11 ก.ค. 2019 เวลา 00:54 • ประวัติศาสตร์
โคลัมบัส คือ วีรบุรุษหรือฆ่าตกร ? ตอนที่ 3 : เมื่อไม่เจอทองคำ ก็จับชาวพื้นเมืองเป็นทาส เป็นจุดเริ่มต้นของการ “ค้าทาส” อีกส่วนคือการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ในนาม “พระเจ้า” ...
ในที่สุดชาวเกาะก็เริ่มการต่อต้านด้วยการไม่ยอมปลูกพืชอาหาร สําหรับชาวสเปน คริสโตเฟอร์ โคลัมบัส ถือโอกาสประกาศสงคราม เขาสั่งทหาร เดินเท้าและทหารม้าออกไปล่าชาวเกาะที่หลบหนี
พร้อมกับปล่อยสุนัขล่าสัตว์ออกไปฉีกร่างของผู้ที่หนีไม่ทัน “ด้วยความช่วยเหลือจากพระเจ้า” ชัยชนะก็ตกเป็นของชาวสเปน ผู้หลบหนีก็ถูกจับได้และถูกฆ่าจนหมด
การไม่พบทองคําบนเกาะทําให้เขาต้องชดเชยด้วยการ “ค้าทาส” ในปี ค.ศ. 1495 (พ.ศ. 2038) ชาวเกาะ จำนวนกว่า 1,500 คนถูกต้อนให้มารวมกัน และเขาเลือกคนที่แข็งแรงที่สุด 500 คนส่งกลับไปขายที่สเปนและคัดอีก 500 คน ไว้ใช้งานบนเกาะ
ยุคของความโหดร้ายทารุณก็เริ่มขึ้นในทะเลแคริบเบียน ชาวสเปนล่าชาวเกาะเป็นกีฬาและสังหารเพื่อเอาเนื้อเลี้ยงสุนัขล่าสัตว์ ชาวเกาะที่มีอายุเกิน 14 ปี จะต้องหาทองคําให้ชาวสเปน
ผู้ที่หาทองคําไม่ได้จะถูกลงโทษด้วยการตัดมือ ข้อสําคัญคือเขาไม่รู้สึกผิดในความอํามหิตของตน เลย คริสโตเฟอร์ โคลัมบัส ได้เขียนจดหมายถึงกษัตริย์และราชินีสเปนอย่างภูมิใจใน ปี ค.ศ. 1496 (พ.ศ. 2039) ว่า “ในนามของพระเจ้า เราสามารถส่งคนพวกนี้ออกขายเป็นทาส” และเขาก็ส่งชาวเกาะ ประมาณ 5,000 คนไปขายเป็นทาสในยุโรป
ชาวสเปนรุ่นต่อมาต่างเดินตามรอยคริสโตเฟอร์ โคลัมบัส โหดร้ายทารุณและทํางานหนักในการขุดหาทองคํา ทําให้ชาวเกาะ บางครั้งก็ฆ่าตัวตายหมู่นับร้อยคน หญิงชาวเกาะที่ตั้งครรภ์ต่างแท้งลูก ถ้าคลอดได้ก็มักจะฆ่าลูกเพื่อจะได้ไม่ต้องเป็นทาส ชาวพื้นเมืองที่หลบหนีมา ก็ถูกตามไปจับ
การฆ่าในนาม "พระเจ้า" (Kill For God)
เมื่อถึงปี ค.ศ.1516 (พ.ศ. 2059) หรือเพียง 24 ปีนับจาก คริสโตเฟอร์ โคลัมบัส ขึ้นฝั่ง ชาวเกาะซึ่งเคยมีประมาณ 3 ล้านคนก็เหลือ เพียง 12,000 คน ในปี ค.ศ.1542 (พ.ศ. 2085) มีชาวเกาะเหลือน้อยกว่า 200 คน และสูญพันธุ์ทั้งหมดเมื่อถึงปี 1555 (พ.ศ. 2098)
กล่าว อีกนัยหนึ่งก็คือคนของพระเจ้า ซึ่งนําโดย คริสโตเฟอร์ โคลัมบัส ฆ่าล้างเผ่าพันธ์ ชาวพื้นเมืองบนเกาะเฮติจํานวนประมาณ 3 ล้านคนหมดภายในเวลาเพียง 63 ปี และชะตากรรมที่ชาวเกาะอื่นๆ ในทะเลแคริบเบียนต้องเผชิญก็ไม่ต่างกับชาวเกาะเฮติ
ต่อมานายทหารสเปนสองคนคือ เฮอร์นาน คอส์เตส และฟรานซิสโก ปิซาโร ก็ทําลายล้างอาณาจักรแอซเทคในแม็กซิโก (ค.ศ. 1519-1521) และอาณาจักรอินคาในเปรู (ค.ศ. 1532-1535) จนล่มสลาย ตามมาด้วยการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ชาวพื้นเมืองในอเมริกาเหนือโดยชาวอังกฤษ และชาวยุโรปอื่นๆ ทั้งหมดทําในนาม “พระเจ้า” ของนิกายคาทอลิกและ โปรเตสแตนต์
ปัญหาเกี่ยวกับแบบเรียนประวัติศาสตร์อเมริกันตลอด 200 ปี ปัจจุบันก็คือแบบเรียนเหล่านั้นต่างยกย่องให้ คริสโตเฟอร์ โคลัมบัส เป็นคนแรกของอเมริกาโดยไม่เอ่ยถึงพฤติกรรมโหดอันน่าขยะแขยงของ
แถมเสกสรรค์ปั้นแต่งให้การเดินทางของ โคลัมบัส ยากลำบาก ตื่นเต้นเกินจริง ทั้งนี้เพื่อให้สอดคล้องกับภาพ “วีรบุรุษ” ที่ใช้ปลูกฝังกําเนิดอันยิ่งใหญ่ของประเทศให้เยาวชนอเมริกันตลอดหลายชั่วอายุคน
ฝากกด Follow
Books Reference :
Candy Moylton, "Everyday Life Among The American Indians, 1880-1900", Digest Books, Cincinnati, USA 2001
Oliver Stone and Peter Kuznick "The Untold History of the United States," 2013
โฆษณา