9 มิ.ย. 2019 เวลา 06:59 • การศึกษา
สาวทำกระเป๋าแบรนด์เนมหรูหาย ... แต่ "นวย" คนจน ใจดีเก็บได้ส่งคืน พร้อมจดหมายทำให้เจ้าของต้องอมยิ้ม
แห่ชื่นชม "นวย" ผู้ไม่เล่นเฟซบุ๊ก หลังเก็บกระเป๋าสตางค์ แบรนด์ดังคืนสาว เจ้าของอยากตอบแทนแต่ปฏิเสธ บอกเงินในกระเป๋ามีแค่นั้น เก็บไว้เถอะขอแค่เหล้า ๒ ขวดก็พอ
ไทยรัฐ
ตามที่ร้อยเวรเคยให้ข้อมูลไว้ว่า เรื่องการเก็บทรัพย์สินที่ตกหล่นได้นั้น หากท่านเก็บได้ทางกฎหมายให้ผู้ที่เก็บได้เรียกร้องเอารางวัลจากเจ้าของได้ร้อยละ ๑๐ ของ ๓๐,๐๐๐ บาท
และถ้าราคาที่เกินกว่า ๓๐,๐๐๐ บาท ในส่วนที่เกินนั้นอีกร้อยละ ๕ ในส่วนที่ของราคาที่เกิน (ถ้าเขาไม่ได้เงินตอบแทนเลยเขาอาจจะไม่คืน กฎหมายก็ให้ทางออกไว้ ถ้าคืนเจ้าของก็ได้ผลตอบแทน)
แต่ถ้าหากเวลาล่วงเลยไป ๑ ปี (ระยะเวลาที่ให้เจ้าของตามหาทรัพย์สิน) ยังไม่มีเจ้าของมารับคืน คนเก็บได้ก็มารับเอาไป (ถือว่าเป็นเงินไม่มีเจ้าของ หรือเจ้าของสละไม่เอาเสียแล้ว) ส้มหล่นลูกนี้ก็ตกแก่ผู้เก็บได้ไป
เรื่องส้มหล่น “ส้มหล่น”https://www.blockdit.com/articles/5cf37b2e93b2263087a6de5b
ดังนั้น จากข่าวเป็นกระเป๋าเงิน “ชาแนล คลาสสิค Flap Wallet” ราคาประมาณ ๓๐,๐๐๐ บาท นายนวยก็ควรจะได้รางวัลเป็นค่าตอบแทนประมาณ ๓,๐๐๐ บาท
แต่น้ำใจนวย มีค่ามากกว่านั้น ^^
การเก็บทรัพย์สินหายได้นั้น กฎหมายไทย กำหนดให้เป็นหน้าที่ไม่ใช่ทางเลือกของคนที่เก็บเงินได้
ดังนั้นถ้าท่านไม่ทำหน้าที่เอาเงินไปคืนเจ้าของ ท่านจะถูกดำเนินคดี ฐานยักยอกทรัพย์สินหาย แทน (ส่วนใหญ่ก็จะวัดดวง ถ้าไม่มีใครเห็นก็เอาไว้ก่อน)
และยิ่งไปกว่านั้น ร้อยเวรเคยเจอคดี นอกจากเก็บทรัพย์สินของคนอื่นได้แล้วยังเรียกร้องมากกว่านั้น ถ้าไม่ได้เงินตามที่เรียกร้อง จะไม่ยอมคืนจะเอาไปขายคนอื่นแทน
แทนที่ตนเองจะได้รางวัล ก็กลายมาเป็นได้ คดีความแทน
พวกนี้ต้องดำเนินคดีข้อหาหนัก กรรโชกทรัพย์ผู้อื่น ให้เข็ดหจะได้หลาบจำ ว่า ของคนอื่นเราไม่ควรอยากได้
และเช่นกัน มันเป็นหน้าที่ของเจ้าของทรัพย์สินด้วย ควรให้รางวัลกับคนที่เจอและเก็บคืน ไม่ใช่แค่กล่าวขอบคุณ ถ้าเขาไม่เอาก็อีกเรื่องหนึ่ง(ไม่ได้หวังอะไร) ทั้งนี้ เคยมีข่าวคนเก็บเงินได้ ๒ ล้านบาท ส่งคืนเจ้าของ แต่เจ้าของให้ขนม ๒ ถุง
ผู้ใช้เฟซบุ๊ก ปุณณารมย์ สุภาพรลภัสกร ได้แชร์ภาพกระเป๋าสตางค์แบรนด์ดัง สีดำ ที่ถูกส่งคืนมาทางไปรษณีย์โดยทุกอย่างอยู่ครบ มีเพียงเงิน หายไป ๒๐๐ บาท พร้อมจดหมายจากผู้ที่เก็บได้ ระบุชื่อ "นวย" พร้อมข้อความว่า
"ผมเจอตกที่กำแพง ผมเป็นคนดี แต่ผมจน ผมขอค่าเหล้า ๑ ขวด ค่าไปรษณีย์ ค่าเสียเวลา ๒๐๐ ไม่รู้ว่าใครคือผม ผมสบาย ปิดทองหลังพระ"
จากนั้น เจ้าของกระเป๋า ได้นำเบอร์โทรศัพท์หน้ากล่องไปรษณีย์ โทรหา "นวย" รับสายครั้งแรก บอกว่า งานยุ่งเทปูนก่อน
รับสายครั้งที่สอง บอกว่า ไม่ต้องการเงิน เมื่อถามว่ามีเลขบัญชีไหม เพราะอยากจะตอบแทน นวย บอกว่าไม่มีเลขบัญชี ไม่รู้ที่อยู่ เพราะอยู่ในแคมป์คนงานก่อสร้าง และว่า "ผมไม่เอาดอก เงินแค่นั้น เก็บเอาไว้ใช้เถอะ มีแค่สองพันกว่า หวยที่ซื้อก็ไม่ถูก ผมเพิ่งตรวจแล้ว เงินมีเท่านั้นบ่อต้องแบ่งให้ดอก" ถ้าอยากตอบแทนก็ขอแค่เหล้า ๒ ขวด
ซึ่ง "นวย" ไม่ได้สนใจว่ากระเป๋าจะยี่ห้ออะไร มูลค่าเท่าไรที่รู้คือ มันเป็นแค่กระเป๋าสตางค์สีดำใบนึง มีเงินสองพันกว่าบาท มีบัตรเอทีเอ็ม 2 ใบ และบัตรประจำตัวประชาชน ๑ ใบ
ไทยรัฐ
ทั้งนี้ เจ้าของกระเป๋า เผยข้อคิดที่ได้จาก "นวย" คือ ไม่ใช่คนทุกคนที่อยากได้เงินเป็นการตอบแทน, เงินไม่ใช่สิ่งเดียวบนโลกที่สามารถประสานความสัมพันธ์ของมนุษย์ได้, คิดในแง่ลบ
การตอบแทนด้วยเงิน ก็อาจจะเทียบเท่าการเอาเงินฟาด การดูถูกหรือการแก้ไขปัญหาด้วยเงิน ซึ่งไม่ใช่ทุกคนที่จะเห็นด้วยกับการทำแบบนี้กับคนบางคน เงินก็มีค่าเพียงเล็กน้อย เมื่อเทียบกับสิ่งอื่นที่มีความต้องการมากกว่า,
นวย คือ คนจนผู้ยิ่งใหญ่ (คนจนในที่นี้พูดตามนวยแนะนำตัวเอง) ที่ว่ายิ่งใหญ่ คือ น้ำใจของนวย, รวย น้ำใจ คือ สิ่งที่ นวยแสดงให้ดู, นวย คือความซื่อสัตย์ (ในสิ่งที่นวยทำครั้งนี้ ),
เราไม่ควรอยากได้ของของคนอื่น
การที่ถูกนวยปฏิเสธรับเงิน ยอมรับเลยว่า รู้สึกอายอยู่เพราะเราใช้เงินตัดสินการกระทำของทุกๆ คนไม่ได้ ไม่ว่าคนคนนั้นจะมีฐานะทางการเงิน หรือ ทางสังคมแบบไหนคำว่า ศักดิ์ศรี มันมีความหมายกระแทกใจจริงๆ ก็วันนี้ ที่รู้จักนวยยอมรับเหล้าขาวสองขวด ซึ่งมีมูลค่าน้อยกว่าเงินที่จะให้นวยหลายเท่า
นวยไม่ได้โง่ และนวยไม่ได้บ้า แต่นวยพอใจแบบนั้น และเท่านั้น ความพอใจของคนเราไม่ได้ขึ้นอยู่กับมูลค่าของเงินเลย แต่มันคือ สิ่งที่เราต้องการมันจริงๆ มากกว่า ซึ่งมันก็จริงมาก และคนรวยกว่านวยบางคนที่เรารู้จัก ยังซื่อสัตย์ได้ไม่ดีเท่านวยทำครั้งนี้ครั้งเดียวและว่า อยากขอบคุณ “นวย” ผู้ไม่เล่นโซเชียลใดๆ
"โชคดีที่นวยเจอ และโชคดีที่เจอนวย"
เรื่องนี้ไม่ใช่แค่ในประเทศไทยนะ ร้อยเวรนึกถึงประเทศญี่ปุ่นซึ่งขึ้นชื่อในเรื่องนี้เลย
นอกจากกุญแจ แว่นตา และสิ่งของอื่นๆ ที่ผู้คนมักจะลืมทิ้งไว้ ตำรวจญี่ปุ่นเผยว่าแต่ละปี มีคนเก็บ “เงินสด”นำมาคืนรวมเป็นมูลค่านับพันล้านบาท กรมตำรวจนครบาลโตเกียวเปิดเผยว่าปีที่แล้ว มีคนเก็บเงินได้และนำส่งเจ้าหน้าที่คิดเป็นมูลค่ารวมกันถึง ๓ พัน ๖ ร้อยล้านเยน หรือประมาณ ๑ พัน ๑ ร้อยล้านบาท ที่สำคัญ ๓ ใน 4 ของเงินจำนวนนี้ กลับคืนถึงมือเจ้าของด้วยในปี ๒๐๑๕
ในโตเกียว ภาพที่มักจะเห็นบ่อยๆ คือ ผู้คนกล้าที่จะวางไอโฟนรุ่นใหม่ล่าสุดเพื่อจองโต๊ะหรือที่นั่งในร้านกาแฟระหว่างที่ไปสั่งอาหารหน้าเคาน์เตอร์ โดยไม่กลัวว่าจะถูกขโมย แม้แต่ของที่ดูไม่มีค่ามีราคา หากลืมทิ้งไว้ในร้านเจ้าของร้านก็จะเก็บไว้ เพราะเชื่อว่าลูกค้าจะกลับมาเอาไม่วันใดก็วันหนึ่งทั้งนี้ โรงเรียนญี่ปุ่นมีการปลูกฝังเรื่องจริยธรรมและศีลธรรม โดยให้นักเรียนนึกถึงความรู้สึกของผู้ที่ทำของหรือเงินหาย จึงไม่ใช่เรื่องแปลกที่จะเห็นเด็กๆ นำเหรียญที่มีมูลค่าน้อยๆ แม้แต่เหรียญ ๑๐ เยน เท่ากับ ๓ บาท ที่เก็บได้มาให้ตำรวจ
นอกจากนี้ ญี่ปุ่นยังมีกฎหมายว่าด้วยของหาย ซึ่งระบุว่า ผู้ใดที่เก็บเงินได้ต้องส่งให้กับตำรวจ และมีสิทธิที่จะได้รับรางวัลร้อยละ ๕ ถึง ๒๐ หากมีเจ้าของมาแสดงตัวรับคืน แต่ถ้าไม่มีผู้มารับคืนภายในสามเดือนก็จะยกให้ผู้ที่เก็บได้ทั้งหมด
pikdo.net
#ใจเขาใจเรา ของใคร ใครก็รัก^^ ... แต่ร้อยเวรรักทุกคนน๊ะ
ขอบคุณข้อมูลจาก ไทยรัฐออนไลน์ และเครดิตตามภาพครับ
โฆษณา