10 ก.พ. 2019 เวลา 09:28 • ธุรกิจ
บทที่ 23 ศึกผาแดง สงครามของข้อมูล(ตอนต้น ชักชวนกังตั๋งออกรบ)(information war 1)
เหตุการณ์สำคัญ
ค.ศ.208 เล่าปี่อายุ 48 ปี โจโฉอายุ 54 ปี ซุนกวนอายุ 27 ปี ขงเบ้งอายุ 28 ปี
จิวยี่และขงเบ้งวางอุบายเผาทัพเรือโจโฉ
หลังจากที่เล่าปี่เข้าเมืองกังแฮแล้ว เล่าปี่ก็ปรึกษากับขงเบ้งว่าเราจะทำอย่างไรกันต่อไปดีจะรับมือกับโจโฉอย่างไร
ขงเบ้งบอกว่าเมืองกังแฮนี่เล็กนัก ไม่สามารถรับมือกับโจโฉได้ จำเป็นต้องยืมมือของซุนกวนให้องค์กรกังตั๋งรับมือกับโจโฉ แล้วเมื่อโจโฉรบกับซุนกวนแล้วเราค่อยหาจังหวะโอกาสเอาเมื่อตอนมีใครเพลี่ยงพล้ำ
เล่าปี่เองก็ชอบกับแผนการนี้ติดแต่ตรงที่ว่าซุนกวนเค้าจะช่วยเรารบกับโจโฉเหรอ
ขงเบ้งจึงบอกว่าโจโฉยกทัพมาคราวนี้ดูก็รู้ว่าไม่ได้หวังเพียงเกงจิ๋ว แต่หวังจะบุกยึดกังตั๋งด้วยเชื่อว่าตอนนี้ทางกังตั๋งน่าจะส่งคนเข้ามาสืบดูเหตุการณ์ที่เมืองกังแฮนี้แล้ว
พอพูดจบก็มีทหารเข้ามารายงานว่า โลซกจากกังตั๋งนำเครื่องเซ่นมาคำนับศพเล่าเปียว
ได้ยินดังนั่นเล่าปี่กับขงเบ้งก็หัวเราะ แล้วขงเบ้งก็บอกกับเล่าปี่ว่าอาศัยเพียงลิ้นน้อยๆของข้าพเจ้าก็จะทำให้ซุนกวนรบกับโจโฉให้จงได้
หลังจากรู้จักกันแล้วขงเบ้งก็ติดตามโลซกไปกังตั๋งเพื่อให้ข้อมูลกับทางซุนกวนเพราะขงเบ้งนั้นชื่อดังจากการต่อกรกับโจโฉที่ทุ่งพกบ๋อง สามารถเผาทหารโจโฉราบโดยไม่เสียกำลังทหารฝ่ายตน
ทางกังตั๋งเวลานี้เสียงในองค์กรแบ่งออกเป็นสองฝ่าย ฝ่ายนึงให้ยอมสวามิภักดิ์กับโจโฉ ฝ่ายนึงให้รบกับโจโฉ ซุนกวนไม่รู้จะตัดสินใจอย่างไรดี
ทางโลซกและเหล่าขุนนางฝ่ายทางทหารนั้นอยากให้รบเพราะสำหรับทหารรบแพ้อย่างมีศักดิ์ศรีดีกว่ายอมแพ้แบบหน้าอาย และรบก็ยังมีโอกาสชนะเพราะถึงกำลังพลจะน้อยกว่าแต่ได้เปรียบเรื่องสมรภูมิ
ส่วนฝ่ายบริหารบ้านเมืองนั้นรักสงบ และหวดกลัวการสงคราม คิดว่าถ้าสวามิภักดิ์ไปก็ไม่มีใครตาย อย่างมากก็แค่เปลี่ยนเจ้านายเท่านั้น(เจ้านายตายคนเดียวที่เหลือรอดหมด)
โลซกนั้นก็เลยขอให้ขงเบ้งช่วยพูดให้ฝ่ายตนโดยอย่าบอกซุนกวนว่าทหารโจโฉนั้นมีจำนวนมาก จะทำให้ซุนกวนกลัวได้ ขงเบ้งก็พยักหน้ารับ
