23 พ.ย. 2018 เวลา 13:36 • ความคิดเห็น
🛫 เที่ยวบินปริศนา MH 370 ภาคโคนัน ดอยล์ (ตอนที่1)
จากโพสต์ที่แล้วมีแฟนเพจท่านหนึ่งถามไว้ว่า โฮล์มส์ เป็นอะไรตาย.......?
โฮล์มส์เสียชีวิตในเรื่องสั้น ตอน Final Problem ที่ตีพิมพ์ในนิตยสารสแตรนด์ ฉบับเดือนธันวาคม 1893 ในเรื่องโฮล์มส์พ่ายแพ้ในการต่อสู้กับศาสตราจารย์เจมส์ มอริอาร์ตีและพลัดตกเหวไป
โดยมีภาพประกอบเป็นภาพการต่อสู้กันบนขอบหน้าผา พร้อมคำบรรยายใต้ภาพว่า “การตายของเชอร์ล็อค โฮล์มส์”
ศาสตราจารย์เจมส์ มอริอาร์ตี เป็นผู้ชักใยอยู่เบื้องหลังในหลายคดีที่โฮล์มส์ตามสืบ แต่ไม่เคยมีใครจับได้ ว่ากันว่าเขามีอำนาจมากถึงขนาดทำให้ทั่วยุโรปสั่นคลอนได้เลยทีเดียว
เอาละเกริ่นนำกันมายาวแล้วเข้าเรื่องเลยดีกว่า เรื่องที่พอดีกำลังจะเล่ามีชื่อเรื่องว่า The Lost Special เป็นเรื่องราวของรถด่วนพิเศษที่หายไปอย่างไร้ร่องรอยขณะวิ่งออกจากสถานีลิเว่อร์พลูไปยังปลายทางสถานีลอนดอน เรื่องราวทั้งหมดถูกบันทึกไว้ดังนี้ค่ะ
เมื่อวันที่ 3 มิถุนายน 1890 เจมส์ แบลนด์ ผู้อำนวยการสถานีกลางในลิเวอร์พูลของบริษัท London and West Coast ได้รับการติดต่อจากชายวัยกลางคนผู้หนึ่งซึ่งแจ้งว่าชื่อ เมอซิเออร์ หลุย การาตัล
***ไม่ต้องงงกันนะคะ ถ้าอ่านหนังสือแล้วเจอคำว่าเมอซืเออร์ ที่จริงคำนี้เป็นภาษาฝรั่งเศษค่ะ ใช้เป็นคำนำหน้านามของผู้ชาย เหมือนกับภาษาอังกฤษที่ใช้คำว่า Mr. หรือ Mister นั่นแหละค่ะ หรือถ้าใครมาอ่านหนังสือแปลบางเล่ม มีคำว่า มร. ก็ไม่ต้องงงอีกเหมือนกันค่ะ มร. นี้มาจากตัวย่อของ Mr. หรือ Mister นั้นแหละค่ะ***
หลุย การาตัล ผู้นี้เป็นคนรูปร่างเล็ก ผิวคล้ำ และหลังโก่งอย่างเห็นได้ชัด เขามากับชายผู้หนึ่งที่มีท่าทางน่าเกรงขาม จากผิวสีคล้ำของเขาทำให้เดาได้ว่าน่าจะเป็นชาวสเปน หรือไม่ก็อเมริกาใต้ เค้าดูนอบน้อมต่อหลุย การาตัล และเฝ้าติดตามเค้าตลอดเวลา
มีข้อสังเกตอีกประการหนึ่งสำหรับชายผู้นี้คือ เค้าหิ้วกระเป๋าเอกสารหนังสีดำใบเล็กๆ ใบหนึ่ง กระเป๋าใบนี้มีสายหนังพันแน่นอยู่กับข้อมือของเขา
การาตัล แจ้งต่อ เจมส์ แบลนด์ ว่าเขาเพิ่งมาจากอเมริกากลางต้องการไปทำธุระด่วนที่สำคัญมากที่ปารีส แต่เขาพลาดรถด่วนเที่ยวล่าสุดที่จะไปลอนดอน อยากให้ผู้อำนวยการสถานีช่วยจัดหารถด่วนพิเศษให้เขา โดยแจ้งว่าเขาไม่สนใจเรื่องเงินขอเพียงให้เขาไปทำธุระสำคัญได้ทันเวลา
แบลนด์ เรียกพอตเตอร์ ฮู้ด ผู้จัดการฝ่ายเดินรถเข้ามาสั่งการแล้วแจ้งให้การาตัลทราบว่าต้องรออีก 45 นาทีรถไฟจึงจะสามารถเคลื่อนขบวนได้ และแจ้งให้การาตัลทราบว่า การ์ดของรถขบวนนี้คือ เจมส์ แม็คเฟอร์สันซึ่งทำงานกับบริษัทมานาน ส่วนวิลเลี่ยม สมิธคนคุมเตาเชื้อเพลิงเป็นพนักงานใหม่
เมื่อจ่ายเงินแล้ว การาตัลและผู้ติดตามที่มาพร้อมกับเขาก็ขึ้นไปนั่งบนรถทันทีแม้พนักงานจะแจ้งว่ายังต้องใช้เวลาอีกเกือบชั่วโมงเพื่อจัดเส้นทาง
ระหว่างนั้นก็มีเรื่องบังเอิญอย่างประหลาดเกิดขึ้นในห้องทำงานของเจมส์ แบรนด์ ผู้อำนวยการสถานี เมื่อมีสุภาพบุรุษอีกผู้หนึ่งในชุดทหารซึ่งอ้างว่าจะรีบไปเยี่ยมภรรยาที่ป่วยหนักอย่างกระทันหันในลอนดอน
ท่าทางของเขาดูหมองเศร้าและกระวนกระวายมาก เขาขอร้องให้ผู้อำนวยการสถานีช่วยจัดรถขบวนพิเศษให้เขาอีกหนึ่งขบวน แต่การจะทำเช่นนั้นเหลือวิสัยที่ผู้อำนวยการสถานีจะทำได้ เพราะแค่ขบวนเดียวก็ทำให้ตารางเดินรถธรรมดาสายท้องถิ่นต้องรวนไปพอสมควรแล้ว
มีทางเดียวคือ มิสเตอร์มัวร์ชายในชุดทหารผู้นี้ต้องเฉลี่ยค่าโดยสารกับ การาตัล แล้วโดยสารไปกับรถขบวนเดียวกัน
แต่การาตัลไม่ยอมรับข้อเสนอนี้ เขายืนยันว่ารถขบวนนี้เป็นของเขาและเขาต้องการใช้เป็นการส่วนตัว ถึงแม้จะให้เหตุผลอย่างไรก็ไม่อาจเอาชนะการปฏิเสธอย่างไร้เมตตาของเขาได้
มิสเตอร์มัวร์จึงต้องเดินออกไปจากสถานีอย่างหดหู่หลังจากรู้ว่าหนทางเดียวของเขาคือรถช้าขบวนธรรมดาซึ่งจะออกจากสถานีลิเวอร์พูลในเวลา 16:31 น.
ขบวนรถพิเศษที่ หลุย การาตัล โดยสารไปพร้อมกับผู้ติดตามได้ขับเคลื่อนออกจากสถานีลิเวอร์พูลโดยจะไม่มีการจอดที่สถานีใดเลยก่อนถึงแมนเชสเตอร์ด้วยเส้นทางที่ปลอดโปร่งระหว่างนี้รถขบวนต่างๆ ของบริษัท London and West Coast จะวิ่งบนรางของอีกบริษัทหนึ่ง รถด่วนขบวนพิเศษนี้จึงน่าจะไปถึงสถานีปลายทางก่อนหกโมงเย็น
แต่เมื่อถึงเวลาหกโมงสิบห้านาทีพนักงานที่ลิเวอร์พูลต่างตกตะลึงเมื่อได้รับโทรเลขจากแมนเชสเตอร์ว่ารถด่วนขบวนพิเศษนี้ยังไปไม่ถึง
เมื่อสอบถามไปยังสถานีเซนต์เฮเลนซึงอยู่ห่างออกไปหนึ่งในสามของระยะทางระหว่างเมืองทั้งสองก็ได้รับคำตอบมาในเวลาหกโมงสี่สิบนาทีว่า...
รถพิเศษทำเวลาได้ดีผ่านที่นี่ไปเมื่อเวลา 16:52 น. ครั้นเวลาหกโมงห้าสิบนาทีก็มีโทรเลขฉบับที่สองมาจากสถานีแมนเชสเตอร์แจ้งว่ายังไม่มีวี่แววของรถพิเศษที่แจ้งมา แล้วอีกสิบนาทีต่อมาก็มีฉบับที่สามที่น่างงยิ่งกว่าแจ้งว่า...
“เข้าใจว่ามีข้อผิดพลาดในการเดินรถขบวนพิเศษ รถท้องถิ่นจากเซนเฮเลนส์ ซึ่งออกในเวลาไล่เลี่ยกับรถพิเศษ เพิ่งมาถึงที่นี่โดยไม่เห็นขบวนรถพิเศษเลย กรุณาโทรเลขแนะนำด้วย -แมนเชสเตอร์”
เรื่องราวดูน่าพิศวงเป็นที่สุด แม้ว่าในแง่หนึ่งโทรเลขฉบับหลังจะช่ายให้เจ้าหน้าที่ในลิเวอร์พูลโล่งอกขึ้นบ้างก็ตาม เพราะหากเกิดอุบัติเหตุขึ้นกับรถขบวนนี้ก็ไม่น่าเป็นไปได้ที่รถท้องถิ่นจะผ่านเส้นทางเดียวกันได้โดยไม่เห็นอะไรเลย แต่รถด่วนขบวนนี้หายไปไหนได้อย่างไร
โทรเลขถูกส่งไปยังทุกสถานีระหว่างเซ้นต์เฮเลนส์กับแมนเชสเตอร์ ทั้งผู้อำนวยการและผู้จัดการฝ่ายเดินรถต่างรอด้วยใจระทึกอยู่หน้าเครื่องรับส่งโทรเลข
คำตอบที่ได้ย้อนกลับมาเรียงตามลำดับสถานีที่ต่อเนื่องมาจากเซ้นเฮเลนส์มีดังนี้
“รถพิเศษผ่านที่นี่ 17:00 น. สถานีคอลลินส์กรีน”
“รถพิเศษผ่านที่นี่ 17:06 น. สถานีเอิร์ลทาวน์”
“รถพิเศษผ่านที่นี่ 17:10 น. สถานีนิวตั้น”
“รถพิเศษผ่านที่นี่ 17:20 น. ชุมทางเคนย่อน”
“ไม่มีรถพิเศษผ่านที่นี่ สถานีบาร์ตั้นมอสส์”
เป็นที่สรุปได้ว่ารถด่วนขบวนพิเศษหายไประหว่างชุมทางเคนย่อนและสถานีบาร์ตั้นมอสส์ซึ่งทำให้เจ้าหน้าที่ถึงกับกุมขมับ เนื่องจากระหว่างสองสถานีนี้ไม่มีรางย่อย ทุกคนเห็นพ้องต้องกันว่ารถด่วนขบวนนี้ต้องวิ่งตกรางแน่ แต่โทรเลขฉบับล่าสุดจากสถานีแมนเชสเตอร์เพิ่งมาถึงในไม่กี่นาทีหลังจากนั้นแจ้งว่า...
“ไม่มีข่าวรถพิเศษที่สูญหาย คนขับและการ์ดของขบวนรถช้ายืนยันว่าไม่เห็นอุบัติเหตุระหว่างชุมทางเคนย่อนกับบาตั้นมอสส์ เส้นทางปลอดโปร่งมาก ไร้วี่แววของเรื่องผิดปกติ -แมนเชสเตอร์”
ครึ่งชั่วโมงผ่านไปมีข้อความส่งมาจากนายสถานีชุมทางเคนย่อนแจ้งว่า “เราถอดหัวรถจักรมาจากขบวนรถสินค้าแล้วออกไปสำรวจเส้นทางด้วยตัวเองแต่ก็ไม่พบร่องรอยความผิดปกติใดๆ”
ทุกคนที่นั่งเฝ้าติดตามเหตุการณ์นี้ต่างมองหน้ากันด้วยความงงงวย ที่รถไฟทั้งขบวนหายไปในอากาศประเทศอังกฤษกลางวันแสกๆ
และแล้วความคืบหน้าบางอย่างก็มาถึง........
....พอดีขอจบเรื่องราวของรถด่วนขบวนพิเศษไว้เพียงเท่านี้ก่อนนะคะ วันนี้ใช้พลังงานทั้งวันเลยในการสรุปเรื่องสั้นเรื่องนี้ ซึ่งมันยังไม่จบ ยังมีเรื่องราวและรายละเอียดที่น่าสนใจอีกพอสมควร
***พอมีใครเดาได้บ้างไหมคะว่ารถไฟหายไปไหน....?!?!
#พอดี...มีเรื่องเล่า

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา