25 ก.พ. 2021 เวลา 09:21 • หุ้น & เศรษฐกิจ
💢รู้จักแต่ละประเภทของหุ้น และจังหวะ ซื้อ-ขาย ที่ถูกต้อง💢
👉ก่อนที่เราจะเลือกซื้อหุ้นซักตัว เราต้องรู้จักประเภทของหุ้นก่อนว่าหุ้นที่เราจะซื้อเป็นประเภทอะไร เช่น หุ้นโตเร็ว หุ้นวัฏจักร เพราะแต่ละประเภทจะมีจังหวะในการเข้า ซื้อ-ขาย ที่ถูกต้องต่างกัน เพื่อให้เราได้ผลตอบแทนที่มากที่สุด
1
อาจแบ่งเป็น 5 ประเภทได้แก่ 1. หุ้นโตช้า 2. หุ้นแข็งแกร่ง 3. หุ้นวัฏจักร 4. หุ้นโตเร็ว 5. หุ้นฟื้นตัว เอาหล่ะครับมาดูหุ้นแต่ละประเภทกันเลย
Cr.: pixabay
1. หุ้นโตช้า🙂
มักจะจ่ายปันผลสูงกว่าหุ้นประเภทอื่น ๆ ถ้าเป็นหุ้นโตช้าแต่ไม่จ่ายปันผลหรือจ่ายน้อยมาก ๆ ไม่ควรลงทุน เพราะอย่างเดียวที่เราหวังกับมันได้คือเงินปันผล เป็นข้อเสียที่ราคาหุ้นจะไม่โตมากนัก และเป็นข้อดีที่ราคาจะไม่ล่วงหนัก เพราะถ้าราคาหุ้นตก เช่น เกิดภาวะเศรษฐกิจ (คนตกใจขาย) แต่เมื่อดูผลประกอบการบริษัทไม่เกิดผลกระทบมาก และบริษัทยังจ่ายปันผลสม่ำเสมอ หุ้นก็จะถูกซื้ออีกครั้งเพราะเงินปันผลจะสูงขึ้นเมื่อราคาหุ้นลดลง
Buy – จะซื้อเมื่อไร่ก็ได้ เพราะถ้าเราเช็คแล้วว่ามันจ่ายปันผลสม่ำเสมอ หรือเพิ่มขึ้นทุกปี
2
Sell – ตอนที่บริษัทไม่มีการพัฒนาสินค้า หรือผลิตภัณฑ์ใหม่ ซึ่งดูเหมือนจะหากินกับบุญเก่า ไปซื้อกิจการที่ตนเองไม่ถนัด ซึ่งจะทำให้กำไรลดลงในอนาคต หรือแม้ว่าราคาหุ้นตก เงินปันผลก็ไม่สูงพอที่จะดึงดูดความสนใจจากนักลงทุน
2. หุ้นแข็งแกร่ง😊
เป็นหุ้นขนาดใหญ่ ที่แทบจะเป็นไปไม่ได้เลยที่จะเจ๊ง มักจะเห็นใน Top 10 ของ SET 50 เช่น PTT, CPALL, ADVANC ส่วนใหญ่แล้วจะเคยเป็นหุ้นโตเร็วเมื่อ 10 – 20 ปีก่อน ถ้าวางแผนที่จะถือตลอดชีพคุณต้องดูว่า บริษัทยังทำได้ดีหรือฟื้นตัวได้เร็วหรือไม่ เมื่อเกิดภาวะทางเศรษฐกิจ
Buy – จะซื้อเมื่อไร่ก็ได้ เมื่อคุณสามารถให้เหตุผลว่ามันยังโตได้อีก แต่ถ้าราคาหุ้นตกลงมา จนมีส่วนเผื่อความปลอดภัย (MOS) จุดนั้นจะเป็นจังหวะซื้อที่ดีที่สุด
Cr. : knowledge.bualuang
Sell – เมื่อเทียบกับบริษัทที่มีคุณภาพใกล้เคียงกัน ในอุตสาหกรรมเดียวกัน พบว่ามี P/E มากกว่าหลาย 10 เท่า หรือธุรกิจกำลังจะถูกทดแทนด้วยธุรกิจอื่นในอนาคต
3. หุ้นวัฏจักร😆
มักจะเจอหุ้นเหล่านี้ในอุตสาหกรรมรถยนต์ เมื่อเห็นว่าธุรกิจนี้กำลังซบเซา (เราจะเห็นกันใน 1 – 2 ปีที่แล้ว) เมื่อรถที่ซื้อมา 5 ปียังใช้ได้อยู่ แต่ในไม่ช้า รถคันเก่าจะใช้ไม่ได้ ต้องถูกทดแทน ยิ่งตอนนี้กระแสรถ EV กำลังมา ไม่แน่การฟื้นตัวอุตสาหกรรมรถยนต์ในครั้งนี้ อาจฟื้นตัวแรง และไปได้ไกลกว่าครั้งไหน ๆ
Buy – เริ่มสังเกตเมื่อคนกำลังพูดถึงว่า บริษัทขายรถยนต์ไม่ได้เลย รถยนต์ที่ผลิตออกมาจอดเต็มลาน ต่อมาคอยเช็คงบการเงินเมื่อเทียบกับไตรมาสก่อนหน้า กำลังดีขึ้นเรื่อย ๆ สินค้าคงหลังกำลังลดลงหรือไม่