เมื่อถึงห้องประชุมก่อนจะได้พูดคุยกับซุนกวนขงเบ้งก็โดนยิงคำถามจากเหล่าที่ปรึกษา(ฝ่ายที่ต้องการสวามิภักดิ์) เหล่าที่ปรึกษาไม่ชอบขงเบ้งเพราะรู้ว่าขงเบ้งจะมาพูดให้ซุนกวนรบเพื่อประโยชน์จะตกแก่เล่าปี่ ก็รุมยิงคำถามใส่ขงเบ้ง
1 เตียวเจียว ถามถึงความเป็นมาของขงเบ้งว่า ขงเบ้งผู้นี้หรือที่เล่าปี่อุตส่าไปเชิญท่านถึง 3 หน พอได้มาก็คิดการใหญ่จะเข้าครองเกงจิ๋วแล้วทำไมถึงเสียเกงจิ๋วให้โจโฉ
ขงเบ้งตอบ เกงจิ๋วนั้นเล่าปี่จะเอามาเป็นของตนเมื่อไหร่ก็ง่ายเหมือนพลิกฝ่ามือ แต่เล่าปี่นั้นยึดถือคุณธรรม ไม่อยากแย่งชิงเมืองกับคนแซ่เดียวกัน จึงไม่เข้ายึดเกงจิ๋ว ส่วนเล่าจ๋องที่เข้ามาครองเกงจิ๋วแทนนั้นก็โดนหนุนด้วยญาติผู้ใหญ่ที่โง่เง่า ยกเมืองให้โจโฉ จึงต้องตายอย่างน่าสมเพช ตอนนี้เล่าปี่อยู่ที่เมืองกังแฮ คอยจังหวะทำการใหญ่ แผนการอย่างไรเป็นความลับไม่อาจเปิดเผย
เตียวเจียว พูดเยาะเย้ยว่าดูถูกขงเบ้งว่า คิดการใหญ่จะทำได้เหรอ องค์กรของเล่าปี่ตอนนี้เองยังไม่มีหลักแหล่งเป็นของตัวเองต้องไปขออาศัยคนนั้นทีคนนี้ที แถมคราวนี้เล่าปี่ดูจะลำบากที่สุดในชีวิตแล้ว ต้องพาผู้คนซมซานหนีไปอยู่กังแฮ
ขงเบ้งสวนกลับว่า คนที่มีปัญญาน้อยหรือจะมองเห็นการใหญ่อันลึกซึ้ง ตอนขงเบ้งมาพบเล่าปี่นั้นองค์กรเล่าปี่ก็ใกล้จะเจ้งอยู่รอมร่อแล้ว มีทีมงานทหารเอกเพียงสามคนกับทุนรอนทหารอีกจำนวนน้อยนิดอีกไม่ถึงพัน สถานการณ์แบบนั้นยังสามารถต่อกรกับองค์ใหญ่ ทัพใหญ่ของโจโฉได้ แถมยังชนะในการรบอีกต่างหาก ที่ต้องถอนตัวหนีมาเพราะกำลังทุนนั้นต่างกันมาก และที่เสียเกงจิ๋ว ไปเพราะเล่าจ๋องนั้นยกให้โจโฉเล่าปี่เองไม่ได้รู้เห็นด้วย ที่เล่าปี่ต้องทนลำบากนั้นเพราะเล่าปี่ยึดมันในคุณธรรม ไม่แย่งเกงจิ๋วจากเล่าจ๋องต่างหาก ทั้งยังต้องช่วยเหลือประชาชนผู้อพยพตามมาอีก ทำให้ไม่สะดวกในการสู้รบกับโจโฉ “อันผู้จะเป็นรัฐบุรุษนั้น พึงยึดความเจริญสุขของราษฏรเป็นที่ตั้ง คนที่ดีแต่พูด เก่งแต่ยกตนข่มท่าน ถึงเวลาที่จะต้องทำจริง กลับทำไม่ได้อย่างปากพร่ำ คนอย่างนี้ดีแต่เป็นที่เย้ยหยันของชาวโลก หาประโยชนน์แก่ใครมิได้”
เจอคำตอบเตียวเจียวก็ได้แต่อายนิ่งไป
2 ยีหวน ถามถึงการศึกว่า โจโฉยกทัพมากว่าร้อยหมื่นท่านคิดว่าจะสู้ได้เหรอ
ขงเบ้ง ถามกลับว่า ท่านกลัว โจโฉหรือ ข้าพเจ้าไม่กลัว ถึงทหารโจโฉจะมีมาก แต่ส่วนใหญ่เป็นทหารภาคเหนือที่ได้มาจากอ้วนเสี้ยวไม่เก่งการรบทางน้ำ อีกส่วนที่ได้เพิ่มมาเป็นทหารเก่าของเล่าเปียวถึงจะถนัดรบทางน้ำ แต่ก็ไม่มีใจรบให้โจโฉ
ยีหวน สวนขงเบ้งว่า ก็ทหารพวกนี้ไม่ใช่เหรอ ที่ทำให้ท่านต้องหนีมาหลบอยู่เมืองกังแฮ แล้วยังต้องมาขอให้กังตั๋งช่วย
ขงเบ้ง จึงว่า ที่ต้องหนีมานั่นเพราะ กำลังมันต่างกันมาก ทัพเล่าปี่นั้นมีกำลังเพียง สามพันคน แต่ก็ยังไม่ยอมแพ้แก่โจโฉ แปลกที่ฝ่ายองค์กรกังตั๋งนั้นมีกำลังทหารจำนวนมาก อยู่ในชัยภูมิที่ดี มีแม่น้ำแยงซีเกียงกั้น ทหารกังตั๋งเชี่ยวชาญการรบทางน้ำ มีข้าวปลาอาหารเป็นเสบียงจำนวนมาก แต่เหล่าพนักงานกลับปรึกษากันต้องการให้ผู้บริหารยอมแพ้ยกบริษัทให้ควบรวมกับโจโฉ เพื่อตัวเองจะได้ปลอดภัย ช่างไม่รู้จักอายจริงๆ
ยีหวนเจอคำตอบนี้ถึงกับพูดไม่ออก
โปเจ๋า ถาม ขงเบ้งมาครั้งนี้หวังเกลี้ยกล่อมองค์กรกังตั๋งให้เป็นใจร่วมรบกับเล่าปี่ใช่หรือไม่
ขงเบ้ง ตอบ ข้าพเจ้าไม่เหมือนพวกท่าน ที่พอได้ยินข่าวโจโฉยกทัพมาก็กลัวจนตัวสั่น ร้องขอให้นายของตนยอมแพ้ไปขอสวามิภักดิ์ต่อคู่แข่งไม่ขาดปาก แล้วยังมีหน้าอยู่กินเงินเดือนอีกนะ
โปเจ๋าก็หน้าจ๋อยสนิท
ซีหอง ถาม รู้หรือไม่ว่าโจโฉเป็นใคร
ขงเบ้ง ตอบ ใครก็รู้ว่า โจโฉคือโจรร้าย ศัตรูของพระเจ้าเหี้ยนเต้
ซีหอง สวน ผิดแล้ว องค์กรฮั่นนั้นใกล้ล่มสลายแล้ว เวลานี้โจโฉครองแผ่นดิน สองในสามส่วน ประชาชนก็รักใคร่สนับสนุน การที่ท่านคิดจะไปต่อกรนั้นดุดเอาไข่ไปกระทบหิน จะทำให้ตัวเองและประชาชนบอบช้ำ
ขงเบ้ง ว่า ท่านนั้นพูดเหมือนคนไม่มีพ่อแม่ ไม่มีนาย ท่านนั้นทำงานให้พระเจ้าเหี้ยนเต้ แต่ไม่มีสำนึก กลับคิดแต่ว่าองค์กรฮั่นใกล้ล่มสลาย ไม่มีสำนึกคิดทำในสิ่งที่ถูกต้อง ผิดกับเล่าปี่ทีคิดอ่านทำการทุกวันนี้ก็เพื่อทำในสิ่งที่ถูกต้องทดแทนคุณองค์กรฮั่น
ซีหองทั้งเจ็บทั้งอาย
ลกเจ๊ก ว่า โจโฉนั้นเป็นเชื้อสายโจฉำอุปราชมาแต่แผ่นดินก่อนืส่วนเล่าปี่นั้นเป็นเพียงคนขายรองเท้าเลี้ยงชีพ ควรหรือจะไปสู้กับโจโฉ
ขงเบ้ง ว่า ท่านหรือคือล๊กเจ๊ก ที่ตอนยังเล็กเคยขโมยส้มใส่กระเป๋าไปฝากแม่ มีแต่คนคิดร้ายอย่างโจโฉเท่านั้นที่จะนับถือโจโฉ เล่าปี่นั้นได้รับการตรวจหลักฐานโดยพระเจ้าเหี้ยนเต้แล้วว่าถูกต้อง ทั้งพระเจ้าฮั่นโกโจผู้ก่อตั้งองค์กรฮั่น เดิมก็เป็นคนธรรมดา การขายรองเท้าก็เป็นอาชีพสุจริตไม่ได้น่าอาย ข้ากลับเห็นว่า คนที่มีความเห็นไม่ชอบธรรมต่างหากที่น่าอาย และไม่น่ามานั่งปะปนอยู่ในที่ประชุมของเหล่าปราชญ์ราชบัณฑิต
ลกเจ๊กทั้งเจ็บทั้งอายพูดไม่ออก
เหยียมจุ้น ว่า ท่านนั้นดีแต่พูดจา ไม่รู้ท่านศึกษาคัมภีร์วิชาอะไร เก่งมาจากไหน
ขงเบ้ง ว่า คนที่พูดจาอะไรก็ลอกตำรามานั้น เป็นคนไรความคิด หาประโยชน์อะไรไม่ได้ การศึกต้องอาศัยไหวพริบ รู้จักวิเคราะห์สถานการณ์(swot analysis) ไม่ใช่ยึดแต่ทฤษฏีในตำราแล้วก็ว่าไปตามอารมณ์ เป็นการเสียเวลาโดยใช่เหตุ แต่แล้วก็ยังแพ้อยู่ร่ำไป
เหยียมจุ้นคอตกนิ่งไป
เทียนตก ว่า ท่านนั้นพูดจาโอ้อวด ถึงตอนนี้ทุกคนยังไม่รู้ว่าท่านร่ำเรียนมาจากไหน ข้าพเจ้าคิดว่านักปราชญ์นักวิชาการตัวจริงจะต้องหัวเราะเยาะท่านอย่างแน่นอน
ขงเบ้ง ว่า นักปราชญ์นักวิชาการนั้นมี 2 ประเภท 1 คือปราชญ์แท้ ที่ซื่อตรงต่อหลักวิชา ประเภท 2 คือ ปราชญ์เทียม ดีแต่พูดโย้กโย้ไปมา หาประโยชน์อะไรไม่ได้
เทียนตกก็นิ่งไป
เมื่อเหล่าปราชญ์ของซุนกวนหมดข้อโต้แย้งที่จะหยุดขงเบ้งไม่ให้ไปชักจูงให้ซุนกวนรบกับโจโฉแล้ว โลซกก็พาขงเบ้งไปหาซุนกวนโดยโลซกนั้นกำชับกำขงเบ้งว่าอย่าบอกถึงสถานะการณ์จริงว่าโจโฉมีกำลังมาก เดี๋ยวซุนกวนจะกลัวไม่กล้ารบกับโจโฉ
พอขงเบ้งพบเจอกับซุนกวนแล้วก็วิเคราะห์ซุนกวนได้ว่าเป็นคนเจ้ายศเจ้าอย่างพูดจาชักชวนด้วยเหตุผลน่าจะยาก ใช้การยั่วยุจะได้ผลกว่า
หลังจากทักทายกันเรียบร้อย ขงเบ้งก็เข้าประเด็น บอกว่า กองทัพของเล่าปี่นั้นเป็นกองทัพเล็กๆไม่สามารถสู้กับทหารโจโฉที่มีรวมกันกว่าร้อยหมื่นได้
ลกซกก็ตกใจรีบเตือนขงเบ้งว่าอย่าพูดถึงกำลังของโจโฉจะทำให้ซุนกวนกลัวการศึก
ขงเบ้งก็พูดต่อว่า ถ้ายังลังเลว่าจะสู้หรือไม่สู้ก็ให้ยอมแพ้ดีกว่า
ซุนกวนจึงถามว่า แล้วทำไมเล่าปี่จึงไม่ยอมแพ้ ขงเบ้งจึงว่า เล่าปี่นั้นเป็นถึงเชื้อพระวงศ์ จะให้เล่าปี่ไปคุกเข่าแก่ศัตรูคนใดนั้นไม่มีทาง
ซุนกวนฟังแล้วก็โกรธ เหมือนถูกด่าว่าเป็นสามัญชน ไม่มีศักดิ์ศรี จึงลุกออกจากห้องประชุมไปอย่างไม่พอใจ
ขงเบ้งก็บอกกับโลซกว่าซุนกวนช่างเจ้าอารมณ์ ยังไม่ทันฟังวิธีปราบโจโฉก็ไปซะแล้ว
โลซกก็รีบไปไกล่เกลี่ยกับซุนกวนว่า ขงเบ้งนั้นมีวิธีจัดการโจโฉ แต่ท่านยังไม่ได้ถามขงเบ้งเรื่องนี้ ซุนกวนก็ใจเย็นลง
พอคุยกันอีกครั้งขงเบ้งก็วิเคราะห์สถานะการให้ซุนกวนฟังว่า กองทัพโจโฉเป็นทหารภาคเหนือ เดินทางมาไกลกำลังเหนื่อยล้า ทั้งยังไม่ชำนาญการรบทางน้ำ ส่วนทหารเกงจิ๋วที่ชำนาญการรบทางน้ำนั้นก็ไม่มีใจรบให้โจโฉ ถ้าท่านร่วมมือกับเล่าปี่ที่กังแฮ โจโฉก็จะต้องพ่ายแพ้กลับไป ซุนกวนได้ฟังก็คลายความวิตก สั่งเตรียมทัพรบกับโจโฉ แม้เหล่าฝ่ายบริหารจะคัดค้านก็ไม่รับฟัง
ก่อนซุนเซ็กตายนั้น เคยแนะนำซุนกวนว่า เรื่องภายในนั้นให้ฟังเตียวเจียว เรื่องภายนอกให้ฟังจิวยี่ ถึงซุนกวนจะสั่งเตรียมทัพแล้วแต่ก็ยังรอปรึกษาจิวยี่ ผู้ที่พี่ชายฝากฝังไว้ให้ปรึกษาในการศึกสงคราม จิวยี่เองก็ถูกพนักงานทั้งสองฝ่ายล็อบบี้ เพราะรู้ว่าสุดท้ายผู้ที่จะตัดสินใจว่าจะรบหรือไม่ก็คือจิวยี่ผู้นี้
ขงเบ้งก็รู้จึงได้เข้าไปคาราวะพูดคุยกับจิวยี่ถึงการศึก จิวยี่นั้นเป็นคนเก่ง มองการวิเคราะห์แล้วเห็นเป็นอย่างเดียวกับขงเบ้ง แต่ก็ยังทำอิดออดเล่นตัว เพื่อดูท่าที่ของขงเบ้ง ก็เลยถูกขงเบ้งที่ทำการบ้านมาดีกว่ายัวยุกลับ
โดยทำเฉยแม้จิวยี่จะไม่รบ โดยแนะนำไปว่าถ้าจะยอมแพ้เพียงแค่สงสองสาวงามแซ่เกียว ให้โจโฉๆก็จะยินดียกทัพกลับไป จิวยี่ได้ฟังก็โกรธ เพราะสองส่าวแซ่เกียวนั่นคนนึงคือภริยาจิวยี่ จิวยี่จึงประกาศออกรบกับโจโฉ
สรุป บทที่ 23
บทนี้เป็นการดำเนินการทางการฑูตของขงเบ้งกับองค์กรกังตั๋ง
