Blockdit Logo
Blockdit Logo (Mobile)
สำรวจ
ลงทุน
คำถาม
เข้าสู่ระบบ
มีบัญชีอยู่แล้ว?
เข้าสู่ระบบ
หรือ
ลงทะเบียน
3kokstartup
•
ติดตาม
10 ก.พ. 2019 เวลา 06:38 • ธุรกิจ
บทที่ 22 ความโกลาหนที่ภาคกลาง และการล่มสลายของเกงจิ๋ว (Chaos)
เหตุการณ์สำคัญ
ค.ศ.208 เล่าปี่อายุ 48 ปี โจโฉอายุ 54 ปี ซุนกวนอายุ 27 ปี ขงเบ้งอายุ 28 ปี
เล่าเปียวเสียชีวิต เล่าจ๋องบุตรชายคนเล็ก ขึ้นเป็นเจ้าแคว้นเกงจิ๋ว,
ขงเบ้งวางอุบายเผาทัพโจโฉที่นำโดยแฮหัวตุ้นที่ทุ่งพกบ๋อง,
เล่าจ๋องยกแคว้นเกงจิ๋วให้โจโฉ,
เล่าปี่ถูกโจโฉตีแตกที่ทุ่งเตียงปัน,
จูล่งฝ่าทัพโจโฉช่วยชีวิตอาเต๊า (เล่าเสี้ยน) บุตรชายของเล่าปี่,
เตียวหุยขับไล่ทหารโจโฉที่สะพานเตียงปันเกี้ยว,
เล่าปี่หนีเข้าเมืองกังแฮ,
หลังจากจบศึกทุ่งพกบ๋อง ขงเบ้งก็ไม่ได้นิ่งนอนใจคาดการว่าโจโฉจะต้องยกทัพใหญ่มาแน่ ซึ่งก็มาจริงๆ โจโฉยกทัพใหญ่มา 50 หมื่น โดยรอบนี้โจโฉเป็นผู้นำทัพมาเอง โปรเจคนี้โจโฉมีเป้าหมายจัดการเล่าปี่ที่ซินเอี้ย และยึดพื้นที่เกงจิ๋วทั้งหมด รวมไปถึงพื้นที่กังตั๋งของตะกูลซุนทางตอนล่างของจีนในคราวเดียว ถ้าเมกกะโปรเจคนี้ของโจโฉสำเร็จโจโฉก็จะยึดพื้นที่ของจีนจากเหนือจรดใต้ เหลือแค่เขตตะวันตกเฉียงใต้ดินแดนของเล่าเจี้ยง ฮันต๋ง เขตตะวันตก ดินแดนของหันซุย เสเหลียง เขตตะวันตกเฉียงเหนือดินแดนของม้าเท้ง
แค่ด่านแรกการยึดเมืองซินเอี้ยของโจโฉก็ต้องเจอกับปัญหาที่ขงเบ้งเตรียมไว้ให้ก่อน เพราะก่อนโจโฉจะบุกมาขงเบ้งที่คาดการไว้ก็เตรียมการต้อนรับทัพของโจโฉไว้แล้ว ทั้งการอพยพย้ายผู้คนหนีไปเมืองอ้วนเสีย วางกับดักเผาเมือง ดักทหารโจโฉ ทดน้ำท่วมทหารโจโฉที่ไล่ล่าติดตามมา ทำให้ทหารโจโฉไม่สามมารถบุ่มบ่ามทำอะไรพวกเล่าปี่ได้มาก
แต่ถึงอย่างไรด้วยกำลังพลที่เล่าปี่มีกับโจโฉมีนั้นก็ต่างกันมาก รวมทั้งเมืองอ้วนเสียเป็นเมืองเล็กจึงไม่มีความได้เปรียบทางชัยภูมิที่ดีพอในการรับมือทัพใหญ่ของโจโฉ ขงเบ้งจึงต้องงัดสุดยอดกลยุทธิ์ใน 36 กลยุทธิ์มาใช้นั่นก็คือการหนี อพยพย้ายผู้คนทั้งทหารและพลเมืองจากอ้วนเสียไปยังซงหยงของเล่าเปียวซึ่งเป็นเมืองใหญ่เสบียงก็มีมากสามารถตั้งรับทัพโจโฉได้
แต่ตัวเล่าเปียวนั้นเมื่อทราบข่าวว่าโจโฉยกทัพมา 50 หมื่นหมายยึดเกงจิ๋ว อาการป่วยก็กำเริบถึงแก่กรรมไป หลังจากนั้นซัวมอกับพี่สาว ก็ทำการยึดอำนาจโดยการชูเล่าจ๋องลูกคนเล็กเล่าเปียวขึ้นครองเกงจิ๋วที่เมืองซงหยง หลงระเริงในอำนาจโดยไม่รู้ถึงภัยที่จะมาถึงตัวแล้ว ในขณะที่ลูกคนโตเล่ากี่ครองเมืองกังแฮอยู่ที่เกงจิ๋วตอนใต้
เมื่อเล่าปี่พาผู้คนอพยพมาถึงซงหยงพบว่าเล่าเปียวถึงแก่กรรมแล้ว ขงเบ้งก็ปรึกษาเล่าปี่อีกครั้งว่าเล่าปี่จะเข้ายึดซงหยงไว้เพื่อสู้โจโฉหรือไม่เล่าปี่ก็ปฏิเสธอีกครั้ง บอกว่าเล่าเปียวมีบุญคุณกับตนทายาทเค้าก็ยังมีอยู่ผิดการที่ตนจะไปยึดเอามานั้นเป็นการผิดต่อเล่าเปียว
ตนนั้นขอแค่มาลี้ภัยโดยหวังจะร่วมมือกับซัวมอต้านภัยโจโฉ แต่หารู้ไม่ว่าซัวมอกับพี่สาวนั้นกลัวเล่าปี่ไม่กลัวโจโฉ เพราะประชาชนในเกงจิ๋วชื่นชอบเล่าปี่ซัวมอจึงกลัวเล่าปี่จะมายึดอำนาจตน จึงสั่งลูกน้องให้ปิดประตูเมืองยิงธนูไล่เล่าปี่ไปแม้เล่าปี่จะขอเพียงใหประชาชนที่หนีภัยสงครามมาจากซินเอี้ยเข้าไปหลบอยู่ในซงหยงด้วยลูกน้องของซัวมอก็ไม่ยอม
จนมีนายทหารรักษานายอีกคนชื่อว่าอุ้ยเอี๋ยนเห็นต่างมองว่าสิ่งที่นายทหารคนอื่นกำลังทำนี้นั้นไม่ถูกต้อง เพราะเล่าปี่ก็เป็นคนที่นายเก่าเล่าเปียวให้การต้อนรับ ทั้งประชาชนชาวบ้านที่ติดตามเล่าปี่มาก็เดือดร้อนสมควรช่วยเหลือ ว่าแล้วก็พาพรรคพวกของตนเข้าตีกับเหล่าทหารรักษาเมืองเพื่อเปิดประตูเมืองให้เล่าปี่
เมื่อเล่าปี่ต้องมาเห็นเหล่าทหารซงหยงมาฆ่ากันเองเพราะตนก็รู้สึกเสียใจจึงพาเหล่าทหารและประชาชนของตนเดินทางต่อโดยตั้งใจจะไปขอความช่วยเหลือจากเล่ากี๋ลูกชายคนโตของเล่าเปียวที่เมืองกังแฮ
จึงส่งกวนอูเป็นม้าเร็วไปแจ้งข่าว ประชาชนชาวเมืองซงหยงที่ชื่นชอบเล่าปี่และไม่ชอบการยึดอำนาจของซัวมอ รวมถึงมองเห็นภัยสงครามจากโจโฉ ก็พากันทยอยติดตามขบวนเล่าปี่ไปเมืองกังแฮ ก็กลายเป็นการเดินทางที่ยากลำบาก ประชาชนสามหมื่นถึงสี่หมื่นคน มีทหารคุ้มกันเพียงสามพัน เดินทางด้วยเท้าเป็นเวลานับเดือน ทั้งยังมีทหารโจโฉไล่ล่าติดตาม
ที่พวกซัวมอไล่เล่าปี่ไปนั้นสาเหตุเป็นเพราะพวกซัวมอไม่เชื่อมั่นในตัวเล่าปี่และทีมงานว่าจะสามารถสู้กับโจโฉได้ และคิดว่าการยอมสวามิภักดิ์ต่อโจโฉจะเป็นการดีกว่า
ซัวมอคงคิดว่าก็แค่ยกเกงจิ๋วให้โจโฉไป ส่วนตนและพวกพ้องก็ปลอดภัยมีความสุขเหมือนเดิม
ซึ่งหลังจากไล่เล่าปี่ไปเรียบร้อยแล้ว พวกซัวมอก็ทำการต้อนรับโจโฉเข้าเมือง เมื่อโจโฉเข้าเมืองมาแล้วก็ต้องถึงกับงงและถามออกมาว่าเมืองซงหยงเป็นเมืองใหญ่ มีทหารถึงสามสิบหมื่น มีเสบียงพอสูศึกได้เป็นปี มีเรือรบอีกจำนวนมาก ทำไมถึงไม่คิดจะสู้เลย
พวกซัวมอก็ได้แต่นิ่งเงี่ยบ โจโฉก็เลยอยู่ดีๆก็ส้มหล่นได้เมืองซงหยงพร้อมไพร่พลมาแบบไม่เสียอะไรเลย จากนั้นก็จัดการวางระบบบริหารในเมืองใหม่ โดยให้ซัวมอยังเป็นแม่ทัพใหญ่ของเมืองอยู่ทั้งนี้เพราะโจโฉต้องการแม่ทัพเรือที่มีความสามารถในการรบทางน้ำ
เพราะก้าวต่อไปของโจโฉคือการยึดกังตั๋งที่มีแม่น้ำแยงซีเกียงเป็นชัยภูมิสำคัญ การรบทางน้ำจึงสำคัญมากโจโฉจึงเก็บซัวมอไว้ให้ฝึกซ้อมทหารทำการรบทางน้ำ สำหรับรบกับกังตั๋งก่อน ส่วนเจ้าเมืองตัวจริงทายาทเล่าเปียวอย่างเล่าจ๋องและแม่ที่เป็นศูนย์รวมใจผู้คนในเมือง โจโฉก็มีคำสั่งๆย้ายให้ไปเป็นเจ้าเมืองแถวเมืองหลวงโดยอ้างว่าจะได้สะดวกเวลาเข้าเฝ้าฮ่องเต้
ซึ่งทางเล่าจ๋องก็งองแงไม่ต้องการไปไหน ขอเป็นเพียงสามัญชนคนธรรมดาก็ได้ขอเพียงได้อยู่เมืองหลวงต่อแต่ก็ไม่สามารถขัดโจโฉได้ สุดท้ายเล่าจ๋องและแม่ก็ถูกเณรเทศออกจากเมืองไป และหลังออกจากเมืองได้ไม่นานโจโฉก็ส่งมือสังหารไปปิดงานเล่าจ๋องและแม่ จนถึงวาระสุดท้ายของชีวิตซัวฮูยินก็ยังไม่เข้าใจว่าเพราะความละโมบในสิ่งที่ไม่ใช่ของตนจะพาเคราะห์ร้ายถึงชีวิตมาสู่ตนในที่สุด ถ้ายกเมืองให้เล่าปี่ไปอย่างน้อยชีวิตก็คงไม่มาจบอนาถแบบนี้
กลับมาทางเล่าปี่หลังจากโดนซัวมอไล่มาก็มาเกิดวิกฤตที่อำเภอเตียงปันโบ๋
ทหารโจโฉไล่มาจนทัน เล่าปี่รีบพาประชาชนข้ามแม่น้ำหนี ระหว่างนั้นก็มีข่าวว่าจูล่งทหารเอกไปเข้ากับฝ่ายโจโฉเพราะขี่ม้าเข้าไปทางฝ่ายทหารโจโฉเพียงลำพัง
เล่าปี่ก็ด่าคนเอาข่าวมาแจ้งว่าเอาอะไรมาพูดจูล่งนั้นซื่อสัตย์มากไม่มีทางที่จะไปเข้ากับโจโฉคงมีเหตุอย่างอื่นมากกว่า
จากนั้นก็มีคนมาแจ้งเหตุเล่าปี่ว่าลูกเมียเล่าปี่หายไปจากขบวนอพยพ ไม่มีใครทราบว่าไปไหน แม้เรื่องสับสนว้าวุ่นใจจะมาไม่หยุด เล่าปี่ก็ต้องเร่งพาประชาชนที่ติดตามตนมาข้ามแม่น้ำไปก่อน โดยมีเตียวหุยเป็นผู้รั้งท้ายยืนเฝ้าสะพานไม่ให้ทหารโจโฉข้ามสะพานไปได้
จนในที่สุดก็พบว่าจูล่งนั้นบุกเดี่ยวฝ่าเข้าไปในกองทัพโจโฉตั้งแต่เที่ยงคืนจนถึงเช้าเพื่อตามหาครอบครัวเล่าปี่ที่พลัดหายขณะโดนทัพโจโฉไล่ตาม สุดท้ายก็สามารถช่วยอาเต้า(ลูกชายเล่าปี่ที่ยังแบเบาะ)กลับออกมาได้ แต่ไม่สามารถช่วยภรรยาเล่าปี่กลับมาได้เพราะนางชิงฆ่าตัวตายเพื่อให้จูล่งมีโอกาสพาอาเต้าหนีรอดมากขึ้น
เมื่อจูล่งส่งอาเต้าให้เล่าปี่ก็ทำให้เล่าปี่ทราบซึ้งจนถึงกับโมโหอาเต้าด่าว่าเพราะเจ้าเด็กคนนี้คนเดียวทำให้จูล่งทหารเอกของเราต้องลำบาก
จูล่งก็ว่าถ้าเพื่อเล่าปี่แล้วถึงตายก็จะเอาเลือดทาพื้นสนองคุณเล่าปี่
การศึกครั้งนี้เป็นการสร้างชื่อให้จูล่งกับเตียวหุยให้ดังทั่วแผ่นดินถึงความเก่งกล้าสามารถว่า จูล่งนั้นขี้ม้าฝ่าทหารโจโฉเหมือนขี่ม้าแหวกหญ้าแพรกสามารถฝ่าเหล่าทหารโจโฉเข้าไปช่วยอาเต้าออกมาได้
ส่วนเตียวหุยนั้นตัวคนเดียวยืนเฝ้าสะพานต้านทัพนับหมื่นของโจโฉ แค่ตวาดทหารโจโฉก็กลัวหัวหดไม่กล้าข้ามสะพาน
เตียวหุยสามารถต้านทัพโจโฉได้จนจูล่งสามารถฝ่าทัพโจโฉช่วยอาเต้ากลับมา และก็อพยพประชาชนที่ติดตามมาข้ามสะพานจนหมด เตียวหุยจึงทำลายสะพาน สามารถซื้อเวลาให้พวกของเล่าปี่หนีการติดตามของโจโฉได้ จนมาพบกับทัพของกวนอูที่ยืมมาจากเล่ากี่ลูกชายคนโตของเล่าเปียวที่เป็นเจ้าเมืองกังแฮอยู่ ก็เข้าทำการช่วยเหลือและอพยพผู้คนเข้าเมืองกังแฮไว้ได้
สรุปบทที่ 22
ฉากการล่มสลายของเกงจิ๋วเป็นภาพซ้อนกับการล่มสลายของอาณาจักรฮั่น
เมื่อองค์กรใหญ่อย่างอาณาจักรเกงจิ๋วของเล่าเปียวต้องมาสูญเสียผู้นำและเกิดการแย่งชิงอำนาจภายใน องค์กรขึ้นในขณะที่ภัยคุกคามภายนอกกำลังจะมาถึง ผู้ที่แย่งชิงอำนาจบริหารมาได้นั้นมองสถานะการไม่ออก ซ้ำยังตัดสินใจผิดพลาด เห็นกงจักรเป็นดอกบัว ขับไล่เล่าปี่และทีมงานผู้ที่เล่าเปียวฝากฝังไว้ให้ปกป้ององค์กรเกงจิ๋วออกไปจากองค์กร ซ้ำยังยกองค์กรให้ควบรวมกับองค์กรคู่แข่งอย่างโจโฉโดยหวังว่าโจโฉจะมอบหมายให้ตนบริหารปกครององค์กรเหมือนเดิม
แต่เหตุการณ์กลับไม่เป็นเช่นนั้น เมื่อโจโฉยึดอำนาจบริหารไว้ โดยยังให้ซัวมอดูงานฝ่ายทหารอยู่เพราะต้องการองค์ความรู้ของซัวมอในการทำศึกทางน้ำ เพราะสมรภูมิกังตั๋งใช้การรบทางน้ำเป็นหลัก เป็นตลาดใหม่ที่โจโฉไม่มีความชำนาญมากนัก
ส่วนผู้บริหารคนอื่นๆอย่างซัวฮูหยินภรรยาเล่าเปียว และเล่าจ๋องลูกคนเล็กเล่าเปียวนั้นก็โดนปลดฟ้าผ่าออกจากบอร์ดบริหารและอัปเปหิออกไปดูงานที่อื่นซ้ำยังส่งคนไปจัดการสังหารปิดปาก โดยที่ไม่มีใครรู้เรื่องหรือถึงรู้ก็ทำอะไรผู้กุมอำนาจใหญ่อย่างโจโฉไม่ได้ เป็นการเดินเกมร์ที่ละเอียดหมดจรดของโจโฉ
ทำให้โจโฉเป็นผู้กุมอำนาจใหญ่ที่สามารถผนวกครองส่วนแบ่งตลาดภาคเหนือและภาคกลางไว้ได้ เป้าหมายถัดไปของโจโฉจึงเป็นพื้นที่ตลาดทางใต้ ดินแดนกังตั๋งของตระกูลซุน พื้นที่ๆโจโฉไม่มีความชำนาญ และการกำจัดเสี้ยนหนามอย่างเล่าปี่
ในขณะที่โจโฉกำลังยิ่งใหญ่ในวัย 54 เล่าปี่ในวัย 48 นั้นต้องถอนทุนที่เหลืออยู่น้อยนิดออกจากซินเอี้ยส่วนหนึ่งขององค์กรเกงจิ๋ว แล้วก็ระหกระเหินเร่ร่อนอพยพไปหาที่ตั้งตัวใหม่ แต่ที่ทำให้เล่าปี่ต่างจากเถ้าแก่ปิดกิจการรายอื่นๆคือ เค้าปิดเพราะไม่สามารถรับมือกับคู่แข่งได้จริงๆ แต่ถึงจะปิดกิจการเหล่าลูกน้องทีมงานก็ยังอยู่พร้อมช่วยงานทุกอย่างจนถวายชีวิต อีกทั้งยังมีเหล่าลูกค้าของเค้าที่ยังรอให้การสนับสนุน ยอมติดตามเล่าปี่ไปตายเอาดาบหน้า แสดงถึงแบรนด์ที่แข็งแก่งของเล่าปี่ ที่ผู้คนให้ความเชื่อถือในความเป็นพระเจ้าอาที่มีคุณธรรมของเล่าปี่อย่างสูง อย่างที่ใครก็ทำไม่ได้
ขอบพระคุณที่ติดตามอ่าน
รังสรรค์ ใจอารีย์
@3kokstartup
1 บันทึก
7
4
ดูเพิ่มเติมในซีรีส์
สามก๊ก ฉบับ startup
1
7
4
โฆษณา
ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
© 2025 Blockdit
เกี่ยวกับ
ช่วยเหลือ
คำถามที่พบบ่อย
นโยบายการโฆษณาและบูสต์โพสต์
นโยบายความเป็นส่วนตัว
แนวทางการใช้แบรนด์ Blockdit
Blockdit เพื่อธุรกิจ
ไทย