17 ม.ค. 2019 เวลา 14:28 • ธุรกิจ
บทที่ 19 พบทางสว่างในห้วงวิกฤติ (found the way)
เหตุการณ์สำคัญ
ค.ศ.207 เล่าปี่อายุ 47 ปี โจโฉอายุ 53 ปี ซุนกวนอายุ 26 ปี ขงเบ้งอายุ 27 ปี
เล่าปี่พบสุมาเต็กโช
หลังจากรอดพ้นจากการตามล่าของซัวมอ เล่าปี่ขี่ม้าไปตามทางระหว่างทางพบกับเด็กเลี้ยงโคเข้ามาทักว่า “ท่านนี่คือเล่าปี่ที่ปราบโจรโพกผ้าเหลืองใช่หรือไม่” เล่าปี่ประหลาดใจว่าเด็กตัวแค่นี้รู้จักเราได้อย่างไร จึงถามว่าเหตุใดจึงรู้ว่าเป็นเรา เด็กจึงบอกว่าอาจารย์ของเด็กเคยบอกลักษณะของเล่าปี่ไว้และยังทำนายไว้ว่าเป็นผู้มีบุญที่จะสำเร็จการใหญ่
เล่าปี่จึงอยากรู้จักอาจารย์ของเด็กเลี้ยงโค เด็กเลี้ยงโคจึงบอกว่าอาจารย์ของเค้าคือท่านอธิการบดี ศาสตราจารย์ด็อกเตอร์สุมาเต็กโชแห่งมหาวิทยาลัยเกงจิ๋ว เล่าปี่จึงขอให้เด็กเลี้ยงโคพาไปหาศาสตราจารย์ เมื่อได้พบกับท่านศาสตราจารย์สุมาเต็กโช ท่านสุมาเต็กโชก็ทักว่าตัวเล่าปี่นั้นมีบุญมีภัยก็ยังสามารถรอดมาได้
เล่าปี่ก็แปลกใจว่าสุมาเต็กโชรับรู้เรื่องราวได้อย่างไร แต่ก็ตอบเลี่ยงไปว่า ตัวนั้นมาท่องเที่ยวแล้วหลงทางมา สุมาเต็กโชก็บอกว่าท่านอย่าปิดบังเลยเรารู้อยู่แล้วว่าท่านหนีภัยมา
เล่าปี่จึงเล่าเรื่องราวทั้งหมดให้สุมาเต็กโชฟัง พร้อมทั้งตัดพ้อว่าตัวเองไม่มีวาสนาทำการสิ่งใดก็ไม่สำเร็จ สุมาเต็กโชจึงว่าเล่าปี่นั้นเป็นผู้มีความสามารถและเป็นผู้มีบุญวาสนา ที่ทำการไม่สำเร็จนั้นไม่ใช่เพราะไม่มีวาสนา แต่เพราะไม่มีคนเก่งอยู่ข้างกาย
เล่าปี่ก็เถียงว่าตนนั้นมียอดขุนพลนักรบนักการตลาดที่เก่งกล้าสามารถ ทั้ง กวนอู เตียวหุย จูล่ง ที่ปรึกษาก็มี ซุนเขียน บิต๊ก กันหยง ท่านสุมาเต็กโชก็บอกว่าท่านมียอดนักรบนักการตลาดที่กล้าหาญ
แต่ท่านไม่มียอดนักปราชญ์ระดับ CEO ซุนเขียน บิต๊ก กันหยง นั้นเป็นเพียงบัณฑิตผู้รู้หนังสือ ธุรการ การบัญชี ยังไม่ใช่นักปราชญ์ระดับ CEO ที่มีวิสัยทัศน์ Vision ระดับสามารถพลิกแผ่นดิน
ท่านต้องเพียรเสาะหาถึงจะพบ แล้วจึงใช้นิ้วจุ่มน้ำชาเขียนคำใบ้ 2 คำไว้บนโต๊ะว่า ฮอง(หงส์) หลง(มังกร)แล้วกล่าวว่า มีฮกหลง(มังกรหลับ) กับฮองซู(หงส์น้อย) สองคนนี้ เป็นสุดยอดนักปราชญ์ระดับด็อกเตอร์จากมหาวิทยาลัยเกงจิ๋ว ถ้าท่านใด้ใครมาซักหนึ่งคนหนึ่งมาก็สามารถคิดอ่านปราบปรามศัตรูแผ่นดินให้สงบลงได้ เล่าปี่จึงถามว่า ฮกหลงกับฮองซูนั้นเป็นใคร ท่านสุมาเต็กโชก็ไม่บอกเพียงแค่ยิ้มให้
ในคืนนั้นเล่าปี่นอนไม่หลับเพราะค้นพบตัวเองว่าที่ผ่านมาตัวเองไม่รู้อะไรเลยทำการปราศจากแนวทางไม่มี vision และความไม่รู้ของตัวเองนั้น ทำให้ช่วงชีวิตที่ผ่านมานั้นสูญเปล่า ถึงยังไม่สามารถตั้งตัวได้ซักที พอถึงเช้าจูล่งก็ติดตามมาจนพบเล่าปี่จึงได้ลาท่านสุมาเต็กโชกลับเมืองซินเอี้ย
เมื่อถึงเมืองซินเอี้ย เล่าปี่ก็เล่าเรื่องราวต่างๆที่เกิดขึ้นให้ทีมงานฟัง ก็ได้ข้อสรุปว่าจะปล่อยเรื่องนี้ไว้ไม่ได้ต้องแจ้งให้เล่าเปียวรับทราบว่าซัวมอคิดร้ายต่อเล่าปี่ จึงให้ซุนเขียนถือหนังสือไปแจ้งแก่เล่าเปียว
เมื่อเล่าเปียวได้ทราบความในหนังสือก็โกรธ จะประหารสั่งประหารซัวมอ แต่ซุนเขียนก็ห้ามไว้เพราะซัวมอเป็นแม่ทัพใหญ่ของเกงจิ๋ว ถ้าซัวมอตายบ้านเมืองอาจจะไม่สงบลูกน้องคนสนิทของซัวมออาจจะลุกขึ้นมาก่อความวุ่นวายได้
พอคิดดังนั้นเล่าเปียวจึงคาดโทษซัวมอไว้แล้วจึงให้เล่ากี๋บุตรชายเดินทางกลับไปกับซุนเขียนเพื่อขอขมาเล่าปี่
เล่ากี๋เมื่อได้พบกับเล่าปี่ก็กินเลี้ยงพอเมาสุราก็ร้องให้ปรับทุกข์กับเล่าปี่ เล่าว่าตนนั้นอาภัพถูกแม่เลี้ยงปองร้ายจ้องจะสังหารตนอยู่ตลอด
เล่าปี่ก็ปลอบว่า “ให้ระวังตนให้ดี อย่าทำอะไรที่ขัดใจนาง ให้ยึดความดีเป็นที่ตั้งก็จะพ้นอันตรายไปได้” เล่ากี๋ฟังก็ได้แต่ร้องไห้
วันรุ่งขึ้นเล่าปี่จึงขี่ม้าออกไปส่งเล่ากี๋ ขากลับก็พบชายประหลาด ร้องเพลงอยู่ข้างถนน ใจความว่า “แผ่นดินใกล้จะดับพลิกกลับแล้ว เถาวัลย์แก้วหรือจะต้านตึกพัง อันคนดีแฝงอยู่ไม่ใกล้ไม่ไกล นายอยู่ไหน ไม่รู้จัก ทักเขาเลย”
เล่าปี่จับใจความได้จึงเข้าไปคุย ก็ได้ทราบว่าชายคนนี้ชื่อตันฮก ได้ยินกิตติศัพท์ของเล่าปี่ว่าเป็นคนดีมีคุณธรรม ชาวบ้านรักใคร่ จึงอยากพบซักครั้ง แต่ไม่มีคนชักนำจึงมาร้องเพลงข้างถนน
เล่าปี่จึงยินดีชวนตันฮกไปทำงานด้วยกัน ก่อนไปตันฮกก็ลองใจเล่าปี่ด้วยการบอกเล่าปี่ว่า “ม้าที่เล่าปี่ขี่อยู่นั้นชื่อม้าเต๊กเลา เป็นม้าอัปมงคล ให้โทษแก่เจ้าของ ควรยกให้แก่คนที่ท่านไม่ชอบให้เค้ารับเคราะห์แทนท่าน”
เล่าปี่ฟังแล้วก็ไม่ชอบใจ บอกว่า “เราเพิ่งรู้จักกันท่านก็จะให้เราไปให้โทษแก่ผู้อื่นเพื่อเอาตัวเองรอด ข้าพเจ้าไม่ต้องการฟังความคิดเห็นเช่นนี้จากท่านอีก”
ตันฮกจึงยิ้มแล้วสรรเสริญว่า “ข้าพเจ้าเพียงลองใจท่าน และเห็นแล้วว่าท่านเป็นผู้มีคุณธรรม ข้าพเจ้าจะขอรับใช้ท่านตลอดไป” จากนั้นเล่าปี่จึงตั้งตันฮกเป็น ผู้จัดการฝ่ายการตลาด บังคับบัญชาเหล่าทหาร
หลังจากได้ตันฮกมาเป็นนักกลยุทธ์ทางการตลาดของตนนั้น จากที่แต่ก่อนเล่าปี่รบแบบแก้ปัญหาเฉพาะหน้าอาศัยประสบการณ์และความสามารถที่เก่งกาจของยอดนักรบฝ่ายขายของตน เล่าปี่ก็ได้รู้จักกับการรบแบบกลยุทธ์ ใช้กำลังพลน้อย ลงทุนน้อยแต่ได้ผลตอบแทนมาก
โจโฉเมื่อรู้ว่าเล่าปี่มาอยู่เมืองซินเอี้ยเป็นเมืองหน้าด่านให้เล่าเปียวติดกับอาณาเขตตนก็อนุมัติงบการตลาดให้ โจหยิน ลิเตียน ลิกอง ลิเซียง เป็นทหาร 3 หมื่น ยกไปจัดการเล่าปี่
ตันฮกผู้วางแผนการรบก็ได้ทำการวางแผนยุทธการแบบมองหมากหลายชั้น ฝ่ายโจหยินมารวมพลอยู่ที่เมืองห้วนเสียก็ส่งลิเตียน ลิกอง ลิเซียง ลองตลาดเข้าไปตีเล่าปี่ก่อน เพราะเล่าปี่มีกำลังพลน้อยกว่ามาก
ตันฮกที่วางผนการไว้แล้วก็ให้เล่าปี่กับจูล่งยกทัพไปตั้งรับที่นอกเมือง ให้เตียวหุยยกทัพอ้อมไปสกัดด้านหลัง ให้กวนอูไปซุ่มโจมตีขนาบข้าง
เมื่อเผชิญหน้ากัน ลิกองสู้จูล่งไม่ได้โดนจูล่งเอาทนแทงตกม้าตาย ลิเซียงจึงสั่งถอยทัพ ก็โดนทัพเตียวหุยสกัดไว้ถอยกลับไม่ได้ พร้อมทั้งโดนทัพกวนอูขนาบเข้ามา ลิเซียงเองสุดท้ายก็ตายด้วยทวนของเตียวหุย ทหารที่เหลือก็แตกหนีกระจัดกระจายโดนสังหารกับโดนจับเป็นเชลย
แผนการตลาดชุดแรกของโจหยินที่เห็นเล่าปี่กำลังน้อยกว่าก็ประมาทส่งขุนพลของตนไปทดลองรบโดยไม่ได้มีแผนการอะไรก็เจ๊งไม่เป็นท่า ฝ่ายเล่าปี่หลังจากรบชนะก็กลับเข้าเมืองซินเอี้ยแบบงงๆกับชัยชนะที่ง่ายดายของฝ่ายตน ก็มองเห็นความสำคัญของการรบเชิงกลยุทธ์ ที่ชนะมาได้โดยสูญเสียน้อยที่สุด
หลังจากกลับเข้าเมืองมาตันฮกก็บอกแผนการขั้นต่อไป ว่าโจหยินจะต้องใจร้อนรีบแก้มือยกกำลังทั้งหมดมาตีเล่าปี่อีกแน่ๆ จึงส่งกวนอูให้ลอบไปยึดเมือง ห้วนเสีย และวางแผนจัดการโจหยิน
ซึงโจหยินยกทัพมารอบนี้ก็นำกำลังพลทั้งหมดมาแต่ก็แพ้ให้กลับเล่าปี่และกลยุทธ์ของตันฮกอีก พอแตกทัพหนีกลับไปที่เมืองก็พบว่าเมืองห้วนเสียถูกกวนอูยึดไปแล้วอีก ถูกกวนอูยกทัพออกมาตีซ้ำอีก ทำให้โจหยินแพ้ยับเยิน เสียกำลังพลไปกว่าหนึ่งหมื่นต้องถอยทัพไปฮูโต๋ขอรับผิดกับโจโฉ
แผนการตลาดชุดที่สองของโจหยินนั้น นอกจากจะตำน้ำพริกละลายแม่น้ำแล้ว เสียกำลังพลไปมากไม่เพียงไม่ได้พื้นที่การตลาดเพิ่มซ้ำยังเสียพื้นที่การตลาดของตน เมืองห้วนเสียให้กับเล่าปี่อีก
เมื่อรู้ถึงโจโฉ โจโฉวิเคราะห์แล้วจึงว่าการรบแบบนี้ไม่ใช้สไตล์ของเล่าปี่ คาดว่าจะต้องมีคนเก่งมาช่วยงานเล่าปี่เป็นแน่ และบอกโจหยินว่าการรบมีแพ้มีชนะเป็นเรื่องธรรมดา ไม่เอาโทษโจหยิน
เป็นอีกครั้งที่โจโฉแสดงให้เห็นถึงความใจนักเลง และความสามารถให้การซื้อใจลูกน้อง แล้วก็สืบจนทราบว่าเล่าปี่มีตันฮกช่วยงาน สอบถามเทียนหยกที่ปรึกษาว่า ตันฮกนี้เป็นใครเก่งขนาดไหน เทียนหยกก็บอกว่าตันฮกนี่เก่งกว่าตัวเทียนหยกเองซัก 100 เท่าได้
โจโฉก็นิ่งอึ้งไปและสนใจอยากจะได้ตันฮกมาร่วมงาน เทียนหยกก็แนะนำแผนการว่าตนนั้นรู้จักตันฮก และแม่ของตันฮก จึงวางแผนการร้ายเข้าทางแม่ตันฮกหวังดึงลูกชายมาร่วมงาน
แต่แม่ตันฮกเป็นแม่บ้านที่มีความรู้แถมเป็นคอการเมืองรู้เหตุการณ์บ้านเมืองเป็นอย่างดีอีกทั้งไม่ชอบบริษัทของโจโฉถึงจะใกล้บ้านมากกว่า แต่ถ้าจะให้ลูกชายมาทำงานที่นี่แม่ไม่เอาด้วย
พอเจรจากันดีๆไม่ได้ คิดจะใช้ไม้แข็งก็ไม่ได้เทียนหยกห้ามไว้ว่าถ้าหากแม่ตันฮกเป็นอะไรขึ้นมาก็ป่วยการจะไปดึงลูกเค้ามาทำงานด้วย แถมตันฮกจะยิ่งผูกใจเจ็บกับทางโจโฉนับเป็นผลร้าย
เทียนหยกจึงอาสาจัดการใช้ความละมุนละม่อมเขาหาแม่ตันฮกโดยใช้ความเป็นเพื่อนลูกชายส่งของขวัญกับจดหมายไปให้แม่ตันฮกเรื่อยๆแม่ตันฮกก็ตอบจดหมายกลับให้เทียนหยกเป็นประจำ จนเทียนหยกสามารถปลอมแปลงลายมือในจดหมายของแม่ตันฮกได้
เทียนหยกก็จัดการปลอมจดหมายเป็นแม่ตันฮกส่งไปให้ตันฮกใจความว่าโดนโจโฉจับตัวไว้ ให้ตันฮกรีบกลับมาช่วย ตันฮกถึงจะเป็นคนฉลาดแต่ก็ขาดความเฉลียวพอเห็นจดหมายลายมื่อของแม่ก็ปักใจเชื่อสนิท ทั้งๆที่จริงๆแล้วแม่ของตนเป็นคนรักคุณธรรมและรักในฮั่นยิ่งกว่าชีวิตของตัวเอง ย่อมไม่มีทางยอมให้ตันฮกกลับมาทำงานรับใช้โจโฉแน่นอน
ด้วยความกตัญญูต่อแม่ตักฮกก็รีบไปยื่นใบลาออกให้เล่าปี่ว่า ตนเองนั้นจำเป็นต้องรีบกลับไปช่วยแม่ ไม่สามารถทำงานรับใช้เล่าปี่ได้แล้ว เล่าปี่แม้จะเสียใจหนักมาก แต่ด้วยความยึดมั่นในคุณธรรมและเห็นแก่ความกตัญญูของตันฮกก็จำยอมเซ็นใบลาออกให้ตันฮกไป แม้จะเข้าใจดีว่านี่จะเป็นการยื่นดาบให้ศัตรูก็ตาม
ที่ปรึกษาทีมงานคนอื่นต่างก็ห้ามเล่าปี่ปล่อยตันฮกไปเพราะตันฮกรู้กิจการภายในองค์กรของเล่าปี่เป็นอย่างดี ถ้าไปอยู่กับโจโฉจะทำให้โจโฉรู้ตื้นลึกหนาบางภายในองค์กรของเล่าปี่ทั้งหมด
ที่ปรึกษาบางคนถึงกับแอบกระซิบบอกเล่าปี่ให้ใช้วิขามารรั้งตันฮกไว้ก่อน จนโจโฉทนไม่ไหวทำแม่ตันฮกถึงแก่ความตายขึ้นมาเมื่อนั้นตันฮกก็จะทำงานรับใช้เล่าปี่ด้วยความแค้นที่มีต่อโจโฉอย่างถึงที่สุด
เล่าปี่ที่เป็นคนรักคุณธรรมพอได้ยินวิชามารแบบนี้ก็เสียใจ แม้จะรู้ว่าเป็นทางเลือกที่ตนจะได้ประโยชน์สูงสุด แต่การจะพรากลูกพรากแม่เพื้อหวังให้แม่เค้าตายเพื่อเอาตัวเค้าไว้ใช้งานนั้น เป็นความทารุณอย่างถึงที่สุด เล่าปี่ทำไม่ได้
เมื่อทำอะไรไม่ได้เล่าปี่ก็ตัดใจปล่อยตันฮกไป โดยสั่งคนจัดโต๊ะเลี้ยงส่งดีแต่ก็ไม่มีใครกินอะไรลงเพราะมีแต่ความเศร้าเสียใจที่ต้องจากกัน
แต่ก่อนจะจากกันไปตันฮกก็ได้บอกแก่เล่าปี่ถึงชายผู้มีฉายามังกรหลับ ด็อกเตอร์หนุ่มแห่งเขาโงลังกั๋ง ว่าคนผู้นี้เก่งกว่าตนอย่างเที่ยบกันไม่ได้ ให้เล่าปี่ไปชักชวนคนผู้นี้มาร่วมงาน งานใหญ่ของเล่าปี่ก็จะสำเร็จได้
แถมระหว่างทางไปหาแม่ตันฮกยังอุตส่าแวะไปบอกกล่าวแก่ขงเบ้งว่าให้ไปช่วยงานเล่าปี่ เพราะเล่าปี่เป็นคนดีมากๆ ซึ่งทำให้ขงเบ้งถึงกลับอารมณ์เสีย เหวี่ยงใส่ตันฮกไปว่า นี่ทั่นไม่มีอะไรเป็นของขวัญจากลากับเล่าปี่แล้วหรืออย่างไร ถึงได้คิดจะเอาตัวเราไปให้เค้า พอตันฮกคิดได้ตามที่ขงเบ้งด่าก็เกิดความอายรีบลงจากเขาไปหาแม่ของตนทันที
เมื่อกลับถึงบ้านสิ่งที่ทำให้ตันฮกต้องงงก็คือนอกจากแม่จะไม่ได้ถูกจับแล้ว แม่ยังไม่รู้เรื่องจดหมายอีกต่างหาก จึงเข้าใจว่าตนนั้นโดนกลอุบายเข้าแล้ว ทางแม่ของตันฮกก็เสียใจที่มีลูกโง่ ขนาดส่งเสียให้ไปเรียนสูงนึกว่าจะฉลาด อุตส่าได้นายดีมีคุณธรรมอย่างเล่าปี่ ที่จะกอบกู้ฮั่นมหาชนจำกัดให้กลับมาอีกครั้ง กลับหลงกลจดหมายปลอมง่อยๆ จนต้องมาทำงานให้กลับโจรกบฏที่จับฮ่องเต้ไว้อย่างโจโฉ
คิดได้อย่างนี้แม่ของตันฮกก็ทั้งเจ็บทั้งอายผิดหวังเสียใจจนวิ่งหนีไปผูกคอตาย ทางตนฮกเมื่อพบแม่ตัวเองผูกคอตายก็ได้แต่เสียใจว่าตนเองนั้นเป็นสาเหตุที่ทำให้แม่ของตนต้องตาย ฝ่ายโจโฉพอทราบเรื่องก็ตกใจรีบส่งคนมาจัดการเรื่องงานศพแม่ตันฮกให้อย่างดีหวังว่าจะซื้อใจตันฮกได้ ซึ่งตันฮกเองหลังจากนั้นก็อยู่เฝ้าสุสานแม่ของตัวเองไม่ไปไหน
เรื่องจึงกลายเป็นว่าโจโฉได้ตัวตันฮกไป แต่ก็เป็นตันฮกที่หมดอาลัยตายอยากไปแล้ว ไม่สามารถใช้ประโยชน์จากความเก่งกาจของตันฮกได้อีก เรื่องคราวนี้จึงจบลงที่โจโฉสามารถตัดกำลังเล่าปี่ดึงตัวบัณฑิตอาภัพอย่างตันฮกมาได้เพียงเท่านั้นไม่สามารถเอามาเป็นกำลังให้ฝ่ายตนได้
สรุป บทที่ 19
ในองค์กรหนึ่งๆนั้น สิ่งที่สำคัญและมีคุณค่าที่สุดคือทรัพยากรบุคล หาใช่เงินทองหรือสิ่งของใดๆ การจะได้บุคลากรที่เป็นคนเก่งมาร่วมงานทำงานให้เรานั้นเป็นเรื่องยาก ยิ่งเป็นคนเก่งด้วยดีด้วยยิ่งหายาก ซ้ำในองค์กรเล็กๆระดับ SME หจก.สามพี่น้อง ของเล่าปี่ด้วยแล้วยิ่งยากเข้าไปใหญ่ในการที่จะได้คนทั้งดีทั้งเก่งเข้ามาร่วมงาน
เพราะองค์กรที่ใหญ่กว่าอย่าง องค์กรของ โจโฉ เล่าเปียว ซุนกวน เองก็ต้องการคนดีคนเก่งด้วนกันทั้งนั้น และทั้งโจโฉและซุนกวนเองก็เลี้ยงดูคนดีคนเก่งอย่างดี ทั้งยังอนาคตสดใสกว่า
จะเห็นได้ว่า SME ของเล่าปี่นั้นไม่สามารถสู้ได้เลย แต่ด้วยตัวของเล่าปี่เอง ที่มีคุณธรรม มีอุดมการณ์ ทำแต่สิ่งที่ถูกต้อง เล่าปี่จึงสามารถซื้อใจคนที่มีอุดมการณ์เดียวกันให้มาทำงานร่วมกันได้ แม้จะมองไม่ค่อยเห็นอนาคต กินก็ไม่ค่อยอิ่ม อยู่ด้วยความลำบากก็ยังสามารถอดทนฟันฝ่าไปด้วยกันได้
ตัวคนเก่งอย่างตันฮกเองนั้น ก็ประสบกับปัญหาที่ไม่ต่างกับเหตุการณ์ในยุคปัจจุบัน นั่นคือการดูดบุคลากร ที่องค์กรใหญ่ๆทุนหนากว่ามักจะทำกับองค์กรเล็กๆ วิธีประสบความสำเร็จง่ายๆอย่างหนึ่งขององค์กรใหญ่ใช้ คือ การใช้ทุนที่มากกว่า ให้เงินเดือนมากกว่า สวัสดิการที่ดีกว่าดึงตัวบุคลากรที่เก่งๆขององค์กรคู่แข่ง ถ้าพบใครที่เก่งก็ดึงมานอกจากจะเป็นการเพิ่มศักยภาพขององค์กรเราแล้วยังเป็นการลดทอนศักยภาพของคู่แข่งเราโดยตรงด้วย ซึ่งโจโฉเองก็คิดเช่นนี้ในการดึงตัวคันฮก แต่ตันฮกเงินซื้อไม่ได้จึงต้องใช้จุดอ่อนของตันฮกที่เป็นคนดีมีคุณธรรม กตัญญูต่อมารดา เป็นกลวิธีในการดึงตัวตันฮกมาจากเล่าปี่
ขอบพระคุณที่ติดตามอ่าน
รังสรรค์ใจอารีย์
@3kokstartup

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา