31 ต.ค. 2020 เวลา 12:00 • นิยาย เรื่องสั้น
[ เรื่องเล่าชมรมศิลป์ SPECIAL ]
Ep.3 : House of Stairs Part III – จารึกมรกต
2
ความเดิมตอนที่แล้ว : ในที่สุดทางเดินชั้นใต้ดินพาเรามาสู่ปลายทางที่คาดไม่ถึง ยังไม่ทันได้ตั้งตัว ผมกับซายน์ก็ต้องมาเจอกับชายประหลาดเข้าอีกคนเสียแล้ว พลังแปลก ๆ ที่อยู่รอบตัวเรานี้…หรือว่าจะเป็นเวทมนตร์?
3
“จากสิ่งของเหล่านี้...ท่านคือผู้ใช้เวทย์ใช่หรือไม่ โปรดช่วยชี้ทางให้พวกเราทีว่าจะออกจากที่แห่งนี้ได้อย่างไร”
ผมเอ่ยถามชายลึกลับที่อยู่เบื้องหน้าด้วยน้ำเสียงหนักแน่น ไม่ผิดแน่...สัญลักษณ์ที่อยู่รอบตัวเขา ไม่ว่าจะเป็นสายรัดเอวที่ดูเหมือนงูที่กำลังกลืนกินหางตัวเอง วัตถุทั้งสี่บนแท่นหิน ไหนจะเสียงสะท้อนแผ่ว ๆ ที่เราได้ยินมาตลอดทางเดินอันมืดมิด ทั้งหมดนี้บ่งบอกถึงความเป็นไปได้เพียงหนึ่งเดียว
…ตัวตนของชายผู้นี้
“เวทย์! อย่าบอกนะว่าหมายถึงเวทมนตร์! ตกลงนี่คือโลกของแฮร์รี่จริง ๆ เหรอแล้วคน ๆ นี้เป็นพ่อมดงั้นสิอาร์ตรู้ได้ยังไงอะ โอ้ยไม้กายสิทธิ์อยู่ไหน แล้วเราจะโดนคำสาปมั้ย”
เช่นเดียวกับทุกครั้งที่ตกใจ ซายน์พูดรัว ๆ จนฟังแทบไม่ทัน ผมอาศัยจังหวะที่เธอหยุดเพื่อสูดลมหายใจรีบชิงพูดก่อน
1
“ใจเย็น ๆ ก่อนนะซายน์ อาร์ตจะอธิบายให้ฟัง ดูที่แท่นหินนั้นสิ มีอะไรอยู่บนนั้น”
หญิงสาวตั้งใจเพ่งมองสิ่งของทีละชิ้นราวกับจะเอ็กซ์เรย์ผ่านดวงตา
“บนโต๊ะเหรอ... ก็มี ถ้วยน้ำ เหรียญ ดาบ แล้วก็ไม้อะไรสักอย่างน่ะอาร์ต”
ผมแอบยิ้มในใจก่อนพูดต่อ
“เกือบใช่แล้วละซายน์ ไม้นั่นคือคทา และทั้งสี่อย่างนี้คือสัญลักษณ์ที่เราจะพบในไพ่ทาโรต์ จากไพ่ทั้งหมดในสำรับ มีอยู่ใบหนึ่งที่แสดงสัญลักษณ์ทั้งสี่นี้อยู่ด้วยกัน พร้อมกับผู้ชายที่มีเครื่องหมายอินฟินิตี้ ไพ่ใบนั้นก็คือ นักเวทย์…The Magician”
1
คนช่างสงสัยพยักหน้าหงึกหงักเป็นสัญญาณให้ผมเล่าต่อ
“และที่ทำให้อาร์ตแน่ใจเข้าไปอีก คือตำแหน่งมือของนักเวทย์ที่อยู่ในไพ่ยังไงล่ะ มือข้างนึงชี้ขึ้นด้านบนส่วนอีกข้างนึงชี้ลงล่าง สื่อความหมายถึงความเชื่อมโยงกันของเบื้องบนและเบื้องล่าง…As above, so below”
“As above, so below! ใช่มั้ยอาร์ต มือชี้ขึ้นข้างบนกับลงข้างล่าง ใช่แน่ๆ โอ้ย ขนลุก”
ก่อนที่ผมจะได้พูดอะไรต่อ ชายที่ยืนนิ่งราวกับรูปปั้นก็เริ่มขยับตัว เสียงกังวานถูกเปล่งขึ้นจากใบหน้าเคร่งขรึม
“เราคือผู้รับใช้ของท่าน เฮอร์มีส ทริสเมจิสตัส ผู้ยิ่งใหญ่ ผู้เป็นอวตารแห่งเทพธอธและเมอร์คิวรี”
“และผู้บันทึกเรื่องราวในจารึกมรกต” ผมกล่าวต่อพร้อมค้อมศีรษะลงเล็กน้อยเพื่อแสดงความเคารพ
ชายเสื้อของผมถูกกระตุกเบาๆ พร้อมเสียงกระซิบจากด้านหลัง
“อะไรแปลก ๆ อีกแล้วอะ เฮอร์มีสอะไร จารึกอะไรน่ะอาร์ต เหมือนคาถาในแฮรี่ แต่ทำไมซายน์ไม่เคยได้ยินมาก่อน”
คำพูดแปลก ๆ ของซายน์ทำให้ผมเกือบหลุดขำออกมา แต่คงจะดูไม่สุภาพหากหัวเราะออกมาดัง ๆ ต่อหน้าชายที่ยังดูเจตนาไม่ออกผู้นี้
“คืออย่างงี้นะซายน์...ก่อนหน้านี้ตอนที่เราเดินกันในความมืด อาร์ตเล่าเรื่องเวทมนตร์รวมถึงความเชื่อเรื่องเทพทั้งหลาย ว่ามีต้นกำเนิดมาจากอียิปต์ใช่ไหม หนึ่งในเทพที่ยิ่งใหญ่ของอียิปต์ที่ท่านผู้นี้เอ่ยถึงคือ ‘ธอธ’ ซึ่งเป็นตัวแทนของสติปัญญา การสื่อสาร วิทยาศาสตร์ ศิลปะ เวทมนตร์ ความยุติธรรม ความตายและเป็นเทพแห่งดวงจันทร์”
1
อารยธรรมโบราณเป็นส่วนหนึ่งของการศึกษาประวัติศาสตร์ศิลปะที่ผมเคยเรียนรู้มาบ้าง ใครจะคิดว่ามันจะมีประโยชน์ในสถานการณ์แบบนี้
“ชัยชนะของพระเจ้าอเล็กซานเดอร์มหาราชแห่งกรีซ ที่มีต่ออียิปต์ในปี 332 ก่อนคริสตศักราช ทำให้เกิดการก่อตั้งราชอาณาจักรทอเลมี ซึ่งเป็นรัฐกรีกขึ้นในอียิปต์ และที่นั่น…วัฒนธรรมกรีกและอียิปต์ก็ได้มีการผสมผสานกัน รวมถึงความเชื่อเรื่องเทพเจ้า”
“อือหึ”
“ดังนั้นเทพธอธของอียิปต์ ก็เทียบเท่ากับเทพเฮอร์มีสของกรีก หรือเทพเมอร์คิวรีตามความเชื่อของโรมัน”
“อาร์ตหมายความว่าเทพทั้งหมดนี้เป็นองค์เดียวกัน แต่มีชื่อแยกกันในแต่ละวัฒนธรรมใช่ไหม เฮ้อออ ฟังดูยุ่งยากจัง”
สีหน้ายุ่ง ๆ รอบที่เท่าไรแล้วไม่รู้ของซายน์ทำให้ผมต้องหัวเราะออกมาเบา ๆ
1
“ก็นี่ไง คนโบราณเขากลัวซายน์จะงง เลยรวมมาให้แล้ว ตามความเชื่อที่ผสมผสานกัน เทพธอธและเมอร์คิวรีได้รับการสักการะเป็นหนึ่งเดียวซึ่งกลายมาเป็น ‘เฮอร์มีส ทริสเมจิสตัส’ นักปราชญ์ในตำนานที่ว่ากันว่าเป็นอวตารของเทพทั้งสอง และนำความหยั่งรู้มาเผยแก่มวลมนุษย์ผ่านศิลาจารึก
จารึกที่ว่านี้ มีหลงเหลือเป็นหลักฐานเพียงชิ้นเดียว…คือ Emerald Tablet หรือจารึกมรกต ครั้งแรกที่มีการบันทึกไว้คือช่วงระหว่างคริสตศตวรรษที่ 6 - 8 ในภาษาอารบิก จากนั้นก็มีการคัดลอกและแปลต่อกันมาจนถึงปัจจุบัน”
นิสัยภัณฑารักษ์ที่ติดตัวมาของผม ทำให้อดไม่ได้ที่จะต้องอธิบายยาวเหยียด รู้อีกทีคนข้าง ๆ ก็อ้าปากค้างเสียแล้ว
“แล้วในจารึกมันมีอะไรอยู่น่ะอาร์ต ความลับของจักรวาลรึเปล่า”
ผมยิ้มให้กับคำถามของเธอ
“อาจจะใช่ก็ได้นะซายน์ ภูมิปัญญาแห่งจักรวาลถูกส่งผ่านจากเทพทั้งสองอันเป็นหนึ่งเดียว มายัง เฮอร์มีส ทริสเมจิสตัส ผู้บันทึกข้อความจารึกอันเป็นรากฐานของปรัชญาเฮอร์เมติก ซายน์เองก็ได้ยินมาตลอดทางแล้วนะ ที่ฟังดูเหมือนบทสวดนั่นไง..”
1
[ Tis true without lying,
certain and most true.
That which is below
is like that which is above
and that which is above
is like that which is below
to do the miracle of one only thing... ]
เสียงแผ่ว ๆ ของอาขยานยังคงล่องลอยและสะท้อนอยู่ในความทรงจำของเรา ทันใดนั้นเสียงทุ้มที่ฟังดูเยือกเย็นก็ดังขึ้นจากชายที่อยู่เบื้องหน้า
“ถูกต้องแล้ว ท่านดูจะคุ้นเคยกับเรื่องราวของสำนักเรา ดังนั้นข้าคิดว่าท่านคงรู้ดีอยู่แล้วถึงสภาวะที่ดำรงอยู่ของสถานที่แห่งนี้ ผู้ที่เหยียบย่างเข้ามาอาจจะต้องใช้เวลาสำรวจชีวิตและจิตวิญญาณของตน เวียนวนอยู่เพียงชั่วกัปชั่วกัลป์ เพื่อสัมผัสถึงความสมบูรณ์แบบที่แท้จริง"
มือเรียวยาวซีดเซียวของเขายกขึ้นในจังหวะเดียวกับที่ใบหน้าไร้อารมณ์นั้นเงยขึ้นสู่ทิศเบื้องบน
“Magnum Opus”
เสียงของเขาที่เอ่ยขึ้นมาในภาษาละตินอันมีความหมายถึงงานอันยิ่งใหญ่นั้น เปี่ยมด้วยความน่าเกรงขามแต่ชวนพรั่นพรึงอยู่ในที
“แมกนั่ม…”
เสียงกลืนน้ำลายดังเอื้อกข้าง ๆ ตัวผม ทำเอาสิ่งที่คิดอยู่สะดุดกึกทันที หวังว่าเธอคงไม่ได้คิดถึงเรื่องของกินอยู่นะ แต่จะว่าไปเราก็เดินทางกันมานานแล้ว แปลกเหมือนกันที่กลับไม่รู้สึกหิวหรือง่วงนอนเลย ก็ดีเหมือนกัน เพราะสิ่งสุดท้ายที่ผมอยากจะนึกถึงคือการจบชีวิตก่อนจะไปถึงทางออก
“ซายน์” ผมเอ่ยขึ้นมาเบา ๆ “ถ้าทุกอย่างเป็นเหมือนที่อาร์ตคิด...”
“หืม...ยังไงนะอาร์ต”
“สถานที่ต่อไปน่ะสิ ถ้าตึกนี้คือภาพ Ascending and Descending ของเอชเชอร์ ข้างบนนั้นจะต้องเป็นบันไดวนที่ทำให้เราต้องเดินขึ้นเดินลง เวียนวนอยู่แบบนั้นอย่างไม่รู้จบ โดยที่ไม่ได้ไปไหนเลย พูดอีกอย่างก็คือมันเป็นบันไดเพนโรส...แบบในหนังเรื่อง Inception ไง”
“แล้วบันไดแบบนั้นจะมีอยู่จริงได้ด้วยเหรอ ไม่ใช่มุมกล้องนะอาร์ต ตามหลักการทั่วไป ถ้าบันไดพาเราขึ้นข้างบนไปเรื่อย ๆ แบบไม่มีจุดสิ้นสุดจริง ก็ต้องถูกสร้างให้ยื่นไปบนท้องฟ้ายาวเหยียดแล้วล่ะ ไหน นี่ไม่เห็นมีเลย”
ภาพบันไดในจินตนาการของเธอที่พุ่งตรงสู่ท้องฟ้าทำเอาผมอดยิ้มออกมาไม่ได้
“นั่นไง เมื่อกี้อาร์ตเพิ่งบอกไปใช่มั้ย ว่าอย่าเชื่อสิ่งที่ตาเห็นง่ายๆ เรามองไม่เห็น อาจไม่ได้หมายความว่าไม่มีนะซายน์”
 
“แล้วเราจะหาทางออกจากบันไดวนนั่นได้มั้ย ถ้าต้องติดอยู่ในนั้นล่ะ”
“ได้สิ ซายน์มีอาร์ตอยู่ทั้งคนนะ”
1
ได้ผล...คำพูดแกมหยอกของผม เรียกสีหน้าสุดเอือมชวนขำของผู้ฟังออกมา อันที่จริงลำพังผมตัวคนเดียวก็ไม่รู้ว่าจะไปได้ตลอดรอดฝั่งไหม แต่มีซายน์อยู่ด้วยกันแบบนี้ ยังไงก็ไม่ยอมแพ้ง่าย ๆ ล่ะ
1
“ท่านผู้ใช้เวทย์ผู้ทรงปัญญา โปรดชี้แนะพวกเราทีเถิดครับ หากเราต้องการไปต่อยังสถานที่ถัดไป ต้องทำอย่างไรครับ”
ผมเอ่ยปากถาม 'นักเวทย์' ลางสังหรณ์บอกว่าชายผู้นี้น่าจะมีคำตอบที่เราต้องการและอาจจะมากกว่านั้นซายน์ที่ง่วนอยู่กับสมุดบันทึกของคุณปู่ก็หยุดนิ่งตั้งใจฟังเช่นกัน
นักเวทย์มองตรงมาที่พวกเรา ดวงตาที่มีประกายไฟแลบลามของเขาชวนให้นึกถึงนัยน์ตาอีกคู่หนึ่งที่เคยเห็น...นกซีเมิร์กนั่นเอง แต่สีของเปลวไฟตรงหน้าเรานี้ส่องประกายน้ำเงินจาง ๆ
"การเคลื่อนที่ของจักรวาลบอกเราว่า ท่านสองคนจะมาเยือนสำนักแห่งนี้ รวมถึงหนทางข้างหน้า ในฐานะผู้ส่งสาร...สิ่งที่เราสามารถบอกได้คือ ท่านจะต้องพบกับพันธกิจแห่งดวงอาทิตย์ ดวงดาว และพระเจ้า อันรวมกันเป็นหนึ่ง หากท่านทำสำเร็จ เมื่อนั้นภูมิปัญญาแห่งเฮอร์มิส ทริสเมจิสตัส จะเผยให้พบกับทางออก"
"พันธกิจที่ว่านี้ ท่านหมายถึงศาสตร์ทั้งสามของปรัชญาเฮอร์เมติกใช่หรือไม่"
"ท่านเข้าใจถูกแล้ว"
เป็นอีกครั้งที่ชายเสื้อของผมถูกกระตุกจากด้านหลัง
"ศาสตร์อะไรน่ะอาร์ต หวังว่าจะเป็นวิทยาศาสตร์ ไม่ใช่ไสยศาสตร์หรืออะไรแปลก ๆ นะ"
ผมหัวเราะเบา ๆ ก่อนจะบอกกับเจ้าของมือที่ยังคงกำชายเสื้อแน่น
"จะว่าไปก็มีศาสตร์นึงที่ใกล้เคียงกับวิทยาศาสตร์อยู่นะ ซายน์คงคุ้นเคยดีกับวิชาเคมี แต่ก่อนที่เราจะเรียกมันว่า Chemistry คนสมัยโบราณรู้จักกับศาสตร์นี้ในอีกชื่อหนึ่งที่เรียกว่า 'Alchemy' หรือการเล่นแร่แปรธาตุนั่นเอง"
"แบบนี้นี่เอง แต่ก็จริงนะ...ปฏิกิริยาทางเคมีก็ดูคล้ายกับการเล่นแร่แปรธาตุจริงๆ" ดวงตาของซายน์มีประกายวาบวับเมื่อเอ่ยถึงวิทยาศาสตร์ที่เธอชอบ
"งั้นแสดงว่ายังมีศาสตร์อื่นที่ไม่ใกล้เคียงวิทยาศาสตร์อีกใช่มั้ย"
"ศาสตร์ต่อมาคือการทำนายโดยการสังเกตดวงดาวบนฟากฟ้าอย่างที่ท่านผู้นี้เอ่ยถึงไง 'Astrology' หรือโหราศาสตร์ และศาสตร์ที่สามก็คือ 'Theurgy' หรือพิธีกรรมศักดิ์สิทธิ์ที่มุ่งจิตติดต่อกับเบื้องบน เพื่อนำมาซึ่งจิตวิญญาณแห่งเทพ"
1
ผมครุ่นคิดถึงสิ่งที่นักเวทย์ผู้นี้พูด...พันธกิจทั้งสามที่ว่านี้ จะมาในรูปแบบไหนกันนะ ราวกับอ่านใจได้ เสียงทุ้มลึกนั้นถูกเปล่งขึ้นมาอีกครั้ง
"เราไม่สามารถบอกท่านได้ แต่สิ่งของเบื้องหน้านี้อาจจะเป็นประโยชน์กับการเดินทางของท่าน...หากเลือกถูกต้อง หนทางข้างหน้าก็อาจจะเปิดออก"
1
[ To be continued ]
สวัสดีครับทุกคน 💙
มาถึงตอนที่ 3.3 ของซีรีส์ชมรมศิลป์นอกเวลา ตอนพิเศษ ที่เขียนร่วมกันกับเรื่องเล่าชมรมวิทย์นอกเวลากันแล้วนะครับ เรื่องราวชักจะลึกลับขึ้นเรื่อย ๆ ฝากเอาใจช่วยอาร์ตกับซายน์กันด้วยนะครับ
สำหรับตอนนี้ขอเชิญให้อ่านเรื่องราวอีกมุมหนึ่งของตัวละคร ‘ซายน์’ ได้ที่เพจ EveryGreen หรือคลิกที่ลิงค์ข้างล่างนี้ได้เลยครับ ;) 👇
PS. Happy Halloween! 🎃🕯🦇
Resources:
โฆษณา