้วยความรู้สึกที่ซุกงำมานาน
แม้เต้จะเห็นแมนเป็นเพื่อน แต่ในขณะเดียวกันเต้ก็เห็นแมนเป็นคู่แข่ง ลูกน้องส่วนใหญ่นับถือน้ำใจของแมนมากกว่าตัวเอง พ่อเลี้ยงก้อมก็ไว้ใจแมนมากกว่าตนเอง เดินไปไหนด้วยกันชาวบ้านร้านช่องก็ยกมือไหว้แมนก่อน แต่กับเต้แทบจะวิ่งหนี พ่อเลี้ยงก้อมก็เคยเปรยไว้ว่า จะให้แมนสืบทอดอำนาจ แต่แมนมาชิงลาออกไปมีครอบครัวเสียก่อน
ความอิจฉาริษยาเหล่านี้หมักหมมในใจเต้มานานแล้ว เต้เองก็หาโอกาสหักกับแมนมานานแล้ว คืนนี้ถือว่าสบช่องที่จะหักเหลี่ยมโหดกับเพื่อนรัก
“เอ็งจะรีบไสออกไปคนเดียว หรือไม่ก็จมกองตีนอยู่ในร้านพร้อมกับพวกมัน”
เต้ยื่นคำขาด
แมนพยักหน้าอย่างเข้าใจ เขารู้แล้วว่าเต้ไม่เห็นเขาเป็นเพื่อนอีกต่อไป หรือบางทีเต้อาจคิดแบบนั้นมาโดยตลอด ลึก ๆ แมนก็รู้ดีแต่เขาให้ความสำคัญกับมิตรภาพของความเป็นเพื่อนมากกว่า จึงมองข้ามไป
แมนวางกระป๋องนมผงตราหมีลงบนโต๊ะชั่วพริบตาในมือของแมนก็มีปืน และปากกระบอกปืนก็จ่อเข้าที่แสกหน้าของเต้
ความเป็นเพื่อนทำให้เต้เท่าทันกับแมน เพราะทันทีที่แมนมีปฏิกริยาวางกระป๋องนมผง เต้ก็พร้อมเช่นกัน
ในมือของเต้มีปืน และปลายกระบอกปืนของเต้ก็จ่อเข้าที่แสกหน้าของแมนแทบจะพร้อม ๆ กัน
ปืนจ่อแสกหน้า
ต่างฝ่ายต่างใช้ปืนจ่อแสกหน้าของอีกฝ่าย สายตาทั้งสองคู่มองเขม็งใส่กัน
เต้ยิ้ม “มึงจะแลกกับกูจริงเหรอไอ้แมน? ลูกสองคนมึงยังเล็กนะ คิดให้ดี”
แมนลังเล และเต้ก็เห็นความลังเลใจในแววตาของแมน เขารู้ดีว่าตนเองกุมชัยชนะไว้แล้ว นักเลงอย่างเสือเมื่อมันมีห่วงมันก็หมดความเป็นเสือ เป็นได้แค่หมาพ่อลูกอ่อนเท่านั้น
ใช่...แมนก็ลังเล ถ้าเขาแลกชีวิตด้วย แล้วเพ็ญกับภาและลูก ๆ จะทำอย่างไร มันคุ้มเหรอที่จะมาแลกชีวิตกับชายสามคนนี้ แมนถามตัวเองในใจ แต่ชั่วพริบตาสายตาแมนก็เปลี่ยนไป กลับมาเป็นแมน เมืองชล เสือร้ายแห่งชลบุรีคนเดิม
เต้สะดุ้งใจหายวาบ แววตาแบบที่คุ้นชินเวลาที่แมนเอาเรื่องถึงตายมันกลับมาแล้ว คราวนี้เต้เป็นฝ่ายลังเลใจบ้างแล้ว
แมนเองก็เห็นแววตาลังเลใจของเต้เช่นกัน ในวันที่เต้มีทุกอย่าง ทั้งอำนาจ บารมี อิทธิพล วันที่เต้มาแทนที่พ่อเลี้ยงก้อม คนเมื่อมีอำนาจมากย่อมต้องหาทางรักษาอำนาจนั้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งอำนาจที่ตนเองใช้แผนสกปรกไปยึดครองมา
เต้วางแผนซ่องสุมกำลังด้วยอำนาจเงิน จนเกิดเป็นกลุ่มก๊วนที่เต้ใช้ท่อน้ำเลี้ยงด้วยเงินสนับสนุนเพื่อพาตัวเองไปสู่อำนาจ โดยยึดอำนาจเหล่านั้นมาจากพ่อเลี้ยงก้อม ในวันนี้เต้กลายเป็นพ่อเลี้ยงเต้ มันคุ้มรึเปล่าที่จะแลกชีวิตตนเอง และสิ่งที่ตัวเองดิ้นรนไขว่คว้ามา
สองเพื่อนรักกำลังจะหักเหลี่ยมโหดกัน ใครที่จะเพลี่ยงพล้ำกัน นี่คือการต่อสู้กันทางจิตวิทยา วัดใจกันล้วน ๆ ปากกระบอกปืนทั้งสองยังจ่ออยู่ตรงหน้าของแต่ละฝ่าย แต่ในใจของทั้งสองผลัดกันชิงได้เปรียบเสียเปรียบ
เสียงหวอจากรถตำรวจดังขึ้นแว่วมาแต่ไกล มันฉุดแมนและเต้กลับมาสู่ความจริงในร้าน
เต้เป็นฝ่ายค่อย ๆ ลดกระบอกปืนลง และแมนก็ทำเช่นเดียวกัน ทั้งสองฝ่ายรู้ดีว่าการต่อสู้นั้นผ่านไปแล้ว
เต้ไม่พูดอะไรอีก เดินออกไปจากร้านโดยมีลูกสมุนเดินตามไป ที่หนักคือพิภพที่ต้องให้กฤษณะประคองออกไป
ก่อนจะออกจากประตูร้าน เต้หยุดยืน หันมามองหน้าแมน เหมือนจะพูดอะไร ความรู้สึกมากมายในใจของตน ทั้งเสียใจ ทั้งเจ็บใจ ทั้งเศร้า ทั้งผิดหวัง
แมนเองก็มองเต้ เขามองดูเพื่อนรักที่ยืนอยู่ตรงนั้นด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความรู้สึกไม่ต่างกัน
ทั้งสองฝ่ายรู้ดีว่า นับจากเต้เดินออกจากไปประตูร้านไปแล้ว ความเป็นเพื่อนจะสิ้นสุดลง เจอกันครั้งหน้าในสถานการณ์แบบนี้อีก ต้องมีฝ่ายหนึ่งฝ่ายใดที่รอด และอีกฝ่ายต้องตาย
บีกับเสกเข้าไปประคองร่างใจดี โดยมีแมนเดินตามมา และเจก็ออกมาจากหลังเคาน์เตอร์ เมื่อได้เห็นสภาพร้านแล้วเจก็ถึงกับเข่าอ่อนทรุดลงไปนั่งกองกับพื้น
ทุก ๆ การปะทะกันระหว่างสองฝ่าย คนที่เดือดร้อนเสมอก็คือชาวบ้านหาเช้ากินค่ำที่ต้องมาได้รับผลกระทบจากการกระทำที่พวกเขาไม่ได้ต้องการ ทุกฝ่ายมักอ้างสิทธิความชอบธรรม แล้วคนเหล่านี้ที่อยู่เฉย ๆ เขาต้องถูกละเมิดสิทธิแบบนี้เขาจะไปเรียกร้องอะไรจากใครได้
โลกเราก็มักเป็นแบบนี้เสมอ
เสียงหวอรถตำรวจดังลั่นที่หลังประตู เมื่อประตูเปิดออกตำรวจก็กรูเข้ามา นำหน้าโดยผู้กองต้า พาเพลิน
ผู้กองต้าเหลียวมองรอบ ๆ ทุกอย่างอยู่ในความสงบและเสียหาย แต่คนก่อเหตุไม่อยู่รอให้จับ
ผู้กองต้าถอนใจหายใจ พร้อมกับคิดในใจ “มันเป็นแบบนี้เสมอ”
ผู้กองต้า พาเพลิน
ในใจแม้ปฏิบัติหน้าที่ แต่สมองของผู้กองหนุ่มมีแต่น้องแบมแบมอยู่ในความคิด...ความคิดถึง
ตำรวจก็คือคน เลิกงานเขาก็ก็คือลูกของคนคนหนึ่ง แฟนของใครสักคน พ่อของลูก ๆ ครอบครัวหนึ่ง
แม่น้ำสายหนึ่งในป่าลึก
....