ขงเบ้งกับเล่าปี่นั้นหวังจะช่วงชิงผลประโยชน์และโอกาส จากการที่สององค์กรนี้รบกัน
ทางโจโฉนั้นมีกำลังมาก ดังองค์กรที่มีทุนหนา ในขณะเดียวกัน กังตั๋งนั้นแม้จะเป็นองค์กรที่เล็กกว่า แต่ก็มีปัจจัยที่ได้เปรียบ ในเรื่องของความเป็นเจ้าตลาด ดินแดนแถบนี้ ซึ่งโจโฉแม้จะทุนเยอะ แต่ไม่มีความชำนาญ
เมื่อคิดถึงปัจจัยนี้แล้ว องค์กรกังตั๋งย่อมสู้ได้ เพียงแต่การแตกเป็นสองเสียงระหว่าง ฝ่ายการจัดการ กับฝ่ายการตลาด ทำให้องค์กรกังตั๋งปั่นป่วน
เมื่อมีองค์กรใหญ่ทุนหนาเข้ามาแย่งชิงตลาดนั้น ฝ่ายการจัดการก็กลัวองค์กรจะเจ๊ง จึงต้องยุให้บอร์ดบริหารอย่างซุนกวนนั่นยอมแพ้ให้โจโฉเทคโอเวอร์กังตั๋งไป
เมื่อไม่ต้องรบทุกคนก็ปลอดภัยอยู่เหมือนเดิม พนักงานฝ่ายจัดการก็ทำงานไปอย่างเดิม จะมีเปลี่ยนอย่างเดียวก็คือเปลี่ยนบอร์ดบริหาร เหมือนกับที่เล่าจ๋องยกเกงจิ๋วให้โจโฉเทค
ซึ่งซุนกวนเองก็นับเป็นเจ้านายที่ห่วงใยลูกน้อง ถึงได้ตัดสินใจไม่ถูกว่าควรจะรบหรือไม่รบดี
ขงเบ้งจึงเข้ามาชี้แจงเหตุและผลตอกหน้าฝ่ายบริหาร และสร้างความเชื่อมั่นให้ซุนกวนในการรบกับโจโฉ ทั้งความคิดอ่านของขงเบ้งยังตรงกับจิวยี่ซึ่งเป็นผู้ตัดสินใจด้านการภายนอก
ในองค์กรหนึ่งๆนั่น การภายในก็คือการบริหารจัดการ management มีหน้าที่จัดการกิจการภายในองค์กร ของฝ่ายกังตั๋งนั้นมีเตียวเจียวเป็น chief management officer หัวหน้าฝ่ายบริหาร ส่วนการภายนอกนั้นคือการตลาด marketing มีหน้าที่จัดการกิจการภายนอกองค์กร การกำหนดแนวทางวางแผนการรบกับคู่แข่งองค์กรอื่นๆ ของฝ่ายกังตั๋งนั้นมีจิวยี่เป็น chief marketing officer หัวหน้าฝ่ายการตลาด
 
เมื่อได้รับแรงหนุนจากหัวหน้าฝ่ายการตลาดจิวยี่ และแรงหนุนจากผู้ทีมีชื่อเสียงโด่งดังศาสตราจารย์ ด็อกเตอร์ มังกรหลับ ขงเบ้ง ผู้ซึ่งมีประสบการณ์จัดการเผาทหารโจโฉจำนวนมากได้โดยไม่เสียไพร่พล ประธานบอร์ดบริหารอย่างซุนกวนจึงมีความเขื่อมั่นในการต่อสู้แข่งขันกับฝ่ายองค์กรของโจโฉ
ขอบพระคุณที่ติดตามอ่าน
รังสรรค์ ใจอารีย์
@3kokstartup

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา