17 เม.ย. 2019 เวลา 02:56 • ปรัชญา
วิธีการปกครองคนแบบ “สามก๊กแบบโจโฉ”
ภาพ : phumpanya
เมื่อโจโฉสอนโจผี
โจโฉเป็นตัวละครหนึ่งในเรื่องสามก๊กที่ขึ้นชื่อว่ามีเล่ห์เหลี่ยมและกลอุบายมากมาย เขามีลูกชายที่มาสืบทอดอำนาจต่อชื่อว่าโจผี
1
โจโฉได้สอนโจผีเกี่ยวกับการใช้คนในการปกครองบ้านเมืองลูกชายไว้ว่า… อย่าให้อำนาจกับคนดี ฟังแล้วอาจจะงงๆว่าเพราะอะไร งั้นมาลองดูกัน
1
โจโฉ : เจ้าจะปกครองบ้านเมืองแบบไหน…?
โจผี : เราควรจะส่งเสริมขุนนางที่ซื่อสัตย์ ส่งเสริมคนดีให้มีอำนาจ
โจโฉ : ผิดแล้ว…เราไม่ควรส่งเสริมขุนนางที่ซื่อสัตย์
1
โจผี : อ้าว…ทำไมล่ะ?
โจโฉ : ขุนนางซื่อสัตย์จะโค่นล้มเรา ความซื่อสัตย์จะทำให้ประชาชนรักเขา วันหนึ่งเขาจะเป็นอันตรายกับเรา… เราต้องส่งเสริมขุนนาง “กังฉิน” ไม่ใช่ “ตงฉิน” ให้อำนาจ “กังฉิน” ดูแลบ้านเมือง
ภาพ : สามก๊กวิทยา
โจผี : เลี้ยงเขาให้ดี… ให้เงินทองใช้…?
โจโฉ : ผิดแล้ว… จงอย่าเลี้ยงมันให้ “อิ่ม” เสืออิ่มจะไม่กัด…ให้เงินเดือนมันน้อยๆ กังฉินกินไม่พอ มันก็จะเอาอำนาจที่เราให้มัน ไปหาประโยชน์กับประชาชน
เมื่อกังฉินใช้อำนาจเราหากิน มันกลัวจะหมดอำนาจที่นำไปใช้ในการหากิน มันก็จะปกป้องเรา… เราก็จะปลอดภัย เท่านั้นยังไม่พอ กังฉินจะมีความผิด เป็นชนักปักหลัง กังฉินคนไหนทรยศ เราก็ใช้ข้อหาที่มันโกงกินเล่นงานมัน
5
โจผี : แต่ทำอย่างนั้นไปนานๆ ประชาชนจะเดือดร้อนมากขึ้นๆ จะไม่ลุกมาโค่นล้มเราหรือ
โจโฉ : อย่ากลัวไปเลย… การเลี้ยงกังฉินมีวิธีการ 1. จงอย่าเลี้ยงให้อิ่ม และ 2. จงอย่าเลี้ยงให้มันสามัคคี
1
โจผี : อย่าเลี้ยงให้สามัคคี ทำอย่างไร…?
1
โจโฉ : จงให้อำนาจแก่คนที่ไม่ควรจะได้
1
โจผี : ทำอย่างนั้นจะได้อะไร?
โจโฉ : ได้กังฉินไว้ปราบกังฉิน…
2
เมื่อกังฉินที่ปกครองเมืองใดทำประชาชนเดือดร้อนมากๆ มีท่าทีจะก่อความวุ่นวายลุกลามมาถึงเรา เราก็ให้อำนาจสั่งการแก่กงฉินอีกเมืองมาปราบมันลง… เมื่อโค่นสำเร็จประชาชนก็จะแซ่ซร้องสรรเสริญเรา…
เราจะได้รับความดีความชอบไปในตัว ประชาชนจะรักเราด้วยแรงนิยมที่ให้คนมาขับไล่กังฉินเก่านี่เอง กับกังฉินใหม่นั้น จะช่วยเราปกครองอย่างสงบเข้าที่เข้าทางต่อไปอีกหลายปี และเมื่อถึงเวลา…เราก็ทำแบบเดิมไปเรื่อยๆ วิธีนี้เราก็จะอยู่ได้ตลอดไป
โจโฉ” เป็นนักบริหารที่ประสบความสำเร็จคนหนึ่งในประวัติศาสตร์ เก่งทั้งบุ๋นและบู๊ ความสามารถของโจโฉได้รับการยอมรับทั้งด้านวรรณกรรมและการเมืองทหาร เป็นตัวละครที่มีสีสันที่สุดในวรรณกรรมสามก๊ก มีอารมณ์ขันแอบซ่อนอยู่ในความเหี้ยมโหด และด้วยนิสัยขี้เล่นมีอารมณ์ขันอย่างตรงไปตรงมา จึงมีส่วนช่วยให้โจโฉประสบความสำเร็จในทางการเมือง
การบริหารสไตล์ “โจโฉ” เน้นเรื่องการบริหารคน เพราะบุคลากรที่มีคุณภาพเปรียบเสมือนเป็นทรัพยากรสำคัญขององค์กร จึงคัดเลือกคนที่มีความสามารถและจัดคนให้เหมาะกับงานที่มอบหมาย โดยไม่ถืออคติต่อภูมิหลัง ไม่ยึดหลักศักดินา ไม่ยึดพวกพ้องเครือญาติ ขอแค่เป็นคนที่มีความสามารถไม่ว่าจะเป็นคนดีหรือคนชั่วก็จะเปิดโอกาสให้แสดงฝีมืออย่างเต็มที่ ทำให้ลูกน้องตื่นตัวตลอดเวลา มีการแข่งขันกันสูง เพราะเต็มไปด้วยคนเก่ง และใช้เกณฑ์การประเมินที่ยุติธรรม ด้วยการวัดจากผลงาน ใครทำถูกใจก็ได้ความดีความชอบไป ใครผิดพลาดก็ถูกลงโทษ นอกจากนี้ยังรู้จักใช้จิตวิทยาจัดการกับลูกน้อง ทำให้โจโฉได้ใจลูกน้อง มีทั้งกุนซือและยอดขุนพลมากที่สุด แต่ด้วยเหตุที่ต้องการผลสำเร็จเป็นสำคัญ ทำให้โจโฉต้องติดภาพเหี้ยมโหดไปโดยปริยาย
1
(ประวัติการสงครามของโจโฉ)
โจโฉเป็นหนึ่งในแม่ทัพของฝ่ายราชวงศ์ฮั่นที่ออกปราบกบฏซึ่งมี “เตียวก๊ก” เป็นหัวหน้า มีพระเจ้าเลนเต้เป็นจักรพรรดิ โจโฉ มีชื่อรองว่า เมิ่งเต๋อ เป็นบุตรของอดีตข้าหลวงในวังชื่อว่าโจโก๋ เดิมมิใช่แซ่ “โจ” แต่แซ่ “แฮหัว” ในวัยเด็กเป็นคนไม่เอาไหน มีรูปร่างเล็ก หนวดยาว ฉลาดแบบเจ้าเล่ห์ เก่งในการเอาตัวรอด เชี่ยวชาญตำราพิชัยสงคราม แต่ก็ชื่นชอบในศิลปะ อุปนิสัยรอบคอบ โจโฉได้รับความดีความชอบในการปราบโจรโพกผ้าเหลือง แต่ท้ายสุดถูกหักหลัง ต่อมาเมื่อตั๋งโต๊ะเป็นใหญ่ โจโฉก็ร่วมมือกับเจ้าเมือง 18 หัวเมืองตั้งเป็น "กองทัพสิบแปดหัวเมือง" โดยมี อ้วนเสี้ยวเป้นแม่ทัพใหญ่ ปราบตั๋งโต๊ะ ระหว่างหลบหนีจากการผิดพลาดในการสังหารตั๋งโต๊ะ โจโฉได้พบกับนายอำเภอคนหนึ่งชื่อ ตันก๋ง ระหว่างพักค้างแรม โจโฉได้สังหารแป๊ะเฉีย และคนในครอบครัว ด้วยเข้าใจผิดในความปรารถนาดีของแป๊ะเฉียที่จะฆ่าหมูมาเลี้ยง ความโหดเหี้ยมของโจโฉจึงปรากฏในตอนนี้ โจโฉได้กล่าววาจาที่แสดงถึงตัวตนของเขาได้ชัดเจนว่า "ข้ายอมทรยศคนทั้งโลก แต่ไม่ยอมให้ใครทรยศข้า" เมื่อโจโฉตั้งตัวได้ ก็กล้าที่จะปลอมราชโองการ กล้าที่จะแอบอ้างราชโองการเพื่อที่จะกำจัดฝ่ายตรงข้าม ทำให้ในที่สุด โจโฉได้รับการสถาปนาเป็นสมุหนายก หลังจากนั้น ก็ มหาอุปราช(ไจเสี่ยง) มีอำนาจสามารถสั่งการแทนฮ่องเต้ ทำให้มีอำนาจล้นฟ้า ไม่มีใครที่จะคานอำนาจ จึงกล้าถึงขนาดทดสอบบารมีของพระเจ้าเหี้ยนเต้ด้วย จนพระเจ้าเหี้ยมเต้ต้องแอบเขียนหนังสือลับด้วยโลหิตตนเองถึงเล่าปี่ ให้จัดการกับโจโฉที่ทำตนเป็นตั๋งโต๊ะอีกคน
1
โจโฉ ได้ครองเมืองลกเอี๋ยง ซึ่งเป็นเมืองหลวง ทำให้แคว้นวุยก๊กของเขาเป็นแคว้นที่ใหญ่ที่สุด มีไพร่พลมากที่สุด มีบุคลากรมากที่สุด มั่งคั่งและอุดมสมบูรณ์มากที่สุด โจโฉ มีภรรยา 3 คน กับภรรยาคนแรกไม่มีบุตร ภรรยาคนที่สอง มีบุตรเพียงคนเดียวเป็นชาย ชื่อ โจงั่ง ตายเมื่อครั้งสงครามกับอ้วนเสี้ยว กับภรรยาคนที่สาม คือ นางเปียนสี มีบุตรชายทั้งหมด 4 คน คือ โจผี โจเจียง โจสิด และ โจหิน ซึ่งโจโฉรักภรรยาคนนี้มาก ยกให้เป็นภรรยาหลวง
โจโฉ ในบั้นปลายชีวิต ป่วยเป็นโรคประสาท มักปวดหัวอยู่เสมอ ๆ เมื่ออาการหนักขึ้นก็เห็นภาพหลอน ก่อนตาย โจโฉเห็นหัวที่ถูกตัดแล้วของกวนอูลืมตาขึ้นได้ จึงละเมอว่ากวนอูจะมาเอาชีวิต โจโฉสิ้นชีวิตเมื่ออายุได้ 66 ปี และภายหลังการสิ้นของโจโฉ โจผี ลูกชายคนรองก็ขึ้นมา และถอดพระเจ้าเหี้ยนเต้ออกจากตำแหน่ง และสถาปนาตนเองเป็นพระเจ้าโจผี ราชวงศ์วุย และยกย่องโจโฉบิดาของตนขึ้นเป็นปฐมกษัตริย์ของราชวงศ์วุย
1
(โจโฉสุดยอดของคำว่าเจ้านาย)
โจโฉมีความสามารถในการบริหารสูงมาก คือ รู้จักเลือกใช้คนอื่นทำงานแทนตัว ผู้บริหารไม่จำเป็นต้องทำได้ หรือรู้ในทุกเรื่อง แต่ต้องรู้จักเลือกคนที่มีความเหมาะสม โจโฉร่วมกับเหล่าขุนนางดีๆ หาทางฆ่าตั๋งโต๊ะ โจโฉได้รวบรวมไพร่พลจัดตั้งกองทัพปฎิวัติขึ้นและแต่งตั้ง อ้วนเสี้ยว เป็นแม่ทัพสูงสุด ถ้าเป็นปัจจุบันนี้จะเรียกว่า ผบทบ. นั่นเอง มีคนมาสมัครเข้าร่วมกับกองทัพเป็นจำนวนมาก ในจำนวนนั้นมี เล่าปี่ กวนอู และเตียวหุยที่รวบรวมคนมาได้จำนวนหนึ่งอาสาเข้ามาด้วยสามคนนี้ อ้วนเสี้ยว เห็นแต่แรกแล้ว แต่นึกดูแคลนดูถูก คนอื่นๆ ในกองทัพก็คิดแบบเดียวกัน ยกเว้นโจโฉ นักอ่านคนผู้เฉลียวฉลาด ออกรบครั้งแรกแม่ทัพของกองทัพปฎิวัติโจโฉมีทั้งหมด 17 กอง ตายหมดโดนฮัวหยง องครักษ์ของลิโป้ตัดหัวในสนามรบตั้งแต่ยังรบไม่ถึง 3 เพลงด้วยซ้ำ ทำให้คนอื่นที่เหลือกลัวจนไม่กล้าออกไปรบอีก กองทัพของโจโฉจัดประชุมเพื่อแก้ไขปัญหา ใครๆ ก็ไม่กล้า กวนอูอาสาขอออกไปรบเองแต่กลับโดน อ้วนเสี้ยวสั่งเฆี่ยน โทษฐานที่ไม่รู้จักเจียมตัว โจโฉเห็นแบบนั้นเลยออกมาคัดค้านขอให้คิดใหม่น่าจะให้กวนอูลองออกรบดูเพราะถ้าทำไม่ได้อย่างไรกวนอูก็ต้องถูกฆ่าตายอยู่ดี แต่อ้วนเสี้ยวก็ยังยืนกรานเช่นเดิม โจโฉจึงขอมติที่ประชุม มติที่ประชุมเห็นด้วยกับโจโฉกวนอูจึงได้ออกไปรบ (ความเป็นผู้นำที่ดีของโจโฉ ถึงแม้ ตัวเองจะเป็นนายใหญ่แต่ในกองทัพอ้วนเสี้ยวเป็นใหญ่ ถ้าโจโฉจะสั่งคำเดียวก็ทำได้ แต่จะเป็นการก้าวก่ายงานของผู้ใต้บังคับบัญชา) โจโฉเลือกใช้มติที่ประชุม อ้วนเสี้ยวมีเสียงเดียวก็เลยแพ้ โจโฉแสดงน้ำใจต่อผู้กล้าหาญโดยการรินเหล้าให้กวนอูแต่กวนอูบอกยังไม่รับเพราะตัวเองต่ำต้อย no name และเกรงว่าคนจะว่ารบได้เพราะเมา ว่าแล้วก็เดินออกไปนอกค่าย คนอื่นๆ ก็เดินตามไปดูห่างๆ พวกที่เดินตามไปดูยังเดินไม่พ้นประตู กวนอูก็เดินสวนกลับมาพร้อมกับหัวของฮัวหยง กลับมาถึงก็รับเหล้าจอกนั้นดื่ม อ้วนเสี้ยวไม่พอใจและประกาศว่าถ้าให้รางวัลกวนอูก็จะถอนทหารของตนออกจากกองทัพปฎิวัติ แต่โจโฉฉลาดที่จะซื้อใจกวนอูด้วยการ นำเอา หมู ไก่ เหล้า ไปให้สามพี่น้องเป็นการส่วนตัวถึงที่แทน งานนี้โจโฉซื้อใจกวนอูได้หมดใจ นอกจากการรู้จัก ดูคน เลือกใช้คนเป็นแล้ว โจโฉยังรู้จักการบำรุงขวัญทหารให้ภัคดี ที่สำคัญเป็นผู้นำที่ไม่ถือตัวเรียกว่าเป็นเสน่ห์ของคนเป็นนายที่รู้จักให้เกียรติผู้น้อยนั่นเอง
4
ภาพ : สามก๊กวิทยา
ภาพ : สามก๊กวิทยา
"ขอให้ทุกท่านมีความสุขกับการอ่านนะครับ ขอบคุณสำหรับทุกการติดตามอ่านมากๆนะครับ 😄🙏"
เรียบเรียงเนื้อหา/นำเสนอโดย :
"สาระหลากด้าน"
โฆษณา