อ๊อด พากิน นำคนของตนเองกลุ่มหนึ่งมาดักรอที่จุดนัดพบ บริเวณริมตลิ่งในป่าแห่งหนึ่งที่อยู่ในหุบเขา
บริเวณที่อ๊อดมารอรับสินค้ามีสภาพพื้นที่เป็นแอ่งกระทะถูกโอบล้อมด้วยเนินเขาเล็ก ๆ รอบ ๆ ทั้งสามด้าน ในขณะที่อีกหนึ่งด้านเป็นแม่น้ำที่กว้างและลึก
สักพักหนึ่ง เรือยนต์ขนาดกลางลำหนึ่งแล่นด้วยความเร็วปกติ มันปรากฎขึ้นในสายตาของอ๊อด เขากับสมุนคนสนิทอีกสองคนของเถ้าแก่อู๋เดินไปตรงท่าน้ำที่สร้างจากกระดานไม้ อ๊อดโบกมือให้สัญญาณแก่เรือลำนั้น ที่พอเห็นสัญญาณโบกมือก็เบี่ยงหัวเรือเข้ามาจอดเทียบท่า
ชายหน้าตาดุคนหนึ่งขึ้นมาจากเรือและเดินตรงมาที่อ๊อด ชายหน้าดุล้วงมือเข้าไปในกระเป๋าเสื้อ หยิบกระดาษแผ่นหนึ่งที่พับไว้ออกมาคลี่ อ๊อดเองก็ทำเช่นเดียวกัน ทั้งสองเอากระดาษมาต่อกันเป็นข้อความ “FB”
ชายหน้าดุโบกมือให้สัญญาณลูกน้องในเรือ ก่อนจะช่วยกันลำเลียงหีบไม้ขึ้นจากเรือมาวางที่ลานตรงริมตลิ่ง
เมื่อขนลังสินค้าจนหมดยังไม่ทันพูดอะไรกันต่อ เสียงปืนก็ดังขึ้น
“เปรี้ยงงงงง”
กล่มคนแต่งกายชุดดำมีผ้าสีดำปิดบังใบหน้าไว้ จำนวน 8 คนปราฏตัวขึ้น ก่อนจะกรูลงมาจากแนวเนินเขาลงมาด้านล่าง
“มีโจรปล้น!” อ๊อดอุทาน
อ๊อด พากิน
ชายหน้าดุกับลูกสมุนอีกสองคนในเรือรีบคว้าปืนเอ็ม 16 ขึ้นมากราดยิง
คนชุดดำหลบหลีกที่แนวหลังโขดหิน บางคนหลบหลังต้นไม้ มีคนหนึ่งทิ้งตัวลงนอนและกลิ้งไปกับพื้น
คนที่กลิ้งไปกับพื้นเหยียดมือออกยิงปืนในมือไปด้วยพร้อมกับกลิ้งหลบไปด้วย กระสุนปืนวิ่งแหวกอากาศทะลุร่างของลูกเรือทั้งสองคน เสียงพวกมันร้อง “โอ๊ย” ดังลั่นพร้อมกับร่างร่วงหล่นลงไปในแม่น้ำ
ลูกสมุนของเถ้าแก่ส่งก็รีบหลบหลังก้อนหินพร้อมกับยิงสวนไปเป็นชุด แต่มีชายชุดดำคนหนึ่งยกมือประนมท่องคาถาแล้ววิ่งเข้าใส่คล้ายไม่กลัวกระสุนปืนแต่อย่างใด
ลูกสมุนเถ้าแก่ส่งต้องตกใจถึงกับขยี้ตา เพราะเห็นชัดคาตาว่ากระสุนมันยิงเช้าใส่ร่างที่วิ่งดิ่งเข้ามา แต่ไม่ระคายผิวหนัง
ชายชุดดำนั้นวิ่งมาจนถึงหน้าสมุนทั้งสอง ในมือทั้งสองปรากฎมีดตั้งแต่เมื่อไรไม่รู้ แต่คมมีดตวัดขึ้นสองครั้ง ปาดคอหอยของลูกสมุนทั้งสองขาด เลือดไหลเป็นทาง พวกมันยกมืกุมคอหอยตัวเองก่อนจะมีเสียงดังคร่อก...คร่อก..ล้มลงสิ้นใจตรงนั้น
ตอนนี้เหลือเพียงอ๊อด พากิน กับ ชายหน้าดุเท่านั้น
กลุ่มชายชุดดำทั้ง 8 คนย่างสามขุมอย่างระแวดระวัง ค่อย ๆ ตีกระหนาบเข้ามาล้อมกรอบอ๊อด กับชายหน้าดุ
ชายหน้าดุเหงื่อแตกพลั่ก หันมาถามอ๊อดเป็นสำเนียงภาษาจีน ที่แปลได้ว่า
“ทำยังไงดี”
อ๊อดกระชับปืนในมือ ก่อนจะหันปากกระบอกปืนมาที่ชายหน้าดุและลั่นไก
“เปรี้ยงงง”
เสียงปืนดังก้องไปทั้งป่า ชายหน้าดุโดนยิงตัดขั้วหัวใจ มือกุมหน้าอกเลือดไหลออกมาตามง่ามนิ้วก่อนจะล้มฟุบลงไปตรงท่าน้ำ
ชายชุดดำคนที่กลิ้งตัวยิงปืน กับชายชุดดำที่วิ่งเข้าหากระสุนปืนเดินมาหยุดยืนตรงหน้าอ๊อด และปลดผ้าคลุมหน้าออก
ชายชุดดำคนที่กลิ้งตัวยิงก็คือ ชม ตำนาน
ส่วนชายที่วิ่งเข้าหากระสุนปืนก็คือ ผี ตะลุมพุก
ชม ตำนาน
ชม ตำนานยื่นมือออกไปจับกับอ๊อดเป็นการทักทาย อ๊อดยิ้มและเอ่ยขึ้น
“สินค้างวดนี้มันเปลี่ยนเป็นส่งทางแม่น้ำในป่า เลยไม่ต้องไปดักรอในป่าซึ่งเป็นตัวหลอก”
“ขอบคุณพี่อ๊อดมากที่ส่งข่าวบอกพวกเรา” ชม ตำนานตอบ “ว่าแต่ถ้าสินค้าโดนปล้นทางนี้ พี่อ๊อดจะถูกจับได้นะว่าเป็นสายของเรา”
“ถ้าตามแผนที่หนัง มิติวางไว้ ทุกอย่างน่าจะไม่มีอะไรผิดปกติ” อ๊อดตอบ
“แต่พี่อ๊อดจะต้องเจ็บตัวนะ เพราะผมต้องยิงพี่อ๊อดด้วย” ชมเอ่ยอย่างเป็นห่วง
อ๊อดยิ้ม จับบ่าของชม “ไม่เป็นไร เจ็บแค่นี้ไม่ถึงตาย ผมยอม ดีกว่าจะเป็นสุนัขรับใช้ต่างชาติ ให้มันเข้ามาบ่อนทำลายประเทศชาติของเรา ถึงผมจะเป็นนักเลง แต่ผมก็มีเลือดรักชาติไม่แพ้พวกคุณ ผมทนเห็นนายหัวกานต์ เถ้าแก่ส่ง สมคบคิดกับต่างชาติอย่างมิสเตอร์ท็อป ที่วางแผนยึดครองประเทศไทยของเรา บ่อนทำลายด้วยเฮโรอีนให้ลูกหลานไทยตกเป็นทาสยาเสพติด หรือทาสทางความคิดบิดเบี้ยวไม่ได้หรอกครับ”
“ผมซึ้งน้ำใจเลือดรักชาติของพี่จริง ๆ” ผี ตะลุมพุกเอ่ยขึ้น
ชมตำนานเอาปากกระบอกปืนจ่อใกล้ ๆ หัวไหล่ของอ๊อด พลางถามขึ้น “กระสุนมันจะแรงมาก พี่อ๊อดจะเจ็บจนไม่รู้จะบรรยายอย่างไร แต่กระสุนมันจะทะลุออกด้านหลังของพี่ พอพี่ถูกยิงแล้ว ผมจะรีบห้ามแผลให้”
ชมมองหน้าอ๊อด “พร้อมรึยังพี่อ๊อด?”
อ๊อดสูดลมหายใจเข้าปอดเฮือกใหญ่ ก่อนจะพยักหน้า “พร้อม เอาเลย”
ชม ตำนานเหนียวไก เสียงปืนดังขึ้นอีกครั้งก้องไปทั่วทั้งป่า กระสุนปืนพุ่งจากปากกระบอกวิ่งเข้าใส่เนื้อตรงหัวไหล่ของอ๊อด ก่อนจะทะลุทะลวงออกด้านหลังพุ่งตกลงไปในแม่น้ำ เสียงร้องของอ๊อดดังลั่นด้วยความเจ็บปวด มันเป็นความเจ็บปวดแสนสาหัสจนยากจะบรรยาย
หนึ่งในคนของโจรป่าพยนต์ รีบวิ่งเอากล่องปฐมพยาบาลมาให้ ชมรีบปฐมพยาบาล คัดเลือด ห้ามเลือด และบอกกับอ๊อดว่า
“พี่อ๊อดกดตรงปากแผลไว้ก่อนให้เลือดหยุด เดี๋ยวผมจะทำแผลให้”
ระหว่างที่คนทั้งหมดรวมตัวกันอยู่ตรงท่าน้ำ หารู้ไม่ว่ามีกลุ่มคนแต่งกายแบบทหารจำนวนยี่สิบคนค่อย ๆ ปรากฎตัวขึ้นที่เนินเขาพร้อมรอบล้อมพวกเขาไว้ทั้งสามด้าน พร้อมกับเล็งปืนเอ็ม 16 ลงมาที่กลุ่มคนข้างล่างทั้งหมด
หนึ่งในโจรป่าพยนต์ เงยหน้าขึ้นมาพร้อมกับอุทาน
“แย่แล้ว พี่ชม พี่ผี ข้างบนนั่น” พูดพลางชี้มือขึ้นไป
อ๊อด ชม และผี เงยหน้าขึ้นไปมองถึงกับใจหายวาบ เขาเห็นคนยี่สิบคนยืนล้อมรอบอยู่เล็งปืนมาทางนี้ ถ้ายึดตามชัยภูมิที่ตั้ง พวกของชมอยู่ต่ำในแอ่งกระทะ ในขณะที่กลุ่มทหารรับจ้างเหล่านี้อยู่บนที่สูงเล็งปืนลงมา พวกของชมกลายเป็นเป้าสังหารแทน
เสียงเครื่องยนต์ดังมาจากทางแม่น้ำ พวกของชมเหลียวไปมอง เห็นเรือยนต์เล็กแบบเร็วอีกลำหนึ่งวิ่งผ่านแนวเขาที่บังสายตาอยู่ออกมาและแล่นตรงมาทางนี้
อ๊อดมองไปที่เรือถึงกับตกใจ คนบนเรือหนึ่งนั้นคือ กานต์ บัญชี อีกคนหนึ่งคือ เจ.ที.
เรือยนต์เร็วค่อย ๆ จอดลอยเอื่อย ๆ อยู่ใกล้กับเรือยนต์ขนสินค้า กานต์หยิบโทรโข่งขึ้นมาแล้วพูดกรอกผ่านลงไป
กานต์ บัญชี
“จะยอมถูกจับเป็น หรือจับตายดีล่ะพี่อ๊อด และไอ้โจรป่าพยนต์”
ชมหันมาบอกกับอ๊อด “แย่แล้วพี่อ๊อด พวกเราตกหลุมพรางของมัน”
กานต์ยิ้มแบบผู้ชนะ และเอ่ยผ่านโทรโข่งอีกครั้งเสียงดังลั่น
“พี่อ๊อดนะพี่อ๊อด...ผมภาวนาอย่าให้เป็นพี่อ๊อดเลยที่เป็นหนอนบ่อนไส้ เพราะเดี๋ยวน้องเย็นกับเสือปิ๊ดมันจะไม่มีคนดูแล และผมก็คงไม่เลี้ยงเหมือนกัน ผมเกลียดแมว แต่ถ้าพี่ไม่อยู่ผมจะเอาพวกมันไปปล่อยวัดบางบอกดิกให้ก็แล้วกัน”
อ๊อดหน้าเครียดอย่างเห็นได้ชัด เขารู้ดีว่างานนี้คงไม่รอดไปเจอหน้าแมวทั้งสองเป็นแน่
“ผมให้เวลานับหนึ่งถึงสิบ จะยอมจำนนให้เราจับตัว หรือจะยอมตายเป็นผีเฝ้าริมตลิ่งที่นี่”
ผี ตะลุมพุก เอ่ยเบา ๆ กับชม
“พี่ชมผมมียันต์กับคาถาคงกระพัน ให้ผมเป็นตัวล่อเบนความสนใจ ผมจะวิ่งขึ้นไปหาพวกมัน พอขึ้นไปได้ก็จะจัดการกับมัน ส่วนทางด้านล่างพี่ชมหาทางจัดการกับกานต์ และไอ้ฝรั่งร่างยักษ์คนนั้น”
ผี ตะลุมพุก
ชมครุ่นคิดครู่หนึ่งก่อนจะผงกศีรษะเป็นเชิงเห็นด้วย
ทั้งสองลงมือแทบจะพร้อม ๆ กัน ผี ตะลุมพุกสับขาแล้ววิ่งทะยานขึ้นไปบนเนิน ตะบึงใส่กลุ่มทหารรับจ้าง
พวกทหารรับจ้างตกใจพากันเล็งปากกระบอกปืนเอ็ม 16 เข้าใส่ผี ตะลุมพุก แต่ก็ต้องตกใจเพราะแม้จะยิงโดนแต่กระสุนทั้งหมดไม่ระคายผิวของผีเลย
ทางด้านชมชักกระบอกปืนในมือทั้งสองออกลั่นกระสุนไปที่เรือของกานต์ เจ.ที.ที่เหมือนจะรู้ดีอยู่แล้ว หมุนด้านหน้าของเรือมารับกระสุน กระสุนวิ่งเช้าปะทะกระจกเป็นชุด ๆ แต่กระจกไม่แตก เพราะมันเป็นกระจกกันกระสุน
ผี ตะลุมพุกวิ่งตะบึงขึ้นมาจนเกือบจนด้านบนสุด แต่แล้วเงาร่างหนึ่งก็ปราดออกจากด้านหลังทหารรับจ้างทั้งยี่สิบคน พร้อมกับสาดบางอย่างในถังเข้าใส่ผี ตะลุมพุก
ผีโดนบางอย่างสาดเข้าใส่เต็มทั้งตัว มันเป็นสีแดงเหนียวข้น เป็นเลือด!
ชายที่สาดเลือดใส่ผี ในมือยังถือถังเปล่าอยู่ ยืนยิ้มอย่างสะใจ รอยยิ้มสะใจแบบนี้มีเพียงคนเดียวที่ชอบยิ้ม ซันเจิ้น เขาใช้มือที่ว่างอีกมือโบกขึ้น
ซันเจิ้น
ทหารรับจ้างอีกสามคนเปลี่ยนเป็นสะพายปืนเอ็ม 16 และคว้าถังที่วางข้าง ๆ สาดเลือดใส่ผี ตะลุมพุกอีกสามถัง ร่างของผีชโลมไปด้วยเลือด กลิ่นคาวคละคลุ้งไปทั่ว
ซันเจิ้นชักปืนพกที่เหน็บอยู่ข้างเอวออกมา เล็งไปที่ผี และเหนี่ยวไก เสียงปืนดังขึ้นกระสุนวิ่งไปที่ต้นขาด้านขวาของผี
ผีพนมมือบริกรรมคาถาแต่แล้วเขาก็ต้องส่งเสียงร้องด้วยความเจ็บปวด
กระสุนปืนของซันเจิ้นวิ่งทะลวงผ่านผิวหนังเข้าไปในร่างของผี ผีงุนงงและสับสนว่าทำไมกระสุนปืนถึงยิงเข้า
ซันเจิ้นยิ้มอีกครั้ง ก่อนจะพูดเป็นภาษาไทยติดสำเนียงจีน
“เลือดที่สาดเป็นเลือดของสัตว์ มันล้างอาคมคงกระพันของแกได้ ตอนนี้ของขลังทั้งหลายของแกเสื่อมหมดแล้ว””
ผี ตะลุมพุกตกใจ เขาไม่เคยคาดคิดว่าตนเองจะต้องมาเจอกับเหตุการณ์คับขันแบบนี้ ทุกครั้งเขามั่นใจในยันต์ที่สักไว้ และคาถาอาคมคงกระพันชาตรีที่ตนเองฝึกฝน
ซันเจิ้นยังคงมีหน้าที่ยิ้มแย้ม แต่สายตากลับเหี้ยมเกรียม เขายกมือขวาขึ้นเหนือหัวจนสุดแขนก่อนจะตวัดมือลงมา
ทันทีที่ตวัดมือลงมา เสียงปืนเอ็ม 16 ก็ดังรัวขึ้น ปากกระบอกปืนทั้งยี่สิบกระบอก หันไปทางผี ตะลุมพุก เสียงปืนดังรัวขึ้นติด ๆ กันครู่เดียว
แม้จะเป็นครู่เดียวไม่กี่วินาที แต่มันดูเหมือนยาวนานสำหรับชั่วโมงสำหรับผี ตะลุมพุก
ความเจ็บปวดแผ่ไปทั่วร่าง กระสุนปืนทะลุร่างของเขาจนพรุน เลือดของผีไหลออกมาตามรูกระสุนปะปนไปกับเลือดที่ถูกชโลมกาย
สิ่งสุดท้ายที่ผี ตะลุมพุกเห็นคือสีขาวจาง ๆ ก่อนจะค่อย ๆ กลายเป็นสีดำมืดทึบทมึน
ผี ตะลุมพุกล้มหงายลงกับพื้นเต็มแรง ร่างกายไม่ไหวติง
“ผี...... ไม่......”
เสียงชม ตำนานดังขึ้นทั้งตกใจและเสียใจ เขารู้สึกว่าตนเองตัดสินใจผิดพลาด ประมาทเลิ่นเล่อจนทำให้ผีต้องมาตาย
ชมเหมือนคนเลือดขึ้นหน้า เขาสาดกระสุนปืนเข้าใส่อย่างบ้าคลั่งไปที่ เหล่าทหารรับจ้าง
กระสุนปืนเอ็ม 16 วิ่งผ่านตัวชม ตำนานไปทะลวงล่างของผู้ติดตามของเขาล้มลงทีละคนจนหมด
ชมสาดกระสุนจนหมดแม็กกาซีน ขึ้นนกค้างอยู่ เขารู้แล้วว่ากระสุนหมด ชมเข่าทรุดลงตรงใกล้ ๆ กับร่างไร้ลมหายใจจมกองเลือดของผี ตะลุมพุก น้ำตาของชมไหลไม่ขาดสาย
กานต์ บัญชีกับ เจ.ที.ขึ้นฝั่งมาแล้ว
เจ.ที.หิ้วปีกอ๊อดที่ยังกุมเลือดอยู่ลากมาพร้อม ๆ กับกานต์ บัญชีที่เดินนำหน้า ก่อนจะมาหยุดลง
สถานการณ์พลิกกลับ ตอนนี้กลายเป็น ชม ตำนาน ถูกกระหนาบข้าง ด้านบนมีกองทัพทหารรับจ้างยี่สิบ พร้อมกับซันเจิ้น
ส่วนด้านล่างเป็นกานต์ บัญชี กับ เจ.ที.
กานต์ถูฝ่ามือไปมาพร้อมรอยยิ้ม
“ประหลาดใจไหม? ทำไมเรารู้ว่าในพวกแกมีคนที่มีวิชาคงกระพันอยู่ด้วย”
ชม ตำนานก้มหน้านิ่ง เวลานี้เขาหยุดหลั่งน้ำตาแล้ว และก็ประหลาดใจจริง ๆ อย่างที่กานต์ถาม แต่เขาก็เลือกจะไม่ตอบ
กานต์อธิบายต่อ
“เพราะวันที่กราดยิงในงานวัด เรามีทีมสำรองที่แอบส่องพฤติกรรมของพวกแกอยู่ในวัด เราส่งคนของเราปลอมตัวเป็นชาวบ้านที่มาเที่ยวงานวัด เพื่อเก็บข้อมูลของพวกโจรป่าพยนต์ และตอนนี้พวกเราก็รู้แล้วว่า แต่ละคนมีความสามารถพิเศษด้านใด และมีหน้าตาเป็นอย่างไร ปลอมตัวเป็นคนทำอาชีพอะไรบ้าง ทั้งวณิพก, คนขายสายไหม หรือแม้แต่แก ที่เป็นคนขายลูกโป่ง”
ชม ตำนานหน้าซีดเผือด ที่เขาไม่คาดคิดคือแผนการนี้ถูกวางไว้หลายชั้นแบบนี้
กานต์ดูจะภูมิใจ เขายังคงอธิบายต่อ
“ผมเสียแรงวางแผนนี้อยู่นาน เรายอมเสียคนจำนวนหนึ่ง มันเป็นแผนยิงกระสุนนัดเดียวได้นกหลายตัว ทางหนึ่งใส่ร้ายป้ายความผิดให้โจรป่าพยนต์ถูกทางการตามล่า ในขณะเดียวกันเราก็มีได้เบาะแสของโจรป่าพยนต์ทึ่ลึกลับไปด้วยพร้อม ๆ กัน”
เจ.ที.พูดบางอย่างออกมาเป็นภาษาอังกฤษยืดยาว และกานต์เป็นคนแปล
“ชายคนนี้คือ เจ.ที. เป็นหัวหน้ากลุ่มทหารรับจ้าง ลูกน้องในสังกัดของเขาถูกพวกแกฆ่าตายไปหลายคน เมื่อกี้เขาบอกว่า อย่าได้ดูถูกองค์การเอฟบีของเรา เรามีกำลังคน กำลังสมอง และอิทธิพลมากมาย เราคือมือที่มองไม่เห็นที่พร้อมจะยึดกุมทุกประเทศให้อยู่ใต้คำสั่งของเรา และวันนี้ถ้าแกไม่ยอมจำนน ก็ต้องตาย”
พอกานต์พูดจบก็หันมาทางเจ.ที. แล้วผายมือไปยังชม ตำนาน
เจ.ที.
เจ.ที. หักนิ้วดังกร็อบแกรบ สะบัดคอไปมาเพื่อเตรียมพร้อมต่อสู้ และพาร่างกายสูงเกือบ 2 เมตรเดินย่างสามขุมเข้าหาชม ตำนานทันที
....
โปรดติดตามตอนต่อไป
โปรดติดตามตอนต่อไป
คุยกันหลังกอง "บางบอกดิก 2"
ในตอนนี้มีนักเขียนรับเชิญมาปรากฎตัวในฐานะเจ้าของร้านเหล้า ในช่วงต้นเรื่อง
ก็คือ เจ หนุ่มสกลคนอิสระ ความรักอิสระผมเลยว่า น้องชายคนนี้น่าจะเป็นเจ้าของร้านเหล้า ผมเลยเลือกคนที่มีชื่อ "เจ" เหมือนกันมาเป็นร่างอวตาร คุณคงรู้แล้วว่าผมเลือกใครเป็นร่างอวตารของ "เจ หนุ่มสกลคนอิสระ"
จะมีฉากดรามาแตกหักระหว่างเพื่อนของ แมน เมืองชล กับ เต้ เบียร์วุ้น ที่ผมมองตั้งแต่ภาคแรกแล้วว่า มันจะต้องพาคนทั้งสองมาถึงจุดนี้ ถ้าใครได้กลับไปอ่านในภาคแรก เขาสองคนจะเป็นเพื่อนรักกัน แต่เรามักจะพบเห็นเสมอ เมื่อเพื่อนอยู่ในตำแหน่งหรืออาชีพเดียวกัน มันก็จะกลายเป็นคู่แข่งกันไป ความร้าวฉานในความเป็นเพื่อนมันจะเริ่มก่อตัวจากตรงนี้
เราเห็นใจดีหล่อมาหลายตอนแล้ว เก่งก็หลายตอน ผมเชื่อว่าคนเราจะมีจุดที่เปราะบางเมื่อมีบางอย่างมาอิมแพ็ค สำหรับใจดีก็คือความรัก
เขาเชื่อว่าวิธีรักแบบนี้มันจะถูก แต่มันไม่ใช่ จริง ๆ ใจดีตัวจริงเขาเป็นน้องชายที่คิดดี มีมุมดี ๆ ในชีวิต วิธีมองปัญหาต่าง ๆ ได้ดี แต่ถ้าใครอ่านนิยายประจำจะรู้ว่า ผมชอบที่จะพลิกแคแร็กเตอร์ตัวจริงให้ตรงข้ามกับตัวละครในนิยายเสมอ เพราะมันสนุกดีที่เห็นเขาทำอะไรในมุมตรงกันข้าม
ผมแอบใส่มุมที่เป็นปมในใจของตัวละครเสมอ อย่าง เสก ก้าวเล็ก ที่ชื่อของเขาทำให้ถูกล้อเรื่อง "เล็ก ๆ" แต่มันไม่เล็กสำหรับเสกเสมอ
หรือกรณี บี บางรัก ที่บริหารเสน่ห์จนส่งผลกระทบ ไปทำร้ายจิตใจของคนอื่น บางทีเราคิดแค่จะบริหารเสน่ห์ แต่เราไม่รู้ว่ามันทำร้ายใจของคนอื่นเขา
ผมมักบอกเสมอว่า "อย่าไว้ใจมูฟวี่" (เฉพาะในนิยายนะครับ)
ถ้าคุณอ่านจนจบ คุณคงเห็นแล้วว่ามีตัวละครที่ไม่ได้ไปต่อ ก็คือ ผี ตะลุมพุก
ผมอยากให้มีตัวละครที่คนผูกพันแล้วก็พรากเขาไป เหมือนใน Fast ที่ฮันถูกพรากไปเขาจะอยู่ในความทรงจำของคนดู ผี ตะลุมพุกก็น่าจะเช่นเดียวกัน
เราเห็นแต่มุมน่ารักมุ้งมิ้งของอ๊อด พากิน แต่เมื่อถึงเวลาเราได้เห็นอ๊อด พากินในมุมรักชาติ ยอมเสียสละ
ภายใต้การตัดสินใจในสถานการณ์คับขัน เราไม่มีทางรู้ว่ามันเป็นการตัดสินใจถูกหรือผิด และมันส่งผลลัพธ์อย่างไร แต่เราต้องยอมรับและอยู่กับการตัดสินใจนั้นให้ได้ นั่นคือสิ่งที่ชม ตำนานต้องเจอในตอนนี้ สักวันพวกเราเองก็ต้องเจอสถานการณ์แบบนี้เช่นเดียวกัน
ในตอนนี้เราจะเห็นความลึกซึ้ง ร้ายกาจจนเรียกว่าอำมหิตของกานต์ บัญชี ที่เป็นภาพสะท้อนของคนที่วางแผนเก่ง ลึกซึ้ง และชักใยอยู่เบื้องหลัง เหมือนเป็นจอมบงการ เพื่อผลประโยชน์ของตนเอง คนแบบนี้ก็พร้อมจะทำทุกอย่างที่มันเลวร้ายได้เสมอ โดยที่ตนเองไม่เคยต้องออกหน้า แต่รอเก็บเกี่ยวประโยชน์จากผลลัพธ์ที่เกิดขึ้น
ผมสร้างตัวละครนี้ให้เห็นภาพของคนที่ชังชาติ คบคิดต่างชาติทำร้ายชาติของตนเอง เพื่อผลประโยชน์ของตนเอง เราเห็นคนแบบนี้ในสังคมเสมอ
อย่างที่ผมเคยบอกไว้ เมื่อเรียกร้องให้ผมกลับมาเขียน "บางบอกดิก" ต่อ ผมก็บอกตั้งแต่ต้นแล้วว่ามันจะดาร์กขึ้น หม่นขึ้น ซีเรียสขึ้น คนที่เคยอ่านภาคแรกจะเห็นเลยว่าตัวละครทุกตัวมันเปลี่ยนไปจากเดิม ดีกลายเป็นร้าย ร้ายอาจกลับมาเป็นดี หรือไอ้ที่เลวอาจจะเลวยิ่งขึ้นกว่าเดิม มันมีประเด็นที่ผมอยากใส่เข้าในนิยายเพื่อสะท้อนภาพบางอย่างในสังคมผ่านทั้งตัวละคร เส้นเรื่องในนิยายภาคนี้
ผมเขียนนิยายเรื่องนี้ใน Word ก่อน แล้วค่อยก็อปมาลงในบีดี มาถึงตอนนี้มันปาเข้าไป 107 หน้า กระดาษ A4 แล้ว ผมยังรู้สึกว่าเรื่องมันเพิ่งเดินไป 30-40% เองมั้ง
สำหรับคนอ่าน ใครที่รู้สึกไม่ชอบนิยายเรื่องนี้ ไม่ชอบวิธีคิดที่อยู่ในนิยาย จะเลิกอ่าน หรือเลิกติดตามก็ตามสะดวกนะครับ ผมไม่มีปัญหาอะไร และเคารพการตัดสินใจของทุกคนครับ ความเห็นต่างเกิดขึ้นได้ เราสามารถอยู่ร่วมกันอย่างสันติในความเห็นต่างได้ถ้าเราให้เกียรติกันและกัน มีเหตุมีผล มันเป็นหลักการของประชาธิปไตยที่มีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข
ด้วยความเคารพ และขอบคุณทุกท่านครับ
มูฟวี่
ขอบคุณที่มาภาพประกอบ: Google

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา