Blockdit Logo
Blockdit Logo (Mobile)
สำรวจ
ลงทุน
คำถาม
เข้าสู่ระบบ
มีบัญชีอยู่แล้ว?
เข้าสู่ระบบ
หรือ
ลงทะเบียน
Medium size Pilot
•
ติดตาม
5 พ.ค. 2019 เวลา 04:59 • ประวัติศาสตร์
ประวัติศาสตร์การบินโลก
ตอนที่ 3 เมื่อมนุษย์สามารถบินได้ดั่งนก
เทคนิคการร่อนของ อ๊อตโต้ ลิเลียนธาน รวมกับข้อมูลการบินแบบติดเครื่องยนต์ของ ศาสตราจารย์แลงลีย์ เป็นแนวทางสำคัญที่ทำให้สองพี่น้องตระกูลไรท์ ประสบความสำเร็จในการสร้างเครื่องบิน
Otto Lilienthal
Samuel Langley
วิลเบอร์ ไรท์ และ ออร์วิล ไรท์ (Wilbur - Orville Wright) วิลเบอร์เกิดเมื่อวันที่ 16 เมษายน ค.ศ. 1867 ที่เมืองมิลล์ วิลลี่ ในรัฐอินเดียน่า และ ออร์วิลเกิดเมื่อวันที่ 19 สิงหาคม ค.ศ. 1871 ที่เมืองเดย์ตัน ในรัฐโอไฮโอ
สองพี่น้องสมัยยังเด็ก
บิดาของเขาเป็นนักบวชชื่อว่า มิลตัน ไรท์ (Milton Wright) มารดาชื่อว่า ซูซาน ไรท์ (Susan Wright)
ในวันคริสต์มาสปีหนึ่ง สมัยที่สองพี่น้องยังเป็นเด็ก บิดาได้มอบของขวัญเป็นเครื่องบินเด็กเล่นที่ทำด้วยไม้ไผ่ ลำตัวมีกระดาษหุ้มและสามารถพุ่งไปในอากาศได้ โดยการยิงด้วยหนังสติ้ก
เด็กทั้งสองชอบเครื่องบินเด็กเล่นนี้มาก จึงได้พยายามอ่านหนังสือทุกเล่มที่เขียนเกี่ยวกับเทคนิคการเดินทางของคนในอากาศเพื่อสร้างเครื่องบินเอง
ทั้งสองได้รับการศึกษาเพียงแค่ชั้นมัธยมเท่านั้น หลังจากออกจากโรงเรียนแล้ว วิลเบอร์ได้เปิดโรงพิมพ์ และร้านซ่อมจักรยานขึ้นที่เมือง เดย์ตันในรัฐโอไฮโอ และเมื่อออร์วิลเรียนจบก็ได้มาทำงานในร้านจักรยานด้วยกัน
ถึงแม้ว่าจะไม่ได้เรียนสูง แต่ทั้งสองก็ยังสนใจเรื่องเทคโนโลยีการบินมาตลอด และได้แนวคิดว่า ถ้าหากพวกเขาสามารถเปลี่ยนความดันอากาศที่กระทำต่อส่วนต่างๆ ของยานขณะบินโดยใช้การปรับเปลี่ยนตำแหน่งปีกของเครื่องบิน พวกเขาก็จะสามารถบังคับเครื่องบิน และเครื่องบินก็จะทรงตัวอยู่ได้ ซึ่งเทคนิคที่สองพี่น้องคิดได้นี้ ต่อมาถูกพัฒนาจนกลายเป็น aileron
Aileron
ระหว่างนั้นก็มีข่าวการทดลองเครื่องร่อนในเยอรมัน ของลิเลียนธาล แต่การบินครั้งนั้นไม่ประสบความสำเร็จ และทำให้ลิเลียนธาลต้องเสียชีวิต แต่ถึงอย่างนั้นก็ไม่ได้ทำให้ทั้งสองละทิ้งฝันในเรื่องการบินไปแต่อย่างใด
ในปี ค.ศ. 1900 ทั้งสองจึงตัดสินใจสร้างเครื่องบินลำแรกขึ้น โดยเครื่องบินของพวกเขามีลักษณะคล้ายกับเครื่องร่อนทำด้วยโครงเหล็ก ส่วนปีกทำด้วยผ้า และใช้เครื่องยนต์ขนาด 12 แรงม้า
ทั้งสองได้นำเครื่องบินทดลองบินระยะสั้น ๆ แต่เครื่องบินนี้บินได้เพียงแค่ 1-2 นาที เท่านั้น อีกทั้งยังไม่สามารถควบคุมทิศทางการบินได้
ต่อมาทั้งสองได้เดินทางกลับไปที่เมืองเดย์ตัน เพื่อสร้างเครื่องบินลำที่ 2 ซึ่งมีขนาดใหญ่กว่าเดิม และมีรูปร่างที่เปลี่ยนไปจากเดิม
เมื่อสร้างสำเร็จ พวกเขาได้นำไปทดลองบินเช่นเคย แต่ก็ยังมีข้อบกพร่องอีกหลายอย่าง คือ เครื่องบินมีขนาดใหญ่เกินไป ทำให้มีน้ำหนักมากไม่สามารถบินขึ้นได้
ทั้งสองพยายามปรับปรุงข้อบกพร่องทั้งหลายที่มีอยู่ พวกเขาสร้างเครื่องบินขึ้นอีกหลายลำ แต่ก็ยังไม่ประสบความสำเร็จ จนกระทั่งพวกเขาเริ่มรู้สึกท้อแท้ แต่ก็ยังทำการค้นคว้าต่อไป
ในปี ค.ศ. 1902 ทั้งคู่ได้ออกแบบสร้างอุโมงค์ลม ตามคำแนะนำของออคตาฟ ชานุท ซึ่งเป็นผู้ให้ความรู้เกี่ยวกับเรื่องความกดอากาศ
อุโมงค์ลมของพี่น้องไรท์
ทั้งสองได้นำการทดลองภายในอุโมงค์ลมมาปรับปรุงเครื่องบิน โดยการเพิ่มหางเสือทางด้านหน้า และด้านหลังของตัวเครื่อง เพื่อควบคุมทิศทางการบิน
ปีกของเครื่องบินเป็นปีก 2 ชั้น ขนาดประมาณ 32 ฟุต ซึ่งสามารถขยับขึ้นลงได้ พวกเขาได้นำเครื่องบินลำนี้ไปทดลองบินที่ คิลล์ เดฟวิลล์ ฮิลล์ โดยทดลองอยู่นานถึง 39 วัน และทดลองบินกว่า 1,000 ครั้ง ซึ่งก็ประสบความสำเร็จในการควบคุมทิศทางของเครื่องบิน และระยะเวลาที่เครื่องบินอยู่บนอากาศ
ต่อมาทั้งสองอยากที่จะปรับปรุงเครื่องยนต์ให้มีน้ำหนักเบาขึ้น จึงติดต่อบริษัทผลิตเครื่องยนต์ โดยต้องการเครื่องยนต์ขนาด 8 แรงม้า และน้ำหนักประมาณ 160 ปอนด์ แต่ไม่มีบริษัทใดสนใจจะผลิตให้เลย
ดังนั้นทั้งสองจึงลงมือประดิษฐ์เครื่องยนต์เอง โดยเครื่องยนต์ที่ทั้งสองประดิษฐ์ขึ้นมานั้น มีขนาด 12-16 แรงม้า น้ำหนัก 170 ปอนด์
ต่อมาในเดือนพฤศจิกายน ค.ศ. 1903 ทั้งสองได้นำเครื่องบินทดลองที่มีขนาดลำตัวยาว21 ฟุต สูง 10 ฟุต ส่วนปีกมีความยาว 40 ฟุต 4 นิ้ว น้ำหนักรวมประมาณ 605 ปอนด์ มาทดลองบิน แต่ก็ล้มเหลวเนื่องจากสภาพอากาศไม่ดี
ทั้งสองจึงมีความคิดว่า เครื่องบินของเขาต้องมีล้อเพื่อจะได้ขึ้นบินได้โดยไม่ต้องอาศัยสภาพอากาศ
นอกจากนั้นพวกเขายังสร้างทางวิ่งขึ้นหรือรันเวย์ยาว 600 เมตร และทำการทดลองบินอีกครั้งในวันที่ 28 พฤศจิกายน ปีนั้นเอง แม้ว่าจะมีล้อและรันเวย์ แต่เครื่องบินของพวกเขาก็ยังต้องการแรงผลักจากคนอยู่ดี
คราวนี้พวกเขาจึงทำการปรับปรุงโดยใช้ล้อของรถบรรทุก มาเชื่อมกับโซ่แล้วนำมาต่อเข้ากับเฟืองของเครื่องยนต์ ทำให้ล้อหมุนได้โดยไม่ต้องอาศัยคนผลัก
พวกเขาได้ทดลองขึ้นบินในวันที่ 14 ธันวาคมปีเดียวกันที่รัฐนอร์ท คาโรไลนา (North Carolina) โดยมีวิลเบอร์เป็นคนขับเครื่องบินแต่ก็ยังไม่ประสบความสำเร็จ
และแล้วในวันที่ 17 ธันวาคม นี้เอง วันนั้นเป็นวันที่อากาศค่อนข้างหนาว และลมพัดแรง
บริเวณหาดมีสองพี่น้องตระกูลไรท์กับเครื่องบิน ไม่มีผู้สื่อข่าว ไม่มีผู้ทรงคุณวุฒิจากมหาวิทยาลัยใดๆ และไม่มีแม้แต่นักการเมืองที่จะมาอ้างการสนับสนุนจะมีก็แต่ชาวนาชื่อ ดับเบิลยู.ซี. บริงคลี่ (W.C. Brinkly) และยามชายฝั่งที่มีหน้าที่ช่วยชีวิตคนตกน้ำ 3 คนชื่อ เจ.ที. แดเนียล (J.T. Daniels), ดับเบิลยู.เอส. โด (W.S. Dough) และ เอ.ดี. อีเธอริดจ์ (A.D. Etheridge) กับเด็กหนุ่มชื่อ จอห์นนี่ มัวร์ (Johny Moor) ที่อยากรู้อยากเห็นทุกเรื่อง
คนเหล่านี้ไม่ได้ตระหนักแม้แต่น้อยเลยว่าเหตุการณ์ที่กำลังจะเกิดในวันนั้น จะมีความสำคัญมากอย่างไรในประวัติศาสตร์ของมนุษย์ชาติ
เมื่อถึงเวลา 10.35 นาฬิกา เครื่องร่อนชื่อ Flyer ที่มีปีกทำด้วยผ้าลินินก็พร้อมจะบิน เมื่อวิลเบอร์เป็นผู้ชนะการเสี่ยงโชค เขาจึงได้ขึ้นเครื่องเพื่อทดลองบินก่อน แต่ในครั้งแรกเขาไม่สามารถจะนำเครื่องขึ้นได้
ออร์วิลจึงขึ้นเครื่องเป็นคนต่อไปเพื่อลองบินบ้าง และสามารถนำเครื่องไปได้ไกล 200 ฟุต โดยเครื่องบินขึ้นสูง 10 ฟุตเป็นเวลานาน 12 วินาที
ภาพประวัติศาสตร์เครื่องบินลำแรกที่บินได้สำเร็จ
พวกเขาทั้งสองกับแดเนียล ได้ทดลองบินอีก 3 ครั้ง ปรากฏว่าครั้งที่นานที่สุด บินได้นานถึง 59 วินาที ที่ระยะสูง 16 ฟุต และเครื่องไปได้ไกล 920 ฟุต
เมื่อการทดลองประสบความสำเร็จ สองพี่น้องจึงได้พัฒนาเครื่องบินต่อ จนเครื่องบินของเขาสามารถบินได้นานขึ้นและไกลขึ้น
ในเดือนกันยายน ปี ค.ศ.1905 เครื่องบินของสองพี่น้องตระกูลไรท์ ชื่อ Flyer III สามารถบินวนเป็นวงกลมได้ระยะทาง 40 กิโลเมตร จึงขอจดสิทธิบัตรกับรัฐบาลสหรัฐฯ แต่ถูกปฏิเสธ เพราะไม่มีใครเชื่อเรื่องคนสามารถบินได้ แม้แต่หนังสือพิมพ์ The Herald Tribune ก็ไม่ลงข่าวให้ เพราะคิดว่าเป็นเรื่องโกหก
1
Flyer III มีระบบเกียร์ซึ่งควบคุมด้วยมอเตอร์ไฟฟ้าไว้ใช้ปรับมุมใบพัด
แม้ที่อเมริกาจะไม่มีใครสนใจเรื่องเครื่องบิน แต่ที่ฝรั่งเศสและเยอรมนี มีนักประดิษฐ์ที่สนใจสร้างเครื่องบินหลายคน เช่น คาร์ล เจโธ (Karl Jatho) วิศวกรชาวเยอรมัน ซึ่งอ้างว่าเครื่องบินที่เขาสร้างได้ทะยานขึ้นท้องฟ้าเมื่อวันที่ 5 สิงหาคม ก่อนเครื่องบินของสองพี่น้องตระกูลไรท์ ถึง 4 เดือน
Karl Jatho กับเครื่องบินของเขา
ภายหลังเขาได้เปิดโรงเรียนสอนการบินและบริษัทผลิตเครื่องบินที่เมือง Hanover แต่ก็ไม่ได้สำเร็จมากนัก
เครื่องบินจึงนับเป็นสิ่งประดิษฐ์ที่ถูกสร้างขึ้นในเวลาไล่เลี่ยกัน โดยนักประดิษฐ์หลายคนที่ต่างก็ไม่ได้รู้เห็นความคิดและการทดลองของกันและกันมาก่อน
จนกระทั่งปี ค.ศ. 1908 เครื่องบินของสองพี่น้องก็สามารถบินอยู่ในอากาศได้นานถึง 1 ชั่วโมง 15 นาที โดยเครื่องบินลำนี้มีลำตัวยาว 28 ฟุต ความยาวปีก 40 ฟุต น้ำหนัก 322 ปอนด์ ใช้เครื่องยนต์ขนาด 20 แรงม้า สามารถบินได้เร็ว 56 กิโลเมตรต่อชั่วโมงและมีที่นั่งสำหรับผู้โดยสารอีก 1 ที่นั่ง
แต่ในภายหลังเครื่องบินก็ประสบอุบัติเหตุที่ ฟอร์ท ไมเออร์, รัฐเวอร์จิเนีย ออร์วิลได้รับบาดเจ็บ แต่ผู้โดยสารชื่อว่า Lt. Thomas Selfridge เสียชีวิต นับเป็นผู้โดยสารที่เสียชีวิตคนแรกจากเครื่องบิน
Credit: Wired
เมื่อการทดสอบในปีต่อๆ มาได้ผลดี รัฐบาลสหรัฐฯ จึงได้ประกาศยอมรับว่า การโดยสารโดยเครื่องบินเป็นเรื่องปลอดภัย และการเดินทางในอากาศเป็นเรื่องที่เป็นไปได้
จากนั้นก็อนุญาตให้สองพี่น้องจดสิทธิบัตรได้ ทั้งสองจึงนำเครื่องบินไปบินแสดงในยุโรปที่ เมือง Le Mans, เมือง Pau และ กรุงโรม
การสาธิตการบินทุกครั้งมีฝูงชนมาเฝ้าดูมากมาย รวมถึงกษัตริย์แห่งอังกฤษ สเปน และอิตาลีด้วย
วิลเบอร์เสียชีวิตในวันที่ 30 พฤษภาคม ค.ศ. 1912 ด้วยโรคไทฟอยด์ ส่วนออร์วิลเสียชีวิตในวันที่ 30 มกราคม ค.ศ. 1948 ทั้งสองเสียชีวิตที่เมืองเดย์ตัน รัฐโอไฮโอ ประเทศสหรัฐอเมริกา
ซ้าย วิลเบอร์, ขวา ออร์วิล
หลังจากที่มนุษย์บินบนท้องฟ้าได้ การบินก็มีการพัฒนาต่อเนื่องเรื่อยมา แต่ไม่น่าเชื่อว่าในเวลาเพียงแค่ 66 ปีเท่านั้น มนุษย์ก็สามารถไปได้ถึงดวงจันทร์
ติดตามตอนต่อไป เร็วๆนี้นะครับ
อ่านย้อนหลังได้ที่ลิ้งค์ข้างล่างครับ
ตอนที่ 1
https://www.blockdit.com/articles/5cc9dc438240810ffd399b99
ตอนที่ 2
https://www.blockdit.com/articles/5ccaec59d0520039023e6a0e
3 บันทึก
13
10
ดูเพิ่มเติมในซีรีส์
ประวัติศาสตร์การบินโลก by Medium size Pilot
3
13
10
โฆษณา
ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
© 2025 Blockdit
เกี่ยวกับ
ช่วยเหลือ
คำถามที่พบบ่อย
นโยบายการโฆษณาและบูสต์โพสต์
นโยบายความเป็นส่วนตัว
แนวทางการใช้แบรนด์ Blockdit
Blockdit เพื่อธุรกิจ
ไทย