Sell – เราไม่รู้หรอกว่าปลายวงจรจะมาถึงเมื่อไหร่ แต่เราจะขายก่อนเมื่อธุรกิจกำลังแย่งลง งบการเงินเมื่อเทียบกับไตรมาสก่อนหน้า กำลังแย่ลง มีสินค้าคงคลังกำลังเพิ่มขึ้น และบริษัทกำจัดมันไม่ได้
1
Cr.: pixabay
4. หุ้นโตเร็ว😄
เป็นหุ้นที่มีอัตราการเติบโตสูงในช่วงหลายปีที่ผ่านมา (ประมาณ 15 – 25 %) แต่ควรระวังในบริษัทที่ดูเหมือนจะโตเร็ว อย่าง พวกโต 50 % ซึ่งมักจะอยู่ในอุตสาหกรรมที่ร้อนแรงที่สุด มันอาจจะทำกำไรให้คุณมากที่สุด และมันอาจจะทำให้คุณเจ็บหนักที่สุดได้เหมือนกัน
Buy – ดูว่าบริษัทได้ก็อปปี้ความสำเร็จหรือขยายกิจการไปยังที่อื่น ๆ หรือไม่ และยังสามารถขยายได้อีกมาก สังเกตว่าสถาบันถือหุ้นน้อยมาก และมีนักวิเคราะห์ไม่กี่คนเคยได้ยิน
Sell – กิจการไม่สามารถขยายต่อไปได้อีก ร้านที่เปิดใหม่กำไรน่าผิดหวัง และร้านเดิมกำไรลดลง ทำให้อัตราการเติบโตลดลงทุกไตรมาส จนติดลบ P/E ที่สูงเสียดฟ้า และไม่มีเหตุผลที่จะต้องถือมันต่อ อย่างหุ้น DELTA ที่ควรจะอยู่ให้ห่างที่สุด เมื่อ P/E ขึ้นไปเกิน 100 เท่า หรือนักวิเคราะห์มากมายออกมาประโคมเขียนวิเคราะห์หุ้นแนะนำให้ซื้อ
1
Cr.: freepik
5. หุ้นฟื้นตัว🤗
เป็นหุ้นมีความเสี่ยงสูง ถ้าเราวิเคราะห์ผิดพลาด แล้วมันไม่ฟื้นตัวขึ้นมา แต่กลับล้มละลาย จะทำให้เราขาดทุน แต่กลับกันถ้าเราวิเคราะห์มาถูกทางเราก็จะได้กำไรมหาศาลโดยที่ไม่ต้องถือนาน ถึงอย่างไรผมเองก็ยังไม่กล้าที่จะลงทุนในหุ้นกลุ่มนี้เพราะเสี่ยงสูง และถึงยังไงก็มีหุ้นประเภทอื่นที่น่าลังทุนกว่า
Buy – สิ่งสำคัญที่สุดคือ บริษัทสามารถเอาตัวรอดได้จากการยึดทรัพย์ของเจ้าหน้าหนี้ และไม่ล้มละลาย บริษัทมีทางที่จะฟื้นตัวได้ แต่ไม่ใช่วิธีขายหุ้นใหม่เป็นล้าน ๆ หุ้น เพื่อระดมทุน มันอาจส่งผลให้บริษัทฟื้นตัว แต่ราคาหุ้นจะไม่ไปไหนเพราะถูกไดลูทอย่างมหาศาล บริษัทได้กำจัดแผนกหรือร้านที่ทำให้บริษัทกำไรลดลง
Sell – เมื่อมันฟื้นตัวปัญหาทุกอย่างหมดไป บริษัทกลับมาเป็นบริษัทเดิมก่อนหน้าที่มันจะล้มเหลว ผลประกอบการของบริษัทอาจจะดีขึ้นไปอีกหลังจากนั้น แต่ก็คงจะดีขึ้นไปมากกว่านี้ไม่ได้แล้ว เป็นเวลาที่ดีที่จะจะตัดสินใจขายเพื่อมาซื้อหุ้นประเภทอื่น
👉คนที่มองหาหุ้นปลอดภัยหรือไม่หวือหวามาก อาจจะมองหากำไรจากตลาดหุ้นซัก 8-12 % ต่อไป และอาจมีเงินปันผลบ้าง หุ้น 2 ประเภทแรกจะเหมาะกับคุณ แต่สำหรับคนที่กำลังหาหุ้นที่กำไรให้คุณมาก มันคือ หุ้นใน 3 ประเภทท้าย ยิ่ง หุ้นประเภทหุ้นโตเร็ว อาจจะทำกำไรได้ถึง 10 เด้ง (1,000 %) แต่ถึงอย่างไรเราก็ควรที่จะกระจายความเสี่ยงโดนการถือหุ้นซัก 3-4 ประเภท ไว้ในพอร์ทครับ
จบแล้วครับช่วยกด 👍 ❤️ ติดตาม เพื่อเป็นกำลังใจในการเขียนบทความต่อไปด้วยนะครับ🥰
อ้างอิง
- หนังสือ One Up On Wall Street เขียนโดย Peter Lynch และ John Rothchild
โฆษณา